ราคา Honda Accord 2023 มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย
- รุ่น e:HEV E ราคาประมาณการไม่เกิน 1,530,000 บาท***
- รุ่น e:HEV EL ราคาประมาณการไม่เกิน 1,670,000 บาท***
- รุ่น e:HEV RS ราคาประมาณการไม่เกิน 1,800,000 บาท***
Honda Accord 2023 มีให้เลือก 4 สี
- สีขาวแพลทินัม (มุก)
- สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก)
- สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก)
- สีดำคริสตัล (มุก)
ภายในห้องโดยสารเป็นสีดำในรุ่น E, EL และสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดงในรุ่น RS
อ่านเพิ่มเติม - Honda City Hatchback 2023 โชว์สีใหม่ สีขาวพรีเมียมซันไลท์ จำนวนจำกัด
ฮอนด้า แอคคอร์ด เจเนอเรชันใหม่ 2023 (Honda Accord 2023) มาพร้อมระบบฟูลไฮบริด e:HEV และ Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย เปิดลงทะเบียนจองสิทธิ์เพื่อเป็นเจ้าของ และเตรียมเปิดตัว 17 ต.ค. 2566
ฮอนด้า แอคคอร์ด เจเนอเรชันใหม่ 2023 (Honda Accord 2023) ดีไซน์ภายนอก
- กระจังหน้าดีไซน์สปอร์ตใหม่ โดดเด่นด้วยแพตเทิร์นที่มีมิติ สะกดทุกสายตา
- ไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED
- ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED
- กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า พร้อมพับเก็บอัตโนมัติ
- กระจกมองข้างด้านซ้ายปรับลดอัตโนมัติเมื่อถอยหลัง (รุ่น e:HEV EL และ e:HEV RS)
- ระบบเปิด - ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ
- เสาอากาศครีบฉลาม
- ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว สีเงิน (รุ่น e:HEV E) และขนาด 18 นิ้ว ดีไซน์สปอร์ตสีดำ (รุ่น e:HEV EL)
ฃฮอนด้า แอคคอร์ด เจเนอเรชันใหม่ 2023 (Honda Accord 2023) ภายในห้องโดยสาร
- ใหม่ ปุ่ม Experience Selection Dial ที่สามารถหมุนเพื่อเลือกและบันทึกฟังก์ชันการใช้งานต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย โดยสามารถปรับเลือกระบบปรับอากาศ ระบบเครื่องเสียง และไฟสร้างบรรยากาศภายในรถยนต์ได้ ซึ่งจะแสดงผลบนระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว ช่วยให้ผู้ใช้รถสัมผัสกับประสบการณ์การควบคุมได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งสามารถตั้งค่าผู้ใช้งานได้จำนวนสูงสุดถึง 8 แบบ
- ใหม่ ไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารแบบปรับเฉดสีได้ (Multi-color Ambient Light) ที่ได้รับการติดตั้งใน ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่ เป็นครั้งแรก (รุ่น e:HEV EL และ e:HEV RS)
- ใหม่ ระบบเครื่องเสียงพร้อมลำโพง BOSE 12 ตำแหน่ง
- ระบบฟอกอากาศภายในห้องโดยสาร Plasmacluster (รุ่น e:HEV EL และ e:HEV RS)
- เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับดันหลัง 4 ทิศทาง
- ระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ พร้อมเลื่อนอัตโนมัติเวลาขึ้น-ลงรถ
- ใหม่ เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง
- ปุ่มปรับเบาะไฟฟ้าข้างพนักพิงเบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า (รุ่น e:HEV EL และ e:HEV RS)
- ใหม่ ระบบควบคุมประตูอัจฉริยะ (Honda Smart Key System) พร้อม Honda Smart Key Card (รุ่น e:HEV RS)
- ใหม่ ครั้งแรกของรถยนต์ฮอนด้า ที่ระบบเชื่อมต่อ Honda CONNECT มาพร้อมเทคโนโลยี Digital Key
- ช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
- ม่านบังแดดกระจกข้างด้านหลัง
- อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger)
พิเศษครั้งแรกในโลก ฮอนด้า แอคคอร์ด เจเนอเรชันใหม่ 2023 (Honda Accord 2023) รุ่น e:HEV RS
