3 ข้อเสียใหญ่ของรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2566 ที่คุณควรรู้และรับให้ได้

ทุกอย่างเริ่มชัดเจนว่าประเทศไทยกำลังเข้าสู่การเริ่มต้นยุครถยนต์ไฟฟ้าไวกว่าที่คาดการณ์กันไว้ ด้วยแรงหนุนจากภาครัฐด้วยแพ็กเกจรถ EV ตั้งวงเงินสนับสนุน 40,000 ล้านบาท ให้ภาคเอกชนได้ลดภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า และสร้างเงื่อนไขให้เกิดการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าขึ้นในประเทศไทย

รายงานตัวเลขยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าจากในประเทศไทยของปี 2565 อยู่ที่ 8,632 คันตามการรายงานของสถาบันยานยนต์ และรายงานตัวเลขจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าสะสมในปี 2564 อยู่ที่ 11,749 คัน นั่นเท่ากับว่าตอนนี้ประเทศไทยมีรถยนต์ไฟฟ้าอยู่ราว ๆ 20,381 คัน และในปี 2566 รถยนต์ไฟฟ้าที่ถูกสั่งจองไว้มีกำหนดส่งมอบ จากตัวเลขคร่าว ๆ ประมาณ 10,000 คันเป็นอย่างน้อย

สำหรับใครที่กำลังสนใจรถยนต์ไฟฟ้าอยู่ Chobrod.com เชื่อว่าคงศึกษาข้อดีมาพอสมควร เราจึงข้อชี้ถึงข้อเสียที่บางทีหลายคนอาจนึกไม่ถึง หรืออาจจะได้รับรู้เมื่อซื้อรถยนต์ไฟฟ้าไปแล้วมาบอกต่อ หากรับเรื่องพวกนี้ได้ รับรองรถยนต์ไฟฟ้าเหมาะกับคุณแล้วละ

สนใจรถยนต์ไฟฟ้า รถไฮบริด ราคาน่าใช้ บนตลาดรถยนต์ออนไลน์ Chobrod.com ได้ที่นี่

1.ราคาขายต่อต่ำเป็นอย่างมาก

ในวงการตลาดรถยนต์มือสอง-รถยนต์ใช้แล้ว จะมีธนาคาร ไฟแนนซ์ เป็นผู้กำหนดราคากลางรถยนต์แต่ละรุ่น ตามความนิยมและอายุของรถ ทำให้การซื้อ-ขายรถยนต์มือสองนั้นทำได้ง่ายขึ้นโดยอิงจากข้อมูลราคากลาง ราคาอาจจะมีเพิ่มหรือลดบ้างตามสภาพความสมบูรณ์ และสามารถขายต่อให้กับดีลเลอร์รถมือสองหรือเต็นท์รถ ก็สามารถรับเงินได้เลย ง่ายและสะดวกต่อผู้ที่คิดจะขายรถยนต์ของตนเอง

แต่จากการที่เราได้สำรวจข้อมูลกับผู้ประกอบการดีลเลอร์รถมือสองขนาดใหญ่ พบว่ารถยนต์ไฟฟ้าตอนนี้ยังไม่มีผู้กำหนดราคากลางออกมา และเจ้าของเต็นท์ ดีลเลอร์ต่าง ๆ ให้ข้อมูลว่า หากเป็นรถยนต์ไฟฟ้าตอนนี้ใช้วิธีประเมินด้วยตัวเองเท่านั้น หากเป็นผู้ประกอบการไม่ใหญ่มากอาจปฎิเสธการรับซื้อ และดีลเลอร์ใหญ่วางเกณฑ์การซื้อรถยนต์ไฟฟ้าไว้ที่ 30% ของราคาป้ายแดงเท่านั้น เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงในการขาดทุน

มีผู้ประกอบการรายหนึ่งได้แชร์ประสบการณ์รับซื้อรถยนต์ไฟฟ้า Nissan Leaf ที่เคยตั้งราคาขายอยู่ที่ 1.9 ล้านบาท ทางดีลเลอร์รับซื้อมาที่ 7 แสนบาท แต่ยังจำหน่ายไม่ได้ ทางแบรนด์ Nissan ทำการตลาดประกาศลดราคา Nissan Leaf เหลือประมาณ 1 ล้านบาท เรียกได้ว่ารถใหม่และรถยนต์มือสองราคามาใกล้เคียงกัน

