การขายรถมือสอง หลายคนมักใส่ข้อมูลพลาด หรือไม่ครบถ้วน ทำให้รถขายออกยาก แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าต้องกรอกข้อมูลอะไรบ้าง มาชมขั้นตอนที่จะทำให้รถขายง่ายขึ้น
รถยนต์ที่เจ้าของอยากเปลี่ยนเป็นเงิน ก็มักจะลงขายเป็นมือสองกันมากมาย โดยสมัยนี้อินเตอร์เน็ตทำให้การลงประกาศทำได้ง่าย แต่การขายรถมือสองออนไลน์นั้น มีขั้นตอนที่หลายคนมักทำพลาด คือการใส่ข้อมูลรถยนต์ บทความนี้จะมาเล่าวิธีการใส่ข้อมูลรถให้โดนใจคนซื้อ สะดวกคนขาย และรถน่าสนใจขึ้นมากกว่าเดิม โดยรวบรวมจากประสบการณ์ลูกค้าที่หาซื้อรถมือสอง ดูว่าอยากรู้อะไรกันบ้าง หากคนขายใส่ข้อมูลทำตามนี้เลย ก็จะมีโอกาสขายออกเร็วกว่าเดิมครับ
เริ่มกันที่ชื่อรุ่นรถเลย เป็นของง่ายๆสำหรับหลายคน แต่บางคนทำผิดโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ซึ่งมีทั้งแบบสะกดชื่อผิดโดยไม่ตั้งใจ แบบนี้ยังไม่ร้ายแรงอะไร แค่ดูไม่น่าเชื่อถือ กับอีกแบบหนึ่งคือใส่ชื่อรุ่นผิดเป้นอีกอย่างนึงไปเลย เช่น สมมุติจะขายรถ PPV รุ่น Pajero Sport แต่กลับพิมพ์สั้นๆไปว่า Pajero เฉยๆ ทำให้ความหมายเปลี่ยนไปเป็นรถออโรด SUV คันใหญ่กว่าไปเลย หากใครที่ไม่รู้ว่ารถตัวเองชื่อรุ่นจริงๆ ก็ไปดูที่ท้ายรถ หรือในสมุดคู่มือจะชัวร์ที่สุดครับ ทำให้การลงประกาศขายไม่เกิดข้อสงสัยว่ารุ่นใดกันแน่
ชื่อรุ่น Pajero Sport ถ้าพิมพ์ตกชื่อท้าย จะกลายเป็นรถเอสยูวีอีกรุ่นทันที
ดูเพิ่มเติม
>> แนะนำ Toyota Hiace มือสอง ราคาจับต้องได้ คุ้มค่ากับการใช้งาน
>> กระบะมือสองไม่เกิน 2 แสน! รุ่นไหนน่าขับ น่าจับมาลุย
หมายถึงปีที่จดทะเบียนของรถ ควรจะระบุให้ชัดเจนเป็นค่าใดค่าหนึ่งไปเลย ซึ่งเท่าที่เห็นบางประกาศที่ทำผิด คือการระบุว่าเป็นรถในช่วงปีหนึ่งๆ เช่น ขายรถรุ่น xxx ปี 2011-2014 แบบนี้ไม่ถูกต้อง เพราะทำให้คนซื้อไม่ทราบอายุรถที่แท้จริง ควรจะดูในสมุดจดทะเบียนว่าเริ่มเมื่อพ.ศ.ใด แล้วแปลงเป็นปี ค.ศ. ซึ่งเป็นเลขปีสากลที่วงการรถยนต์นิยมใช้กัน เช่น รุ่น xxx ปี 2013 แบบนี้ถึงจะให้ความชัดเจนกว่าเป็นต้น
ปีของรถที่ต่างกัน ส่งผลต่อการตัดสินใจด้วย
เป้นอีกสิ่งหนึ่งที่เจ้าของรถมักจะไม่บอก ด้วยความจงใจหรือไม่ก็ตาม แต่นี่คือสิ่งที่ผู้ซื้อหลายคนมักอยากรู้มาก เพื่อเป็นข้อมูลในการเปรียบเทียบสภาพรถกับส่วนอื่นๆที่ควบกัน เช่น ถ้ารถคันนี้สภาพโทรม แต่ใช้งานระยะทางมาน้อยมาก แสดงว่ารถอาจจะไม่ได้ดูแลความสะอาด หรือจอดซ่อมในอู่นาน เป็นต้น หากเจ้าของคนใดมั่นใจว่าเลขไมล์ของตัวเองนั้นเหมาะสมกับสภาพรถและราคา รวมถึงไม่ถูกกรอมา ก็ควรจะบอกไว้ในรายละเอียด จะช่วยสร้างความน่าสนใจให้ลูกค้าหยิบเข้ามาเป็นตัวเลือก
