ระดับของเหลวในรถที่ควรรู้ วิธีดูแลเครื่องยนต์เบื้องต้นฉบับไม่ง้อช่าง

ประสบการณ์ใช้รถ | 31 ต.ค 2563
แชร์ 2

ไม่ว่าจะเป็นการบำรุงรักษาเครื่องยนต์ดีเซล หรือการบำรุงรักษาเครื่องยนต์เบนซิน ก็มีวิธีการดูแลเครื่องยนต์ง่าย ๆ ด้วยการดูระดับของเหลวที่สำคัญในรถให้เป็น

Chobrod พาไปดู วิธีดูแลเครื่องยนต์ที่ทำได้แบบง่าย ๆ เป็นวิธีการพื้นฐานที่ผู้ใช้รถทุกคนสามารถตรวจสอบได้ ก่อนที่จะออกจากบ้าน หรือออกเดินทางไกล รวมไปถึงการเช็กเครื่องยนต์เมื่อถึงรอบกำหนด โดยเบื้องต้นจะต้องมีความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับระดับของเหลวในรถยนต์ก่อน มาส่วนไหนบ้างที่ต้องเช็ก

#ระดับน้ำมันเครื่อง

ขั้นตอนในการตรวจเช็กระดับน้ำมันเครื่องนั้น อย่างแรกเราต้องวอร์มเครื่องยนต์จนถึงอุณหภูมิทำงานไว้ก่อน หลังจากนั้น ดับเครื่องยนต์เพื่อเช็กระดับน้ำมันเครื่องโดยใช้ก้านวัดระดับน้ำมันเครื่องเพื่อให้การตรวจเช็กนั้นถูกต้อง การตรวจเช็กที่ถูกต้องนั้น รถจะต้องร้อนอยู่เท่านั้น และให้เราทำการวัดหลังจากดับเครื่องประมาณ 2-3 นาทีเพื่อให้น้ำมันเครื่องไหลกลับลงด้านล่างก่อน

ดูแลเครื่องยนต์ เช็กน้ำมันเครื่อง
เช็กระดับน้ำมันเครื่องให้เป็น

หลังจากนั้นก็ให้ดึงก้านวัดน้ำมันเครื่องออก โดยให้เช็กน้ำมันเครื่องที่ติดกับก้านวัดด้วยผ้า และเสียบก้านวัดน้ำมันเครื่องคืนกลับจุดเดิม จากนั้นให้ดึงก้านวัดออกมาอีกครั้งเพื่อตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องที่ปลายก้านวัด ถ้าหากระดับน้ำมันเครื่องอยู่ระหว่าง F กับ L แสดงว่าน้ำมันเครื่องของเราอยู่ในระดับปกติ แต่ถ้าหากว่าไม่อยู่ในระดับดังกล่าว ให้เติมน้ำมันเครื่องเข้าไปให้ถึงขีดที่กำหนดเอาไว้ หน้าเติมจนล้น ไม่เช่นนั้นน้ำมันเครื่องอาจจะค้างและส่งผลต่อเครื่องยนต์ได้

#น้ำกลั่นแบตเตอรี่

การตรวจเช็กระดับน้ำกลั่นแบตเตอรี่นั้นควรอยู่ในตำแหน่ง UPPER/LEVEL และไม่ควรเติมเกินกว่าระดับที่กำหนดไว้เด็ดขาด เพราะหากเติมมากไป น้ำยากลั่นนั้นจะไปทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของเครื่องยนต์ลดน้อยลงไป นอกจากนี้ตัวน้ำยากลั่นนั้นมีฤทธิ์เป็นสารละลายกรดซัลฟูริค อาจจะกระเด็นออกทางรูระบายไอและไปกัดกร่อนชิ้นส่วนต่างๆ ในห้องเครื่องยนต์ก็ได้ ต้องระวังมากๆ เลยข้อนี้

#น้ำหล่อเย็น

อันดับแรกเราควรจะตรวจเช็กระดับน้ำหล่อเย็นให้อยู่ระดับที่สูงสุดเสมอ โดยการตรวจเช็กนั้นก็สามารถทำได้ตอนที่เราดับเครื่องและเครื่องเย็น

ดูแลเครื่องยนต์ เช็กน้ำหล่อเย็น
น้ำหล่อเย็นต้องอยู่ในระดับสูงสุด

ถ้าเราตรวจดูแล้วปริมาณน้ำลดลงมาก นั่นอาจจะเป็นสัญญาณบอกว่าเครื่องยนต์เรากำลังจะมีปัญหาอย่างใดอย่างหนึ่งก็เป็นได้ ซึ่งข้อนี้สำคัญมาก เพราะเราจะต้องพิจารณาถึงสาเหตุว่ามันเกิดขึ้นจากอะไร ถ้ามันมีอาการหนักมากจนเราแก้เท่าไหร่ก็ไม่หายสักที อย่างนี้ให้เข้าศูนย์บริการไปเลยจะดีที่สุด

