ความเคลื่อนไหวตลาดรถยนต์ในประเทศปี 2018 รุ่งหรือร่วง

ตลาดรถยนต์ในประเทศ | 19 ธ.ค 2561
แชร์ 0

ความเคลื่อนไหวของตลาดรถยนต์ในปี2018เป็นอย่างไรบ้าง ยอดขายดี หรือซบเซา ตลาดยังไปต่อได้ไหม มีกระแสอะไรใหม่ๆในปีนี้เกิดขึ้น ตามไปดูรายละเอียดกันครับ

ตลาดรถในประเทศไทย มีมาช้านาน ผู้ที่ทำธุรกิจและนักลงทุนจากต่างชาติก็เข้ามาทำให้เงินตราในประเทศหมุนเวียนได้ด้วย อุตสาหกรรมรถยนต์เองทั้งการนำเข้าและการผลิตรถยนต์ในประเทศก็ยังอยู่คู่คนไทยมาหลายสิบปีผ่านทั้งเรื่องความไม่สงบทางการเมือง อุทกภัย ภัยธรรมชาติอื่นๆ เป็นต้น ทำให้อุตสาหกรรมรถยนต์เป็นอุตสาหกรรมหนึ่งที่ส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจไทยชนิดที่ว่าไม่ว่าจะพูดถึงธุรกิจอะไรก็มีตลาดรถยนต์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแทบทั้งสิ้น โดยปกติตลาดรถยนต์ในประเทศไทยจะมียอดขายอยู่ที่ประมาณ700,000-800,000 คันต่อปี ถ้ายอดขายที่สูงกว่านั้นจะเป็นปีที่หลังเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ปี54 ที่ทำให้ยอดขายวิ่งไปเกือบ2เท่าของยอดขายเฉลี่ยปกติต่อปี และยังได้นโยบายรถยนต์คันแรกมาทำให้ตลาดรถยนต์ในช่วงนั้นดูคึกคักมากกว่าปกติอีกด้วย

ตลาดรถยนต์ไทยปี2018ยังสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ตลาดรถยนต์ไทยปี 2018 ยังสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

สำหรับปี2018 ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยเป็นอย่างไร

ในปี2017 รถยนต์มียอดขายทั่วประเทศรวมกันประมาณ 870,000 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2016 ประมาณ13% มาในปี2018 นับแค่3ไตรมาส ยอดขายของรถยนต์ทั้งประเทศรวมกันก็พุ่งไปถึง เกือบ 750,000 คันแล้ว ถ้าจบสิ้นปี2018รวมยอดขายไตรมาสสุดท้ายเข้าไปอีกน่าจะเกิน900,000คันเพราะยังมีเดือนธันวาคมที่พนักงานขายจากทุกแบรนด์ใช้ทรัพยากรอย่างเต็มที่ในการปิดยอดขายปลายปีให้ได้สูงที่สุด ซึ่งเป็นยอดที่ไม่ได้แตะถึงมาหลายปีแล้ว แสดงให้เห็นว่าตลาดรถยนต์ในประเทศไทยดูสดใสต่อเนื่อง รวมไปถึงความคลี่คลายของสถานการณ์การเมืองที่กำลังจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในช่วงต้นปี2019 ทำให้ความมั่นใจของผู้บริโภคกลับมาอีกครั้ง นอกจากนั้นตัวแปรสำคัญคือการครบรอบการถือครองรถยนต์คันแรกครบ5ปีสามารถเปลี่ยนมือได้แล้ว ทำให้เจ้าของรถยนต์ดันรถตัวเองออกมาเป็นรถยนต์มือสองมากขึ้นและเปลี่ยนไปซื้อรถยนต์คันใหม่ป้ายแดง ปัจจัยลบทางเศรษฐกิจที่เป็นหัวเรื่องหลักๆของปี2018อื่นๆก็ไม่มีออกมาให้เห็นมากนักก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ดึงยอดขายให้สูงขึ้นอีกด้วย

