8 อันดับ SUV-PPV ที่ราคาเริ่มต้นกับตัวท็อปแตกต่างกันมากที่สุด

ตลาดรถยนต์ในประเทศ | 11 ก.ค 2560
แชร์ 1

รถแต่ละรุ่น หลายๆคนคงรู้ดีว่าไม่ได้มีเพียงรุ่นเดียวเท่านั้นที่นำมาขาย แต่จะมีทั้งรุ่นย่อยที่นำมาขายกันทั้ง ตัวท็อป ตัวรองท็อป ตัวโลว เหมือนที่เราเคยได้ยินกันมา ที่จะมีความแตกต่างกันทั้งเครื่องยนต์และออฟชั่น ฟีเจอร์ที่ให้ในแต่ละรุ่น และราคา วันนี้ Chobrod.com จะนำรุ่นรถประเภท SUV, Subcompact, PPV ที่มีราคารุ่นท็อปแตกต่างกับราคารุ่นเริ่มต้นมากที่สุด 8 อันดับจะมีรุ่นไหนบ้างไปดูกัน

8. Mazda CX-3
  • ราคาเริ่มต้น 835,000 บาท
  • รุ่นที่แพงที่สุด 1,155,000 บาท
  • ส่วนต่าง 320,000 บาท

Mazda CX-3
Mazda CX-3 กับออฟชั่นที่อัดแน่นมาไม่แพ้รุ่นใหญ่ในค่าย
 
มาเริ่มที่อันดับที่ 8 กับ Subcompact SUV จากค่าย zoom-zoom ที่เปิดตัวรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 1.5L ใหม่ขนาดเครื่องยนต์เล็กกว่าเดิม แต่ราคากลับสูงขึ้น แตกต่างกับรุ่นย่อยที่มีราคาเริ่มต้นถึง 320,000 บาท แต่ก็ต้องยอมแลกถ้าใครต้องการรถขนาด Subcompact ดีเซลที่ดูเหมือนจะเป็นรุ่นเดียวในสาย ที่ได้เทคโนโลยี SKYACTIV-D ระบบความปลอดภัยและความสะดวกสบายของอุปกรณ์ในการใช้งานไม่แพ้รุ่นพี่อย่าง CX-5 แถมถ้าใครต้องการสีแดงแบบ Soul Red แบบฉบับของมาสด้าก็ต้องเพิ่มงบอีกถึง 10,000 บาท
 
7. Ford Everest
  • ราคาเริ่มต้น 1,389,000 บาท
  • รุ่นที่แพงที่สุด 1,749,000 บาท
  • ส่วนต่าง 360,000 บาท

 Ford Everest
Ford Everest ถูกใครคนที่ชอบ PPV สไตล์อเมริกัน ดุดัน คันใหญ่
 
มาที่ PPV ยอดขายดีอีกรุ่นที่ถ้าใครต้องการรถที่มีสไตล์ อเมริกันใหญ่ๆ ดุๆ ละก็ คุณจะต้องมีงบประมาณเริ่มต้นที่ 1,389,000 บาทเลยทีเดียว และกับงบประมาณที่คุณต้องจ่ายเพิ่มอีก 360,000 บาทเพื่อที่คุณจะได้ตัวท็อปของรุ่น เพื่อแลกกับเครื่องยนต์ที่ใหญ่ขึ้นที่ 3.2L ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ เทคโนโลยีขับขี่อัจฉริยะต่างๆล่าสุดของทางค่าย หลังคาพาโนรามิค ระบบควบคุมความเร็ว ระบบเตือนการเบรคและอื่นๆ ก็ต้องไปช่างใจกันดูว่าคุ้มไหม ถ้างบถึงก็ซื้อได้ ออฟชั่นดี คุ้มค่าน่าคบหา
 