- เอกลักษณ์เฉพาะรุ่น กับสัญลักษณ์ RS บนกระจังหน้าและด้านท้าย
- ใหม่ หลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามา เปิดมุมมองที่กว้างขวาง ยกระดับสุนทรียภาพในการเดินทาง
- ใหม่ ไฟเลี้ยวด้านหน้าและด้านหลังแบบ LED Sequential
- ไฟส่องมือจับเปิดประตูด้านนอก
- กระจกมองข้างปรับไฟฟ้าพร้อมพับเก็บอัตโนมัติ สีดำแบบสปอร์ต
- ช่องระบายอากาศด้านข้างสีเงิน เสริมความ Contrast และพรีเมียมยิ่งขึ้น
- เสาอากาศครีบฉลามสีดำแบบสปอร์ต
- สปอยเลอร์หลังสีดำแบบสปอร์ต
- ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว เสริมความสปอร์ตหรูด้วยสีดำแบบแมตต์
- ภายในห้องโดยสาร มาพร้อมเบาะหนังสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง และชุดตกแต่งภายในสีเงิน Metallic ลาย 3 มิติ และสีดำ Piano Black
ทุกรุ่นย่อย ขุมกำลังฟูลไฮบริด e:HEV
ด้วยการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง 2 ตัว ในระบบเกียร์ E-CVT ได้แก่ มอเตอร์ที่ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า (Motor Generator) และมอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ (Motor Drive) มอบแรงบิดสูงสุด 335 นิวตัน-เมตร และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนประสิทธิภาพสูง ผสานการทำงานกับเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร Direct Injection Atkinson-Cycle DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว พัฒนาใหม่ เคลมประหยัดน้ำมันที่เยี่ยมถึง 25 กม./ลิตร ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 96 กรัม/กิโลเมตร
ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการทำงานให้เหมาะสมกับทุกสถานการณ์การขับขี่ (Intelligent Multi-mode drive) ประกอบไปด้วยการทำงานของโหมดการขับขี่ 3 โหมด ได้แก่
- โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode)
- โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode)
- โหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode)
ระบบจะเปลี่ยนพลังงานที่เกิดขึ้นจากการลดความเร็วนั้นให้เป็นพลังงานไฟฟ้า และชาร์จกลับไปยังแบตเตอรี่ (Regeneration) ยังมาพร้อมสวิตช์ฟังก์ชัน Drive Mode ที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้ตามสไตล์ เพียงกดปุ่มที่อยู่บริเวณด้านล่างของคันเกียร์ ได้แก่ โหมดการขับขี่แบบ Individual (Individual Mode) ที่สามารถเลือกปรับเปลี่ยนการทำงานของระบบส่งกำลัง พวงมาลัย ระบบ Adaptive cruise control และสีของมาตรวัดได้อย่างอิสระ
- โหมดการขับขี่แบบสปอร์ต (Sport Mode)
- โหมดการขับขี่แบบปกติ (Normal Mode)
- โหมดการขับขี่แบบประหยัด (Econ Mode)
Honda SENSING ทุกรุ่นย่อย
มั่นใจยิ่งขึ้นในทุกเส้นทาง ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING พร้อมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัยอื่น ๆ และเทคโนโลยีการขับขี่ที่ครบครัน ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่ ทุกรุ่นย่อยมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ที่ผสานการทำงานของกล้องมุมกว้างด้านหน้าและเรดาร์ ในการตรวจจับรถยนต์ รถจักรยานยนต์ จักรยาน และคนเดินถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีฟังก์ชันการทำงานหลัก ๆ ดังนี้
- ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
- ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning : RDM with LDW)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB) หรือ ใหม่ ครั้งแรกใน แอคคอร์ด กับระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ (Adaptive Driving Beam: ADB) (เฉพาะรุ่น e:HEV RS) ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในเวลากลางคืนและปรับองศาของแสงไฟเพื่อลดการรบกวนรถด้านหน้าและคนเดินถนน
