สำหรับใครที่กำลังมองหารถยนต์คันใหม่ที่ไม่ใช่ 2 ค่ายหลักซึ่งกำลังแข่งขันกันอย่างหนักหน่วงในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี Nissan Sylphy 2018 ก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกใน C-Segment และบทความนี้จะบอกเหตุผลที่คุณควรเลือกซื้อ Nissan Sylphy 2018!!
แม้ว่าในตลาด C-Segment Nissan Sylphy อาจจะดูเงียบไปสักหน่อย สำหรับโฉมปัจจุบันวางขายมาตั้งแต่ปี 2012 และมีการปรับโฉมในปี 2015 ที่ปรับเปลี่ยนดีไซน์ให้เน้นการสื่อสารถึงความหรูหราเป็นหลัก สะท้อนถึงความพรีเมียม แบบมีระดับ ทั้งภายนอก และภายใน ที่จะสะกดทุกสายตาด้วยพลังแห่งดีไซน์โฉบเฉี่ยว ผ่านเส้นสายสปอร์ต ปราดเปรียวรอบคัน คงความหรูเหนือระดับ พร้อมพลังขับเคลื่อนที่เหนือชั้น เต็มอัตราเร่งทุกเส้นทาง...แต่แหม คู่แข่งค่ายนี้ก็แข็งแกร่งซะเหลือเกิน Chobrod จึงอยากจะขอแนะนำรถรุ่นนี้ เพื่อให้คุณผู้อ่านได้มีทางเลือกในการตัดสินใจซื้อรถ C-Segment มากยิ่งขึ้น
Nissan Sylphy 2018
เหตุผลแรกที่ควรซื้อ Nissan Sylphy 2018 คือ 'ดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยว'
ภายนอกดีไซน์ใหม่ ปราดเปรียวดึงดูดทุกสายตา และคงความหรูหราเหนือระดับ เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการรถที่มีดีไซน์สุขุม เป็นผู้ใหญ่ แต่ยังมีความทันสมัยอยู่ในลายเส้นสปอร์ตของตัวรถ พร้อมทั้งมีการออกแบบไฟหน้าที่ได้แรงบันดาลใจจากแสงประกายเพชร และมือจับประตูโครเมี่ยม แถมด้วยหลังคา SUNROOF ปรับไฟฟ้า ที่จะเปิดมุมมองกว้างไกลให้กับทุกสัมผัสแห่งความสุข และสิ่งสำคัญคือการที่เลือกใช้ดีไซน์สปอร์ตโดยไม่ทิ้งความหรูหราของตัวรถไป เรียกได้ว่าครบเครื่องในเรื่องของงานดีไซน์เลยทีเดียว
ดูเพิ่มเติม
>> ซีดานโหมด! กับ Nissan Sylphy Zero Emission รถไฟฟ้าเวอร์ชั่นซีดานของ LEAF
>> รีวิว 2017 Nissan Sylphy รุ่นใหม่ล่าสุดพร้อมเครื่องยนต์รับ E85
ห้องโดยสารกว้าง นั่งได้สบาย
มาพร้อม Sunroof ไฟฟ้าที่สร้างมุมมองใหม่
เหตุผลข้อที่ 2 'Option ภายในห้องโดยสารมากมาย ตอบสนองคามสะดวกสบายในการใช้งาน'
สะดวกสบายทุกการใช้งาน ทุกรายละเอียดรังสรรค์มาเพื่อสุนทรียภาพแห่งการขับขี่ ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง ภายในโทนสีดำตกแต่งด้วยวัสดุสีเงินสปอร์ต สะท้อนสไตล์ในแบบคุณอย่างแท้จริง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อาทิ มาตรวัดเรืองแสงแบบ Fine Vision เพิ่มมิติการมองเห็นให้เด่นชัดเจนในทุกสภาพแสง ด้วยการออกแบบให้แผงหน้าปัดเป็นสีขาวเรืองแสง ทันสมัยยิ่งขึ้น, Apple Carplay Connectivity, Navigation, Smartphone Mirroring และ Hand Free Telephone นอกจากนี้ยังมี ที่วางแขนข้างประตู บุด้วยวัสดุนุ่มพิเศษ ที่จะช่วยผ่อนคลายขณะขับขี่
พื้นที่ท้ายรถขนาดใหญ่ ความจุ 510 ลิตร
เหตุผลข้อที่ 3 'ห้องเก็บสัมภาระที่กว้างขวาง'
ห้องเก็บสัมภาระท้าย ที่ช่วยให้จัดการสัมภาระได้เป็นอย่างดี ด้วยพื้นที่ท้ายรถที่มีขนาดใหญ่พิเศษ จุได้มากถึง 510 ลิตร ด้วยพื้นที่กว้างขวางช่วยให้สามารถเก็บสัมภาระชิ้นใหญ่ ทั้งกระเป๋าเดินทาง และถุงกอล์ฟ พร้อมช่องทะลุไปยังห้องโดยสารสำหรับสัมภาระขนาดยาวพิเศษ เพื่อตอบรับการใช้ชีวิตที่หลากหลายได้อย่างลงตัว
ระบบความปลอดภัยมีครบในทุกมิติ
ระบบป้องกันล้อฟรี และระบบเบรกกันล้อล็อก
เหตุผลข้อที่ 4 'ระบบความปลอดภัยจัดเต็ม'