6. Nissan X-TRAIL
  • ราคาเริ่มต้น 1,239,000 บาท
  • รุ่นที่แพงที่สุด 1,603,000 บาท
  • ส่วนต่าง 364,000 บาท

Nissan X-TRAIL
X-TRAIL มีรุ่นเครื่องไฮบริดด้วย
 
ราคา 1,239,000 บาท คือ เงินที่คุณต้องจ่ายเพื่อจะเป็นเจ้าของ Nissan X-TRAIL ในรุ่นเครื่องยนต์ 2.0L ส่วนถ้าต้องการรุ่นที่เป็น Hybrid ราคาจะเริ่มต้นอยู่ที่ 1,324,000 บาท เราไปดูรุ่นที่ไม่เป็น Hybrid จะมีความแตกต่างที่ขนาดเครื่องยนต์เป็น 2.5L ได้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ได้ซันรูฟแบบพาโนรามิคพร้อมระบบเปิดปิดแบบ One-Touch ประตูท้ายเปิดปิดอัตโนมัติ กุญแจอัจฉริยะพร้อมปุ่มเปิดปิดประตูท้ายอัตโนมัติ (Auto Lift Gate) ระบบ Nissan Connect ถุงลมคู่หน้า (SRS Airbags) พร้อมถุงลมด้านข้าง (Side Airbags) และอื่นๆอีกมากมาย แต่คุณต้องแลกด้วยการจ่ายเพิ่ม 364,000 บาทเพื่อแลกกับความแตกต่างที่คุณจะได้
 
5. Isuzu MU-X
  • ราคาเริ่มต้น 1,099,000 บาท
  • รุ่นที่แพงที่สุด 1,474,000 บาท
  • ส่วนต่าง 375,000 บาท
Isuzu MU-X
Isuzu MU-X มีเครื่องยนต์ให้เลือกทั้ง 2 ขนาด 1.9L ,3.0L
 
มาที่อันดับที่ 5 ​PPV จากรถค่ายขวัญใจมหาชน Isuzu ที่ดัดแปลงรถออกมาเพื่อแสดงถึงความหรูหรา แทบคนละเรื่องกับตัวกระบะที่ดูสมบุกสมบัน ถ้าใครต้องการ PPV ที่มาจากพื้นฐานกระบะยอดนิยมอย่าง D-Max และยังมอบความเป็น “เอกลักษณ์และเอกสิทธิ์” ให้แก่คุณก็จะต้องมีงบประมาณเริ่มต้นที่ 1,099,000 บาท และถ้าอยากเพิ่มเอกสิทธิ์ให้กับรถของคุณมากขึ้น 375,000 บาทคือจำนวนเงินที่คุณต้องเพิ่มให้กับรุ่นท็อป เครื่องยนต์ 3.0L พวงมาลัยหนัง ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ( Cruise control ) กุญแจ Isuzu Genius Entry ระบบ Push Start จอแสดงข้อมูลการขับขี่ (Color Display MID) และอื่นๆ
 
4. MG GS
  • ราคาเริ่มต้น 890,000 บาท
  • รุ่นที่แพงที่สุด 1,310,000 บาท
  • ส่วนต่าง 420,000 บาท
 
MG GS
MG GS มีทั้งเครื่อง 1.5 และเครื่อง 2.0
 
เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อไม่นานกับรุ่นเครื่องยนต์ 1.5L ที่ทางค่ายต้องการจะให้รุ่นนี้มาลงตลาดแข่งกับประเภท Subcompact SUV ด้วย และทำราคาเริ่มต้นมาอยู่ที่ 890,000 บาท เพื่อให้ง่ายต่อการเอื้อมถึง แต่ถ้าใครต้องการระบบขับเครื่องแบบ AWD, สับเกียร์ได้มันๆ กับ Paddle Shif t, กุญแจ Keyless พร้อมปุ่ม Start คุณก็ต้องจ่ายเงินเพิ่มอีกถึง 420,000 บาท
 