- ใหม่ ครั้งแรกใน แอคคอร์ด กับ ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN)
พร้อมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัยและเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่อื่น ๆ อาทิ
- สวิตช์ควบคุมโหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Switch) ซึ่งติดตั้งอยู่บริเวณคอนโซลกลาง ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเข้าถึงอารมณ์การขับขี่ด้วยไฟฟ้า โดยมีการเพิ่ม Charge Mode เข้ามาเป็นครั้งแรกใน แอคคอร์ด ซึ่งเป็นโหมดที่จะชาร์จแบตเตอรี่ ในขณะที่รถวิ่งด้วยน้ำมัน และยังมีการพัฒนาแรงขับเคลื่อนของ EV ในช่วงความเร็วไม่เกิน 50 กม./ชม. ซึ่งเหมาะแก่การวิ่งในย่านชุมชน เพื่อยืดระยะของการวิ่งด้วย EV ให้ยาวนานขึ้น
- ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง (Multi-view Camera System: MVCS) (รุ่น e:HEV EL และ e:HEV RS)
- เซ็นเซอร์กะระยะหน้า 4 จุด และ หลัง 4 จุด (รุ่น e:HEV EL และ e:HEV RS)
- ไฟส่องสว่างด้านข้างอัตโนมัติขณะเลี้ยว (Active Cornering Light: ACL) (เฉพาะรุ่น e:HEV RS)
- ใหม่ ระบบเพิ่มความเสถียรและความคล่องตัวในการขับขี่ (Motion Management System: MMS)
- ถุงลม 8 ตำแหน่ง ได้แก่ ถุงลมคู่หน้า ถุงลมด้านข้างคู่หน้า ม่านถุงลมด้านข้าง และใหม่ ถุงลมหัวเข่าคู่หน้า
- ระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย (Deceleration Paddle Selectors)
- ใหม่ ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder)
- ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า และใหม่ ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหลัง
- ระบบควบคุมเสียงรบกวนเข้าห้องโดยสาร (ANC) และ ใหม่ รุ่น e:HEV RS มาพร้อมเซนเซอร์ตรวจจับเสียงรบกวนจากพื้นถนน (Road noise ANC)
- ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch)
ระบบอินโฟเทนท์เมนต์ Google built-in
ระบบ Google built-in พบกับแอปที่คุณชื่นชอบอย่าง Google Assistant, Google Maps และแอปอื่น ๆ อีกมากมายจาก Google Play
- หน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย และรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto
- ระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า (Head-up Display: HUD) ขนาด 11.5 นิ้ว (รุ่น e:HEV EL และ e:HEV RS)
- มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว ซึ่งเป็นจอแบบ Full Graphic LCD ที่สามารถแสดงผลทั้งการทำงานของเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ข้อมูลการขับขี่ และข้อมูลต่าง ๆ ของตัวรถในรูปแบบของกราฟิกขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังสามารถแสดงผลการทำงานของ Maps ได้เต็มหน้าจอ เมื่อใช้งาน Google built-in อีกด้วย ช่วยอำนวยความสะดวกสบาย แม้จะมีการทำงานของระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ก็ไม่รบกวนการนำทางบนหน้าจอ
- ช่องเชื่อมต่อ USB Type C 4 ตำแหน่ง ได้แก่ ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง และด้านหลัง 2 ตำแหน่ง
- ฟังก์ชันการอัปเดตซอฟต์แวร์ Over-The-Air (OTA) ช่วยให้ผู้ใช้รถไม่เพียงสามารถอัปเดตระบบ Infotainment แต่ยังสามารถอัปเดตการทำงานของ ECU จากทางไกลได้ ผ่านทางระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว หรือผ่านทางแอปพลิเคชันในสมาร์ตโฟน เพิ่มความสะดวกสบายโดยที่ไม่ต้องเข้าไปยังศูนย์บริการ
ตลาดรถมือสอง มีรถมากมายให้เลือกในราคาที่ถูกใจ