มูลนิธิศูนย์ข้อมูลจราจรอัจฉริยะไทย (Intelligent Traffic Information enter Foundation) หรือ iTIC ร่วมกับ กระทรวงคมนาคม และอีกหลายหน่วยงานในภาครัฐ จัดสัมมนา ผยแพร่ความรู้ด้าน Connectivity and Smart Mobility ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ยกระดับการพัฒนาระบบขนส่ง การจราจรอัจฉริยะและลดอุบัติเหตุในประเทศไทยแบบ real-time
มูลนิธิศูนย์ข้อมูลจราจรอัจฉริยะไทย (Intelligent Traffic Information Center Foundation) หรือ iTIC เป็นองค์กรไม่แสวงหากำไร ก่อตั้งเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2553 ภายใต้วัตถุประสงค์ในการเป็นศูนย์รวบรวมข้อมูลจราจรจากภาครัฐและภาคเอกชน มาประมวลผลเพื่อพัฒนาต่อยอด และเผยแพร่แบบ Real-time เพื่อลดปัญหาจราจร เพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนน ตลอดจนพัฒนาประสิทธิภาพระบบขนส่ง และการเดินทาง
โดยประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ฟรี ผ่าน Website และ Application ของ iTIC เพื่อใช้วางแผนการเดินทาง หลีกเลี่ยงการจราจรติดขัด และเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนน ลดอุบัติเหตุ ซึ่งความสำเร็จตลอด 13 ปีที่ผ่านมา ล้วนเกิดจากความร่วมมือ และการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ล่าสุด มูลนิธิศูนย์ข้อมูลจราจรอัจฉริยะไทย ร่วมกับ กระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข กองบัญชาการตำรวจนครบาล สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล สมาคมระบบขนส่งและจราจรอัจฉริยะไทย และคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดสัมมนา 4th iTIC FORUM 2023: Power of Connectivity and Smart Mobility
เผยแพร่ความรู้ด้าน Connectivity and Smart Mobility ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ยกระดับการพัฒนาระบบขนส่ง การจราจรอัจฉริยะและลดอุบัติเหตุในประเทศไทยแบบ real-time เนื่องจาก ประเทศไทยมีอุบัติเหตุเป็นอันดับ 9 ของโลก มีผู้เสียชีวิต 17,379 คน/ปี หรือ กว่า 48คน/วัน มีฝุ่นควันพิษมากเป็นอันดับที่ 30 ของโลก และกรุงเทพมหานครรถติดเป็นอันดับ 32 ของโลก
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวเปิดงาน และปาฐกถาพิเศษ “ความพร้อมของการเชื่อมต่อ โครงสร้างพื้นฐานในประเทศไทย” ในงานครั้งนี้ว่า
“การสัมมนาในครั้งนี้สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงคมนาคมที่มุ่งเน้น 4 แนวทางหลักคือ 1.เปิดประตูการค้า การท่องเที่ยว ด้วยการพัฒนารถไฟทางคู่ และรถไฟความเร็วสูง ส่งเสริม และพัฒนาระบบโครงข่ายทางถนน และทางพิเศษให้ครอบคลุมความต้องการเดินทางของประชาชน ตลอดจนส่งเสริมพัฒนาระบบการขนส่งสินค้าทางน้ำที่มีต้นทุนต่ำที่สุด ด้วยการเพิ่มขีดความสามารถของท่าเรือแหลมฉบัง ตลอดจนการศึกษาโครงการ Land Bridge เชื่อมทะเลอันดามัน และอ่าวไทย 2.เน้นความปลอดภัยลดอุบัติเหตุในการเดินทางของประชาชน 3.เพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดี และลดต้นทุนในการเดินทาง 4. เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น Green Transport ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์และ PM 2.5 โดยส่งเสริมการใช้พลังงานทางเลือกในการเดินทาง รวมทั้งการบูรณาการ ร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาการจราจร กระทรวงคมนาคมได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน บริการครอบคลุมการเดินทาง อาทิ รถไฟใต้ดิน บนดิน ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ปัจจุบันเปิดให้บริการทั้งสิ้น 12 เส้นทาง ระยะทางรวม 276.84 กิโลเมตร ถนนทางหลวง ทางหลวงชนบท และทางหลวงท้องถิ่นรวมระยะทาง 707,364.25 กิโลเมตร”