3. Chevrolet Captiva
  • ราคาเริ่มต้น 1,249,000 บาท
  • รุ่นที่แพงที่สุด 1,690,000 บาท
  • ส่วนต่าง 441,000 บาท

Chevrolet Captiva 2.0 LTZ AT AWD
Chevrolet Captiva 2.0 LTZ AT AWD
 
แม้จะมีเสียงวิจารณ์เกี่ยวกับตัวรถและการใช้งานอยู่บ้าง แต่ด้วยการออกแบบที่โดนใจใครหลายๆ คน ในรุ่นนี้ก็ยังทำให้ยอดขายยังพอไปได้กับราคาเริ่มต้นที่ 1,249,000 บาทกับเครื่องยนต์เบนซินแบบฉบับของเชฟโรเล็ต แต่ถ้าใครอยากได้ตัวเครื่องดีเซลเทอร์โบที่มีออฟชั่นต่างๆ เพิ่มมาทั้งม่านถุงลม ระบบเตือนมุมอับสายตา กุญแจอัจฉริยะ ที่นั่งคนขับปรับระดับได้ 8 ทิศทางด้วยระบบไฟฟ้า และอื่นๆ อีกนิดหน่อยคุณก็ต้องเพิ่มเงินอีก 441,000 บาท
 
2. Mazda CX-5
  • ราคาเริ่มต้น 1,220,000 บาท
  • รุ่นที่แพงที่สุด 1,690,000 บาท
  • ส่วนต่าง 470,000 บาท

Mazda CX-5 SKYACTIV-D
Mazda CX-5 SKYACTIV-D
 
อีกรุ่นจากค่ายมาสด้า SUV รุ่นใหญ่สุด (ในตอนนี้) ของค่ายเจ้าแห่งการดีไซน์ ที่กำลังได้รับการยอมรับดีวันดีคืน ซึ่งถ้าคุณต้องการเป็นเจ้าของรุ่นนี้คุณจะต้องมีงบประมาณเริ่มต้นที่ 1,220,000 บาทเพื่อจะซื้อดีไซน์การออกแบบที่โฉบเฉี่ยวของมาสด้า แต่ถ้าคุณต้องการใช้งานเทคโนโลยี SKYACTIV-D เครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล ได้อารมณ์แบบ SUV ยุโรป เครื่องดีเซล ขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลา ระบบเตือนการชน เตือนการเปลี่ยนเลน และช่วยเบรคอัตโนมัติคุณจะต้องจ่ายเพิ่มอีกถึง 470,000 บาท
 
1. Toyota Fortuner
  • ราคาเริ่มต้น 1,229,000 บาท
  • รุ่นที่แพงที่สุด 1,769,000 บาท
  • ส่วนต่าง 540,000 บาท

Toyota Fortuner TRD Sportivo
Toyota Fortuner TRD Sportivo
 
มาที่อันดับหนึ่ง ทั้งความแตกต่างของรุ่นท๊อปกับรุ่นเริ่มต้น และยอดขายของรถประเภท PPV แต่ถ้าคุณอยากจะเป็นเจ้าของ PPV อันดับหนึ่งของเมืองไทยรุ่นนี้จะต้องมีเงินเริ่มต้นที่ 1,229,000 บาท กับสเปคเริ่มต้นขับเคลื่อน 2 ล้อ กับเครื่องยนต์แค่ 2.4L แต่ถ้าอยากได้รุ่นที่แบบจัดเต็ม Full Option คุณต้องเพิ่มเงินอีกถึง 5 แสน แต่คุณจะได้ทั้งรถสีขาวมุกพร้อม wrap หลังคาสีดำด้าน ชุดแต่ง TRD Sportivo ม่านถุงลมนิรภัย ไฟ Day-light แบบ LED และระบบอื่นๆ อีกเพียบ
 
ก็ต้องลองดูกับรุ่นย่อยแต่ละรุ่นกับอุปกรณ์ต่างๆ ที่คุณต้องตัดสินใจเองว่าต้องการหรือไม่ บางอุปกรณ์อาจจะไม่จำเป็น ก็จะช่วยประหยัดงบประมาณในการซื้อรถของคุณได้ แต่ถ้าอยากจัดเต็มตัวท๊อป ก็ต้องแลกกับราคาที่สูงเอาเรื่องด้วยเช่นกัน