รถวิ่งมาแล้วกี่กิโลเมตร เป็นคำถามยอดฮิตของผู้ซื้อ
นอกจากรถยนต์มือสองสภาพเดิมๆจากโรงงานแล้ว หากรถใครที่มีการใส่ของแต่งเพิ่มเข้ามา ก็ควรจะบอกให้ชัดเจนแบบที่ไม่ต้องไปเพิ่งดูในรูปภาพเอาเอง ไม่ว่าจะเป็น ล้อแม็กซ์ เบาะนั่ง สปอยเลอร์ หลังคากระบะ ฯลฯ จะช่วยให้ลูกค้าบางคนที่มีรสนิยมเดียวกัน จะได้ตัดสินใจง่ายขึ้น หากของแต่งใดที่ไม่ได้แถมให้ ควรถอดออกไปก่อนจะถ่ายรูปลงขาย
ของแต่งต่างๆเพิ่มเติม ควรบอกไว้ให้ชัดเจนทุกชิ้น
เรื่องเอกสารของรถก็สำคัญ ถ้ารถปกติทั่วไปที่ไม่มีปัญหาเรื่องเอกสาร ควรจะระบุไปเลยว่ารถคันนี้โอนได้ ทะเบียนไม่ขาดต่อ เสียภาษีถูกต้อง หากรถคันใดที่ติดปัญหาอื่นๆ ก็ให้แจ้งไว้ด้วยว่า รถทะเบียนขาดกี่ปี มีเล่มทะเบียนหรือไม่ หากวางเครื่องมาก็บอกด้วยว่าแจ้งวางเครื่องลงในเล่มแล้วหรือยัง เพื่อที่ลูกค้าคนไหนเห็นประกาศขายรถราคาถูกๆ จะได้ไม่ต้องโทรไปถามให้เสียเวลากัน
รายละเอียดเรื่องเอกสาร ทะเบียน ไฟแนนซ์ ควรบอกให้ครบถ้วน
หากลูกค้าดูประกาศคุณจนพอใจแล้ว เกิดอยากจะนัดดูรถจริงขึ้นมา แต่ไม่รู้จะไปดูรถที่ไหน ต้องเสียเวลาโทรถามกันอีก ดังนั้นควรบอกไปเลยว่า รถคันนี้นัดดูรถได้ที่ย่านไหน หรืออย่างน้อยที่สุดก็บอกชื่อจังหวัดเพราะส่วนใหญ่แล้ว ผู้ซื้อมักจะเลือกดูรถที่อยู่ใกล้ตัวเองมากที่สุดก่อน แต่ถ้าคนขายท่านไหนที่กลัวว่าจะไม่มีลูกค้ามาดูรถเราเพราะอยู่ไกล สามารถลงรายละเอียดเพิ่มเติมได้เลยว่า มีบริการขับไปให้ดูในละแวกใกล้ขึ้นมาได้
บอกสถานที่นัดดูรถ จะช่วยประหยัดเวลาในการติดต่อสื่อสารกัน
การลงรายละเอียดขายรถมือสอง เป็นส่วนที่ควรให้ความสำคัญมาก เพราะจะช่วยคัดกรองให้คนที่สนใจรถคุณจริงๆได้มาเจอกัน โดยที่ส่งผลดีทั้งสองฝ่ายตรงที่ เจ้าของรถไม่ต้องคอยรับโทรศัพท์กับสายเข้ามาแค่ถามข้อมูล ส่วนผู้ซื้อก็ได้ข้อมูลการตัดสินใจครบถ้วน ไม่ต้องถามซ้ำไปมาให้เสียเวลา และอยากแนะนำเพิ่มเติมว่า ควรเปลี่ยนจากคำสรรพนามโอ้อวดต่างๆ มาเป็นรายละเอียดเพิ่มเติมอีก เช่น ราคาต่อรองได้ มีของแถม จัดไฟแนนซ์ได้ ฯลฯ แบบนี้จะยิ่งช่วยให้คุณขายออกได้ง่ายขึ้นไปอีก ขอให้โชคดีกับการขายรถมือสองนะครับ แล้วมาพบกับทริคดีๆเกี่ยวกับรถมือสองได้ที่นี่ แล้วพบกันใหม่ในตอนหน้า สวัสดีครับ