นายนินนาท ไชยธีรภิญโญ ประธานมูลนิธิศูนย์ข้อมูลจราจรอัจฉริยะไทย (Intelligent Traffic Information enter Foundation) หรือ “ iTIC” กล่าวว่า
“มูลนิธิฯ พร้อมระดมพลังความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ และเอกชนขับเคลื่อนข้อมูล Big Data ระหว่างหน่วยงานต่างๆ นำมาประมวลผล วิเคราะห์ข้อมูลแก้ปัญหาจราจร และลดอุบัติเหตุแบบ real-time เช่น การปิดจราจร อุบัติภัย ไฟไหม้ เมฆฝน และน้ำท่วม ภัยพิบัติ หรือแม้กระทั่ง ฝุ่น PM2.5 ตลอด 24 ชั่วโมง ที่สำคัญ มีการแจ้งเตือนการเกิดอุบัติเหตุ ให้ผู้ขับขี่ที่เดินทางไปในบริเวณรัศมี 5 กิโลเมตรจากจุดเกิดเหตุ iTIC รายงานข้อมูลแบบ Real time traffic โดยใช้ข้อมูลจาก Vehicle Probe กว่า 100,000 คัน ที่วิ่งอยู่ทั่วประเทศมาประมวลผล แสดงบน Digital Map มีกล้อง CCTV รวมทั้งหมด 282 กล้อง อนาคตมีแผนขยายการเชื่อมต่อกล้อง CCTV จากเทศบาลเมืองภูเก็ต อุดรธานี หนองคาย เชียงใหม่ และอีกหลายจังหวัด กล้อง CCTV นอกจากใช้ประโยชน์ในการดูสภาพจราจรแบบ Real time แล้ว ยังใช้ในการวิเคราะห์สาเหตุของอุบัติเหตุ มีการเสนอจุดฝืดของจราจร 20 จุดใน กทม. รวมทั้งจุดเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุที่กทม. และ ฉะเชิงเทรา”
รองศาสตราจารย์ ดร.วิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึง
“แนวคิดใหม่ในการสัญจรของคนกรุง” การเดินทางที่ดีเป็นนโยบายของกทม. ที่มุ่งเน้นให้ผู้คนเดินทางให้เกิดความสะดวกสบายและปลอดภัย แต่ปัจจุบันยังพบว่าปัญหาการเดินทางของประชาชน คือ การเชื่อมต่อจุดหมายปลายทางของการเดินทาง บางเส้นทางโครงข่ายรถไฟฟ้ายังไปไม่ถึง ที่ผ่านมากทม.ได้มีการทำแพลตฟอร์ม Traffic Fongdu ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแจ้งเรื่องร้องเรียนถึงปัญหาต่างๆของประชาชนในกรุงเทพฯ ประมาณ 300,000 เรื่อง พบว่าปัญหาที่ประชาชนร้องเรียนเข้ามาส่วนใหญ่ คือ เรื่องปัญหาการเดินทางถนนและปัญหาบนทางเท้า ทั้งนี้กทม.มีแผนจะปรับปรุงทางเท้าใหม่ โดยใช้มาตรฐานใหม่ในการก่อสร้างทั้งวัสดุผิวทางเท้า,คอนกรีตเสริมเหล็กหนาประมาณ 10 ซม. ทั้งยังมีแผนดำเนินการก่อสร้างทางเดินสำหรับกันแดดและการฝนเพื่อเชื่อมต่อป้ายรถประจำทางและสถานีรถไฟฟ้า นอกจากนี้ขณะเดียวกันกทม.ยังมีโครงการแก้ปัญหาจราจรในกรุงเทพฯด้วยการติดตั้งระบบควบคุมสัญญาณไฟจราจรเป็นพื้นที่ (ATC) โดยเป็นการนำข้อมูล Probe Data มาใช้ในพื้นที่โครงการ ซึ่งจะช่วยลดความล่าช้าการเดินทางในชั่วโมงเร่งด่วนลง 10% และลดความล่าช้าการเดินทางนอกชั่วโมงเร่งด่วนลง 30% โดย กทม.มุ่งเน้นแก้ไขปัญหาจุดฝืด-จุดรถติด เพื่อแก้ปัญหาการจราจรและลดอุบัติเหตุในกรุงเทพฯ อย่างยั่งยืน
ในช่วงเช้าของการสัมมนายังมีการบรรยายพิเศษ โดยได้รับเกียรติจาก Vehicle Information and Communication Systems (VICS) และ Intelligent Transportation Society of Taiwan (ITS Taiwan) มาแบ่งปันประสบการณ์ความสำเร็จในการแก้ปัญหาจราจร และลดอุบัติเหตุบนท้องถนน ตลอดจนเทคโนโลยีการเดินทางอัจฉริยะ รวมทั้ง บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ได้แลกเปลี่ยนความรู้เรื่อง “ศักยภาพของเอกชนไทยในการขับเคลื่อนสมาร์ทโลจิสติกส์ รถ-เรือ-ราง ด้วย Green Transportation”
ตลาดรถมือสอง มีรถมากมายให้เลือกในราคาที่ถูกใจ