#ระดับน้ำมันคลัทช์

เราสามารถตรวจเช็กด้วยสายตาได้ โดยการสังเกตดูที่กระปุกน้ำมันคลัทช์ จะมีคำว่า MAX กับ MIN เช่นเดียวกันกับน้ำมันเบรก และระดับน้ำมันควรอยู่ในระดับ MAX เสมอ ถ้าหากว่าน้ำมันคลัทช์นั้นมีระดับที่ต่ำลง อย่างแรกคือเราต้องหาสาเหตุมาก่อนว่าเป็นเพราะอะไร มีส่วนไหนสึกหรอหรือรอยรั่วอะไรเพิ่มเติมหรือเปล่า ถ้าเจอแล้วก็ส่งเข้าศูนย์เพื่อทำการตรวจเช็กให้แน่นอนอีกครั้งเลย

#ระดับน้ำมันเกียร์ AUTO

การตรวจเช็กระดับน้ำมันเกียร์ออโต้ก็ไม่ต่างอะไรจากการตรวจเช็กระดับน้ำมันเครื่องมากเลย เพียงแค่เราดึงก้านวัดน้ำมันเกียร์ออกมาเพื่อเช็ดน้ำมันเกียร์ที่ติดก้านวัดด้วยผ้า หลังจากนั้นเสียบก้านวัดน้ำมันเกียร์คืนกลับมาจุดเดิม เพื่อดึงก้านวัดออกมาอีกครั้งหนึ่งเพื่อตรวจระดับน้ำมันเกียร์ที่ปลายก้านวัด โดยที่ระดับน้ำมันจะต้องยอยู่ที่ขีด F พอดี นั่นแสดงว่าระดับน้ำมันเกียร์ปกติ

#ระดับน้ำมันเบรก

หากตรวจเช็กด้วยสายตาปกตินั้น ให้ดูที่กระปุกน้ำมันเบรกเอาไว้จะมีคำว่า MAX และ MIN ระดับน้ำมันเบรกนั้นควรอยู่ที่ระดับ MAX อยู่เสมอ

ดูแลเครื่องยนต์ เช็กน้ำมันเบรก
ตรวจให้มั่นใจว่าน้ำมันเบรกอยู่ในระดับปกติหรือไม่

ส่วนสาเหตุที่จะทำให้น้ำเบรกนั้นลดต่ำลงก็มีด้วยกันอยู่ 2 สาเหตุนั่นเอง นั่นก็คือ น้ำมันเบรกมีการรั่วออกมาและการสึกหรอของผ้าเบรกซึ่งในระดับน้ำมันเบรกนั้นจะลดน้อยลงและช้ามาก เพราะฉะนั้นในกรณีนี้ไม่จำเป็นต้องเติมน้ำมันเบรกเพิ่ม ถ้าหากว่าน้ำมันเบรกลดต่ำลงไป ให้นำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจเช็กคอาการทันที

#ตรวจเช็กระดับน้ำมัน POWER

เราสามารถตรวจเช็กน้ำมัน Power ได้โดยขณะที่เครื่องยนต์ยังติดอยู่ โดยการหมุนฝาปิดกระปุกน้ำมัน Power ซึ่งจะติดอยู่กับฝากระปุกน้ำมัน Power นั่นเอง โดยการวัดจะมีคำว่า Hot และ Cold อยู่คนละด้าน ถ้าเราวัดตอนที่เครื่องยนต์ยังเย็นอยู่ให้สังเกตคำว่า Cold แต่ถ้าวัดในขณะที่เครื่องยังร้อนก็ให้ดูในส่วนของ Hotแต่ถ้าเป็นรถยนต์รุ่นใหม่ก็จะมีคำว่า MAX และ MIN อยู่ด้วยเพราะฉะนั้นระดับน้ำมันควรอยู่ในระดับ MAX เสมอเท่านั้น

และเมื่อตรวจสอบของเหลวทั้งหมดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็เป็นการดูแลเครื่องยนต์ ด้วยการใช้สายตาสังเกตดูได้ว่ามีอะไรผิดปกติในห้องเครื่องหรือไม่ เช่น ท่อยางหม้อน้ำมีคราบน้ำซึมหรือเปล่า? สายไฟเครื่องเรียบร้อยดีไหม มีสิ่งแปลกปลอมเข้ามาหรือเปล่า ถ้าหากไม่มีอาการหรือว่าสิ่งแปลกปลอมเข้าไปก็ถือว่าปลอดภัย สบายใจหายห่วง

ดูเพิ่มเติม
>> การดูแลรักษารถยนต์เบื้องต้น ที่คนรักรถต้องรู้
>> ความรู้เรื่องรถ กับการเช็กรถด้วยตัวเอง ไม่ต้องไปถึงอู่

เข้าดู รถยนต์มือสองราคาถูก ได้ที่นี่