นิสสัน เพิ่งฉลองครบ 90 ปีเต็ม เมื่อเดือนธันวาคม 2566 ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา นิสสันมักมีสิ่งใหม่ ๆ ที่คนคาดไม่ถึงมานำเสนออยู่เสมอ ผ่านมานิสสันทำอะไร และมีอะไรบ้างที่นิสสัน กล้าที่จะทำในสิ่งที่คนอื่นไม่กล้าทำ “dare to do what others don’t”
นิสสัน มอเตอร์ ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1933 ที่เมืองโยโกฮามา เพื่อผลิตรถยนต์ขึ้นเองในประเทศญี่ปุ่น เป็นรถยนต์ที่ผลิตจำนวนมากหรือ mass production หลังจากก่อตั้งแล้วไม่นาน นิสสัน มอเตอร์ ก็เริ่มส่งออกไปยังประเทศอื่น ๆ ในเอเชีย อเมริกา และภูมิภาคต่าง ๆ ก่อนจะขยายธุรกิจไปทั่วโลก มีโรงงานผลิตในหลาย ๆ ภูมิภาค
ปัจจุบัน นิสสันมีโรงงานผลิตในประเทศไทยซึ่งผลิตทั้งรถยนต์นั่งส่วนบุคคล และรถยนต์กระบะหนึ่งตันเพื่อการพาณิชย์ รวมถึงยังเป็นฐานการประกอบแบตเตอรี และชุดขับเคลื่อนของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบ อี-พาวเวอร์ เพื่อส่งออกไปทั่วภูมิภาคอาเซียน และหลายประเทศทั่วโลก
อ่านเพิ่มเติม - นิสสัน ให้บัตรโลตัส มูลค่า 500 บาท กับรถยนต์ 10 รุ่น เมื่อเปลี่ยนชุดถุงลมนิรภัยทาคาตะ
นิสสัน มอเตอร์ ยังได้ร่วมมือทางเทคนิค และเข้าซื้อกิจการบริษัทอื่น ๆ เช่น การร่วมมือด้านเทคนิคกับ ออสติน มอเตอร์ ของอังกฤษ เข้าซื้อกิจการ ปริ๊นซ์ มอเตอร์ เป็นต้น ทำให้รถยนต์ของนิสสันมีความหลากหลาย มีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
เมื่อผนวกกับความสามารถของทีมวิศวกรชั้นนำของนิสสัน ทำให้ตลอด 90 ปีที่ผ่านมา นิสสันได้สร้างสรรค์นวัตกรรมที่เป็นครั้งแรกของโลกมากมาย เช่น
Nissan LEAF (นิสสัน ลีฟ)
ผลงานที่สะท้อนความ Dare to do what others don’t มากที่สุดของนิสสัน จะมีทั้งสองขั้ว คือ ฝั่งสมรรถนะ กับฝั่งที่เป็นรถยนต์พลังงานทางเลือกเพื่อความยั่งยืน
Nissan Skyline GT-R 1969
Nissan Z
Nissan Skyline GT-R 1969 (นิสสัน สกายไลน์ จีที-อาร์ ปี 1969) - Nissan Z (นิสสัน แซท)
ในกลุ่มรถสมรรถนะสูง แน่นอนว่าชื่อของ สกายไลน์, จีที-อาร์, และ แซท (Z) ที่ล้วนแต่เป็นรถในฝันของนักเลงรถ เพราะไม่เป็นสองรองใครในเรื่องของวิศวกรรม การออกแบบ และประวัติในฐานะแชมป์สนามแข่งระดับตำนาน และสุดยอดความภูมิใจของนิสสัน อาทิ นิสสัน จีที-อาร์ ที่ได้ชื่อว่าเป็นเทพในสนามแข่ง
เป็นครั้งแรกที่ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นเอาชนะค่ายรถยนต์ที่เคยครองแชมป์สนามแข่งมาหลายปีในหลายๆ สนามได้อย่างราบคาบในยุค 1960s และมีการพัฒนาต่อเนื่องมาจนทุกวันนี้ รุ่นล่าสุดคือ GT-R R35 และแม้กระทั่งในงาน Japan Mobility Show หรือโตเกียวมอเตอร์โชว์โฉมใหม่ซึ่งจัดไปเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา หนึ่งในคอนเซ็ปต์คาร์ของนิสสันก็ยังรวมถึงรถสมรรถนะสูงอย่าง ไฮเปอร์ ฟอร์ซ ซึ่งเปรียบเสมือนตัวตายตัวแทนของ จีที-อาร์ R35 อีกด้วย