การเลือกตั้งมีการกำหนดวันที่ชัดเจนทำให้สถานการณ์การเมืองเริ่มคลายลง

การเลือกตั้งมีการกำหนดวันที่ชัดเจนทำให้สถานการณ์การเมืองเริ่มคลายลง

ใครเป็นเจ้าตลาด

เจ้าตลาดรถยนต์อันดับหนึ่งของประเทศไทยยังหนีไม่พ้น Toyota ที่มีรถยนต์หลากหลายเซกเมนต์ให้เลือกซื้อ แม้ก่อนปี2017จะทำยอดตกลงมาต่อเนื่อง แต่ปี2018นี้ดูจะเป็นปีที่สดใสของ Toyota ที่สามารถกลับมาทำยอดได้ดีอีกครั้งหนึ่ง ด้วยตัวเลขรวม3ไตรมาสที่เกือบจะเท่ากับยอดขายรวมของปี2017ทั้งปีไปแล้ว ส่วนอันดับ2และอันดับ3ยังคงเป็นของแบรนด์ดังจากแดนอาทิตย์อุทัย Isuzu และ Honda ที่ยังคงเส้นคงวามาอย่างต่อเนื่อง การไม่เปลี่ยนแปลงอันดับยอดขายในท็อป3ของประเทศก็เป็นสัญญาณอย่างหนึ่งที่บอกได้ว่าคุณภาพของรถยนต์ยังคงถูกใจลูกค้าอยู่

Toyota C-HR ที่เป็นโมเดลใหม่ของ Toyota ในปี2018

Toyota C-HR ที่เป็นโมเดลใหม่ของ Toyota ในปี2018

อีกแบรนด์หนึ่งที่น่าจับตามองในตลาดรถยนต์ไทยเพราะสามารถทำยอดขายมาอยู่ในอันดับที่9ได้แล้วของปี2018นี้คือ MG ที่มาเงียบๆนิ่งๆออกรถยนต์รุ่นต่างๆมาอย่างรัดกุมแล้วก็กวาดยอดขายไปแบบนิ่งๆแซงหน้า Chevrolet และ Hyundai ที่ทำตลาดมาก่อนอย่างยาวนานชนิดที่ไม่ไว้หน้ากันเลย ชูจุดเด่นเรื่องการสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทยเป็นแบรนด์แรกด้วยระบบ i-smart และมีซิมการ์ดในรถยนต์เพื่อให้เชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตได้ตลอดเวลา MGสามารถชูจุดเด่นได้ชัดเจนและก็ทำยอดขายได้ดีเรื่อยมา ต้องดูกันไปยาวๆว่าเมื่อรถใช้งานไปสักพักความทนทานของชิ้นส่วนจะเป็นอย่างไร

MG ยังคงชูจุดเด่นเรื่องอินเตอร์เน็ตและการสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทย

MG ยังคงชูจุดเด่นเรื่องอินเตอร์เน็ตและการสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทย

ดูเพิ่มเติม
>> 
ในปี 2018 นี้ กระบะมือสองรุ่นไหน น่าซื้อสุด มาดูกัน
​>> รีวิว Toyota C-HR 2018 ใหม่ ไม่ได้มีดีแค่สวย

เทรนด์ของรถยนต์ไฟฟ้า

อีกเรื่องหนึ่งที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้เพราะว่ากระแสรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยเริ่มบูมขึ้นมาอย่างมีนัยสำคัญ แบรนด์ต่างๆก็เริ่มนำรถยนต์ไฟฟ้ามาให้ได้ยลโฉมกันแล้ว เช่น Fomm One ที่ราคาประมาณ600,000บาทและเป็นไฟฟ้าทั้งคัน แต่ก็ยังเป็นคันเล็กจึงนำมาชูจุเด่นว่าสามารถทนสภาวะน้ำท่วมในประเทศไทยได้เป็นอย่างดีไม่ช็อตผู้ขับให้อันตรายได้ง่ายๆ อีกค่ายหนึ่งคือ Mine Mobility ที่ทำจากฝีมือคนไทยเอง คัดยอดฝีมือชาววิศวกรจากทั่วสารทิศมาร่วมกันปั้นแบรนด์ Mine Mobility ให้เจิดจรัสในตลาดรถยนต์ไทยเช่นกัน