ความปลอดภัย สร้างความมั่นใจในความปลอดภัยทุกที่ ทุกเวลา ด้วย Safety Shield แนวคิดยานยนต์ปกป้องทุกชีวิต ที่จะช่วยให้คุณปลอดภัยมากขึ้น ด้วยระบบป้องกันความปลอดภัยมากมายทั้ง ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VDC) ช่วยป้องกันการหลุดโค้ง โดยระบบจะส่งแรงเบรกไปชะลอล้อด้านที่ต้องการหักเลี้ยวหรือเข้าโค้ง ช่วยรักษาทิศทางของตัวรถให้ไปในทิศทางที่ผู้ขับขี่ต้องการอย่างมีประสิทธิภาพ, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีบนถนนลื่น (TCS) บนสภาพถนนที่ลื่นและควบคุมยาก ระบบจะช่วยควบคุมล้อคู่หน้าให้ค่อย ๆ หมุนออกตัวโดยไม่เกิดอาการล้อหมุนฟรี ให้คุณควบคุมการขับขี่อย่างมั่นใจในทุกเส้นทาง, ระบบเบรกกันล้อล็อค (ABS) ช่วยให้มั่นใจในทุกวินาทีด้วยระบบเบรกกันล้อล็อคขณะเบรกกะทันหัน ที่จะช่วยควบคุมทิศทางรถ หรือหักหลบสิ่งกีดขวางได้ในสถานการณ์คับขัน, ระบบกระจายแรงเบรก (EBD) และระบบดิสก์เบรก 4 ล้อ (4-WHEEL DISC BRAKE) เพื่อช่วยให้การเบรกมีประสิทธิภาพมากขึ้น และรถเกิดสมดุลขณะเบรกกะทันหัน
โครงสร้าง ZONE BODY CONCEPT ใน Nissan Sylphy 2018
เหตุผลข้อที่ 5 'โครงสร้างแข็งแรง'
Nissan Sylphy 2018 มาพร้อมโครงสร้าง ZONE BODY CONCEPT ด้วยการดีไซน์โครงสร้างให้แข็งแกร่งเป็นพิเศษ ที่พร้อมรองรับ และลดการกระแทก เพื่อปกป้องผู้โดยสารที่อยู่ภายในห้องโดยสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถือเป็นอีกหนึ่งระบบในเรื่องความปลอดภัยที่ได้มาตรฐานโลก
ถุงลมนิรภัย SRS 6 จุดที่จะปกป้องทุกคนภายในรถ
เหตุผลข้อที่ 6 'ถุงลมนิรภัย SRS 6 จุด'
ถุงลม SRS 6 จุด ช่วยดูดซับแรงกระแทกเมื่อเกิดสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน เพื่อปกป้องคุณ และคนที่คุณรัก ด้วยถุงลมนิรภัยทั้ง 6 ตำแหน่งนี้ ถุงลมคู่หน้า SRS ถุงลมด้านข้าง (Side Airbags) และม่านถุงลมด้านข้าง (Curtain Airbags)
ขุมพลังเครื่องยนต์ DIG Turbo ใน Nissan Sylphy 2018
เหตุผลข้อที่ 7 'ขุมพลังแรงเต็มสมรรถนะ'
Nissan Sylphy 2018 มาพร้อมเครื่องยนต์ DIG Turbo ที่แรงเหนือชั้นด้วยเครื่องยนต์ใหม่ ขนาด 1.6 ลิตร ระบบหัวฉีด Direct Injection Gasoline (DIG) และระบบอัดอากาศ Turbo Charge ซึ่งให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 240 นิวตัน-เมตร และให้แรงบิดคงที่เป็น Flat Torque ไปจนถึง 5,200 รอบต่อนาที ที่มาคู่กับระบบเกียร์แปรผันอัจฉริยะ (XTRONIC CVT) ซึ่งจะช่วยให้การขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างนุ่มนวล โดยไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนเกียร์ ด้วยการเพิ่มช่วงอัตราทดเกียร์ให้กว้างกว่า ให้แรงบิดสูงในช่วงต้น รักษารอบเครื่องยนต์ได้ต่อเนื่อง เพิ่มความเร็วได้นุ่มนวล ฉับไว ราบรื่น ประหยัดน้ำมันและลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษามากกว่าเกียร์อัตโนมัติทั่วไป
Nissan Sylphy 2018 กับราคาเริ่มต้น 833,000 บาท
เหตุผลที่ 8 'ฟังก์ชั่นแน่น แต่ราคาไม่แรง'
ราคาไม่แรงเกินไปเมื่อเทียบกับฟังก์ชั่นที่ได้รับ โดย Nissan Sylphy 2018 มีให้เลือกทั้งหมด 6 สีได้แก่ 1.สีน้ำตาล 2.สีเทา 3.สีดำ 4.สีขาว 5.สีเงิน 6.สีแดง ในราคาเริ่มต้นที่ 833,000 บาท
ดูเพิ่มเติม
>> Top 6 ในปี 2019 กับรถซีดานที่หลายๆคนต้องยกนิ้วให้เป็น “The Best Midsize Sedan”
>> สปอร์ตจริงต้องคันนี้!! Nissan Terrano SPORT Special Edition เปิดตัวแล้ว
เป็นยังไงบ้างคะกับเหตุผลทั้ง 8 ข้อที่ควรเลือกซื้อ Nissan Sylphy 2018 แม้ว่าจะเงียบอยู่บ้างในตลาด แต่ฟังก์ชัน และสมรรถนะก็ไม่ได้ด้อยเลย เหมาะแก่การเป็นอีก 1 ทางเลือกให้กับคุณผู้อ่านที่ยังไม่มั่นใจว่าจะซื้อรถรุ่นไหนดี หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณผู้อ่านได้มีตัวเลือกในการตัดสินใจซื้อรถได้เพิ่มขึ้นนะคะ และอย่าพลาดข่าวใหม่ ในวงการรถยนต์ที่ Chobrod.com นะคะ
ติดตามข่าวสารรถยนต์ เชิญที่นี่
ค้นหาข้อมูลรายละเอียดสามารถเข้าดูวีวิวรถ เชิญที่นี่