แบบไหนดีกว่า? ระหว่าง ไส้กรองน้ำมันเครื่องของแท้กับของเทียม

ประสบการณ์ใช้รถ | 16 ส.ค 2560
แชร์ 1

ไส้กรองน้ำมันเครื่องของแท้กับของเทียม มีผลต่อเครื่องยนต์ต่างกันหรือไม่?

สำหรับการตรวจเช็กระยะ สิ่งหนึ่งที่มักจะถูกเปลี่ยนไปพร้อมกับน้ำมันเครื่องก็คือ ไส้กรองน้ำมันเครื่อง นั่นเอง แต่บางคนอาจไม่ใส่ใจ คิดเพียงว่าใช้น้ำมันเครื่องเกรดดีๆ พรีเมี่ยมหน่อย ก็โอเคแล้วล่ะ

ไส้กรองน้ำมันเครื่องมีหน้าที่หลักๆคือจะคอยดักฝุ่น กรองสิ่งสกปรกทั้งคราบเขม่า เศษผงเหล็กจากการสึกหรอ รวมไปถึงสิ่งปนเปื้อนอื่นๆ ที่ไหลเวียนมากับน้ำมันเครื่อง ฯลฯ ช่วยให้น้ำมันเครื่องที่ใช้ มีความสะอาด ความหนืด มีคุณภาพ และประสิทธิภาพในการทำงานอย่างเต็มที่

นอกจากไส้กรองน้ำมันเครื่องของแท้จากศูนย์ฯแล้ว มันยังมีอีกตัวเลือกนั้นก็คือ ของเทียม ซึ่งจะมีราคาต่ำกว่าของแท้ บางคนอาจจะอยากประหยัดงบ ก็เลยเลือกใช้ของเทียมราคาถูก เพราะคิดว่าคุณภาพคงไม่ต่างกันกับของแท้

แต่ที่จริงแล้ว ไส้กรองสองแบบนี้มีประสิทธิภาพน่าจะใกล้เคียงกัน แต่มีผลต่อเครื่องยนต์ต่างกันอย่างมาก

>>> ระวัง! “น้ำมันเครื่องปลอม” คุณก็สังเกตเองได้ ง่ายนิดเดียว

ไส้กรองน้ำมันเครื่องของแท้กับของเทียม มีผลต่อเครื่องยนต์ต่างกันอย่างมาก

ไส้กรองน้ำมันเครื่องของแท้กับของเทียม มีผลต่อเครื่องยนต์ต่างกันอย่างมาก

>>> ปัจจัยที่ช่วยบอกคุณ ว่าควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องบ่อยแค่ไหน

1. กระดาษกรอง นับเป็นส่วนสำคัญที่สุดในการกรองน้ำมันเครื่อง เพราะของแท้จะมีคุณภาพของกระดาษกรองที่หนากว่า และจำนวนทบของกระดาษก็มีจำนวนมากกว่าของเทียม ทำให้การกรองน้ำมันเครื่องมีความสะอาดมากกว่า แถมอายุการใช้งานก็อยู่ได้นานกว่าของเทียมอีกด้วย

2. แผ่นไดอะแฟรม เป็นแผ่นยางกลมๆ มีสปริงกดไว้ โดยหน้าที่ของมันจะทำการกักเก็บน้ำมันเครื่องไว้ในตอนที่ดับเครื่องยนต์ ซึ่งการกักเก็บน้ำมันเครื่องตรงนี้เอาไว้ก็เพื่อนำมาใช้ใหม่ หลังจากที่คุณจอดรถทิ้งไว้แล้วกลับมาสตาร์ทเครื่องยนต์อีกครั้งในตอนเช้า หรือครั้งแรกของวันใหม่ ซึ่งน้ำมันตรงนี้จะไหลขึ้นไปหล่อลื่นยังจุดต่างๆ อย่างรวดเร็ว ช่วยลดการสึกหรอของเครื่องยนต์ในตอนที่สตาร์ทติดใหม่ๆ แต่ส่วนใหญ่ของเทียมมักจะเก็บได้น้อย หรืออาจเก็บไม่ได้เลยก็มี

3. บายพาสวาล์ว (Bypass Valve) หรือ เซฟตี้ วาล์ว (Safety Valve) ไส้กรองน้ำมันเครื่องไม่ว่าแท้ หรือเทียม ต้องมีเจ้าตัวนี้อยู่ เพราะมันมีหน้าที่ระบายน้ำมันเครื่องให้เข้าไปสู่จุดหล่อลื่นต่างๆ ในเครื่องยนต์ โดยไม่ต้องผ่านไส้กรอง แต่มันจะทำงานก็ต่อเมื่อเกิดการอุดตันที่กระดาษกรอง ไม่เช่นนั้นเครื่องยนต์อาจพัง หรือเสียหายได้ หากไม่มีน้ำมันไปหล่อเลี้ยง และส่วนใหญ่ของเทียมมักจะมีปัญหามากกว่าของแท้ เช่น วาล์วแข็งทำให้น้ำมันเครื่องไม่พอไปหล่อเลี้ยงเครื่องยนต์ แต่ถ้าอ่อนเกินไป วาล์วจะเปิดเร็วกว่าที่ควรจะเป็น ทำให้น้ำมันเครื่องไหลไปโดยที่ไม่ผ่านการกรอง และนี่จึงเป็นอีกเหตุผล ที่ทำให้เครื่องยนต์สึกหรอ พังไวกว่าปกติ

>>> วัดระดับน้ำมันเครื่องให้ถูกวิธี ต้องก่อนหรือหลังสตาร์ท??

ทั้งนี้คุณลูกค้าก็รู้แล้วว่า เพื่อการใช้งานให้เกิดประโยชน์ และมีประสิทธิภาพสูงสุด กรองน้ำมันเครื่องควรเปลี่ยนถ่ายทุกๆ 5,000 – 10,000 กม. ขึ้นอยู่กับน้ำมันเครื่องที่คุณเลือกใช้ และควรใช้ไส้กรองน้ำมันเครื่องของแท้ดีกว่าการใช้ของเทียมครับ