Fomm One รถยนต์ไฟฟ้าราคาจับต้องได้

Fomm One รถยนต์ไฟฟ้าราคาจับต้องได้

ส่วนแบรนด์ต่างประเทศที่เข้ามาเล่นตลาดรถยนต์ไฟฟ้าด้วยก็คือ Hyundai และ Nissan ที่วางแผนจะทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าอย่างจริงจังโดยอาศัยประสบการณ์การทำตลาดรถยนต์มาแล้วจากประเทศอื่นๆ แม้ราคาขายจะเกินหลักล้านกลางๆแต่ก็ถือว่าเป็นการเล่นกับลูกค้าคนละกลุ่มกับแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่เป็นแบรนด์เล็กๆ

ในแง่โครงสร้างพื้นฐาน สถานีชาร์จไฟ เริ่มมีให้เห็นกันบ้างแล้วตามสถานที่สาธารณะต่างๆรวมถึงห้างสรรพสินค้าด้วย แบรนด์ที่เน้นทำสถานีชาร์จไฟก็อย่างเช่น EA Anywhere ที่วางเป้าหมายไว้ถึง 1,000 สถานีชาร์จทั่วไทยภายในปี2018 จากข้อมูลที่กล่าวแล้วข้างต้นนับว่าปี2018เป็นก้าวที่สำคัญและรอยต่อที่จะทำให้ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยก้าวไปอีกระดับกับรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจากความคาดหวังของผู้ขับขี่ที่ว่ามลพิษทางอากาศเป็นศูนย์ ค่าใช้จ่ายการบำรุงรักษาต่ำลง ผลกระทบที่อาจจะเกิดจากการขยายตัวของรถยนต์ไฟฟ้าคือรถยนต์ไฮบริดที่อาจจะมียอดขายลดลงเนื่องจากลูกค้าบางส่วนคงหันไปเล่นรถยนต์ไฟฟ้า100%แทน

สถานีชาร์จไฟในประเทศไทยจาก EA Anywhere เริ่มหนาแน่นในกรุงเทพฯและภาคกลาง

สถานีชาร์จไฟในประเทศไทยจาก EA Anywhere เริ่มหนาแน่นในกรุงเทพฯและภาคกลาง

ราคาน้ำมันปัจจัยสำคัญหนึ่งของตลาดรถยนต์

จากสภาวะตลาดน้ำมันดิบที่ราคาผันผวนปรับขึ้นๆลงๆและมาอยู่ในระดับประมาณ 50 ดอลล่าร์สหรัฐต่อบาร์เรลและคาดว่าน่าจะอยู่ที่ระดับนี้ไปอีกสักพัก การเข้ามาของ Shale oil ที่มาถ่วงดุลทำให้ราคาน้ำมันไม่น่าจะกลับไปถึง100ดอลล่าร์สหรัฐต่อบาร์เรลได้ง่ายๆ ด้วยปัจจัยนี้จะหนุนให้ประชาชนสามารถแบกรับค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงรถยนต์ได้เพิ่มขึ้นส่งผลให้ตัดสินใจซื้อรถยนต์ง่ายขึ้นในแง่จิตวิทยา

ปี2018นี้นับเป็นปีที่ดีปีหนึ่งของตลาดรถยนต์ไทย ทั้งยอดขายที่สูงขึ้นกว่าปีก่อนมากอย่างมีนัยสำคัญ การคลี่คลายของสถานการณ์การเมื่อง การหมดระยะเวลาถือครองรถยนต์คันแรก และกระแสของรถยนต์ไฟฟ้าในไทยที่กำลังตื่นตัว ทำให้ปี2018เป็นก้าวที่สำคัญที่จะเชื่อมต่อไปสู่อนาคตที่คาดว่าน่าจะสดใสยิ่งกว่าเช่นปัจจุบันนี้

ดูเพิ่มเติม
>> 
ความเคลื่อนไหวตลาดรถยนต์ต่างประเทศปี 2018
>> สินเชื่อรถยนต์ในประเทศรุกหนัก หวังขยายตลาดรถใหม่-มือสองปี 62

ติดตามข่าวสารรถยนต์ เชิญที่นี่ 
ต้องการซื้อรถกระบะมือสองสภาพดี เชิญเข้าดูที่ตลาดรถตรงนี้