ยิ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าเมื่อขายออกช้า เก็บรถไว้นานมูลค่าและความน่าเชื่อถือลดลงเป็นอย่างมาก และหากเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้มาแล้ว 4-5 ปี การประเมินมูลค่ายิ่งต่ำลงไปเรื่อย ๆ หากคุณเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าแล้วคิดจะเปลี่ยนรุ่น ขายรถยนต์ไฟฟ้าคันเก่าต้องทำใจให้มาก ๆ เวลาขายต่อ

ตัวอย่างราคาประกันจากตัวแทนรายหนึ่ง

2.ค่าประกันชั้น 1 รถยนต์ไฟฟ้าแพงมาก และมีข่าวว่ากำลังจะคิด 2 ต่อ

หากเป็นรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน ค่าประกันชั้น 1 คิดเฉลี่ย ราคารถยนต์ 1 ล้านบาทเบี้ยประกันเฉลี่ยอยู่ที่ 1.5 หมื่นบาท แต่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่ราคา 1 ล้านบาท เบี้ยประกันเฉลี่ยที่ 3 หมื่นบาท หรือถ้าถูกกว่านี้ก็ไม่ครอบคลุมหรือทุนประกันต่ำลง อาจต้องเลือกขายรถเอาทุนประกันแทน

ข้อมูลเพิ่มเติมจากแวดวงประกันภัย กำลังคิดปรับเปลี่ยนของรถยนต์ไฟฟ้าโดยมีเบี้ยประกันตัวรถยนต์ และเบี้ยประกันแบตเตอรี่ขับเคลื่อนรถยนต์ไฟฟ้าออกจากกัน ต้องรอดูว่าเรื่องนี้จะตกลงและเคาะกันออกมาเมื่อไหร่ เพราะจากกรณีที่ผ่าน ๆ จะเห็นได้ว่าแม้ตัวรถยนต์ไม่มีความเสียหาย แต่เสียหายที่แบตเตอรี่เพียงเล็กน้อยการเคลมก็เกือบเท่าทุนประกันแล้ว

3.รถยนต์ไฟฟ้าเสื่อมไว หมดราคาง่าย

อาจจะเห็นเค้าลางเรื่องนี้มาตั้งแต่เรื่องของการขายต่อแล้ว สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า คนในแวดวงยานยนต์เองก็มองว่ารถยนต์ไฟฟ้าอิงกับเทคโนโลยีเป็นส่วนมาก ขาดความเสถียร ไม่เหมือนกับรถยนต์

เมื่อเป็นเทคโนโลยีก็เก่าไว เสื่อมเร็ว มีของใหม่มาเรื่อย ๆ เทียบได้กับสมาร์ทโฟนรุ่นท็อปเมื่อ 5 ปีที่แล้วสเป็กไม่สามารถสู้กับสมาร์ทโฟนระดับกลางในปีนี้ได้ ทำให้คาดว่ารถยนต์ไฟฟ้าอาจจะเกิดรุ่นใหม่ ๆ อย่างรวดเร็วภายใน 4-5 ปีข้างหน้า และเสื่อมสภาพหมดอายุการใช้งานที่รวดเร็วตามแม้จะรักษาเป็นอย่างดี แต่หากเป็นรถที่ใช้เครื่องยนต์แม้มีอายุ 20 ปีที่แล้วก็ยังเห็นได้ตามท้องถนน

ทั้งหมดนี้เป็นข้อเสียใหญ่ของรถยนต์ไฟฟ้าที่คุณควรรับให้ได้หากคิดจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้า และถ้าชั่งใจแล้วว่าเรื่องพวกนี้ไม่ใช่ปัญหา บอกเลยว่ารถยนต์ไฟฟ้าเหมาะกับคุณแล้ว ณ เวลานี้

ตลาดรถมือสอง มีรถมากมายให้เลือกในราคาที่ถูกใจ