Nissan TAMA
ในอีกขั้วหนึ่งคือ รถยนต์พลังงานทางเลือกที่กำลังเป็นเทรนด์สำคัญในปัจจุบัน ซึ่งที่จริงแล้วรถยนต์พลังงานไฟฟ้าไม่ได้เป็นเรื่องใหม่สำหรับนิสสัน เพราะรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอยู่คู่ประวัติศาสตร์นิสสันมาเกือบ 80 ปีแล้ว นั่นก็คือ รถไฟฟ้ารุ่นแรกที่ชื่อ TAMA ที่ถูกพัฒนาขึ้นตั้งแต่ปี 1947 หลังสงครามโลกจบลงใหม่ ๆ ญี่ปุ่นขาดแคลนน้ำมัน อาหาร และทรัพยากรต่างๆ แต่มีพลังงานไฟฟ้ามาก เพราะแทบจะไม่มีการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านหรือการผลิตเลย จึงเกิดไอเดียที่จะพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าขึ้น TAMA วิ่งได้ไกลถึง 96 กิโลเมตร ด้วยความเร็ว 35 กิโลเมตรต่อชั่วโมงถือว่าล้ำหน้ามากในยุคนั้น
Nissan Ariya
วันนี้ รถยนต์ไฟฟ้ากลับมาเป็นความหวังของคนทั้งโลกอีกครั้ง ไม่ใช่เพราะพลังงานไฟฟ้ามีเหลือเฟือ แต่เพราะคนทั้งโลกตระหนักถึงความรับผิดชอบในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืนมากขึ้น นิสสันเอง ก็ได้พัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้าต่อเนื่อง เช่น นิสสัน ลีฟ (Leaf) นิสสัน ซากุระ (Sakura) และ นิสสัน อริยะ (Ariya) แม้กระทั่งคอนเซ็ปต์คาร์ทั้ง 5 รุ่นของนิสสันที่แสดงในงานเจแปน โมบิลิตี้ โชว์ ที่ผ่านมา เป็นรถพลังงานไฟฟ้าทั้งหมด
รวมทั้งยังพลิกโฉมดีไซน์ และฟังก์ชั่นการใช้งาน สะท้อนให้เห็นว่ารถยนต์แห่งอนาคตจะช่วยให้เราใช้ชีวิตได้เต็มที่พร้อมกับแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมได้มากแค่ไหน สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานให้สอดคล้องกับวิถีการใช้ชีวิต ตอกย้ำมุมมองของนิสสันที่เชื่อว่ารถยนต์แห่งอนาคต คือ รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า และเทคโนโลยีรถยนต์อัจฉริยะที่จะสร้างความตื่นเต้น (Vehicle intelligence that electrifies our future)
นิสสัน ในประเทศไทย
นิสสัน เป็นรถสามัญประจำบ้านของหลายครอบครัวมาตลอด 70 กว่าปีที่นิสสันเข้ามาในประเทศไทย ตั้งแต่รุ่นแรก ๆ ที่ยังคงใช้แบรนด์ดัทสันก่อนจะเปลี่ยนชื่อมาเป็นนิสสัน เพราะความคุ้มค่า คุณภาพดี ขับขี่และดูแลรักษาง่าย ไม่ว่าจะเป็นรถบ้านหรือรถกระบะที่ขึ้นชื่อว่าทนทาน อึด บรรทุกของได้มาก วางใจได้
ปัจจุบันก็มีรถยนต์ให้เลือกหลายชนิดไม่ว่าจะเป็นรถซีดาน เอสยูวี รถสำหรับครอบครัวหรือ PPV และรถกระบะก็ตาม รวมทั้งยังมีเทคโนโลยีการขับเคลื่อนหลากหลายทั้งแบบที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง และเทคโนโลยี อี-พาวเวอร์ (e-POWER) ที่ให้ฟีลการขับขี่แบบรถยนต์ไฟฟ้า 100% แต่ไม่ต้องชาร์จไฟ
ตลาดรถมือสอง มีรถมากมายให้เลือกในราคาที่ถูกใจ