เพื่อสุขภาพที่ดี 6 วิธีนั่งที่ถูกสุขลักษณะเวลาขับรถ

แต่เชื่อว่าหลายๆ คนคงมีอาการปวดเมื่อยหลังจากการขับรถ ซึ่งแม้จะขับแค่ช่วงสั้นๆก็อาจมีอาการนี้ได้ นั้นก็เพราะว่าคุณ ยังไม่รู้วิธีการนั่งที่ถูกสุขลักษณะเวลาขับรถนั่นเอง เอาล่ะ เพื่อสุขภาพที่ดี ทำตามพวกเรานะ

1.ปรับเบาะให้เหมาะกับความยาวขา

เบาะนั่งสามารถปรับระยะห่างได้ เพราะงั้นคุณควรปรับให้เหมาะสมกับความยาวของขาคุณ เพื่อไม่ให้ขาคุณต้องงอมากจนเกินไป เพื่อป้องกันไม่ให้มีปัญหาเรื่องข้อเข่าในอนาคต โดยวิธีวัดก็คือ ให้ระยะของข้อพับเข่าของคุณเลยเบาะออกมาประมาณสองนิ้ว

ให้มีระยะห่างสองนิ้วเสมอ

2.นั่งให้เข่าและสะโพกเสมอกัน

พยายามปรับเบาะให้ระนาบระหว่างสะโพกของคุณและเข่าเสมอกัน เพราะจะทำให้ความสะดวกในการเหยียบเบรกลดลงและส่งผลเสียต่อสะโพกได้ หากเบาะของรถคุณไม่มีทีปรับความสูง ก็ให้นำเบาะรองนั่งมาเสริมจะช่วยได้นะ

ให้อยู่ในระนาบเดียวกัน

>> 4 ขั้นตอน เพื่อท่าขับรถที่เหมาะสม “ขับปลอดภัยแถมไม่ปวดหลัง”

>> อ่านด่วน ก่อนโดน! ขับตามหลังรถฉุกเฉิน ผิดกฏหมาย!

3.ปรับพนักพิงเบาะให้ได้มุม 100 องศา

มุม 100 องศานี้จะช่วยลดแรงกดที่หลังของคุณ และทำให้คุณนั่งสบายยิ่งขึ้น และเป็นมุมที่ทำให้คุณสามารถบังคับพวงมาลัยได้อย่างถนัด รวมทั้งมีทัศนวิสัยในการขับขี่ที่ดีด้วย

มุม 100 องศา

4.ปรับให้พนักพิงศีรษะเท่ากับตรงกลางของศีรษะ

หลายๆ คนปรับพนักพิงศีรษะให้ต่ำเพื่อใช้ในการพักคอ แต่จริงๆแล้วระดับของพนักพิงศีรษะ คือให้ตรงกลางของพนัก เท่ากับตรงกลางของศีรษะ เพราะรูปแบบของพนักนี้ออกแบบมาให้รับกับศีรษะผู้นั่งอยู่แล้ว

หัวกับเบาะอยู่กึ่่งกลางเท่ากัน

5.นั่งให้แนบสนิทไปกับเบาะ

หลายๆคนมีนิสัยชอบขับรถแล้วนั่งไม่พิงเบาะ ซึ่งหากขับระยะทางไกลๆ แน่นอนว่าร่างกายจะต้องล้าอย่างแน่นอน เพราะงั้นเมื่อขับรถไปใหน ควรนั่งให้แนบสนิทไปกับเบาะเลย ไม่ควรนั่งยืดมาข้างหน้า หากคุณเหยีบเบรกไม่ถึงให้ใช้วิธีปรับเบาะตามที่เราบอกไปแทน

นั่งให้สนิทกับเบาะ

6. จับพวงมาลัยที่เลข 9 และเลข 3

เลข 9 และเลข 3  มันอยู่ตรงใหนกัน ถ้าเปรียบพวงมาลัยเป็นนาฬิกาจะเห็นภาพขึ้น เพราะในตำแหน่งนี้ ทั้งแขนซ้ายและแขนขวาจะใช้แรงควบคุมเท่ากันทั้งหมด และคุณควรที่จะขับโดยใช้มือสองมือจับพวงมาลัยเสมอๆ เพราะหากใช้แค่มือเดียว นอกจากสมรรถภาพในการควบคุมจะลดลงแล้ว แขนที่ใช้นั้นอาจจะล้ามากยิ่งขึ้นก็ได้

จับตรงนี้ และใช้สองมือควบคุมเสมอนะ

ดูเพิ่มเติม

>> นั่งให้ถูกท่า ลดความเมื่อล้า

>> "คนท้อง" ต้องขับรถอย่างไรให้ถูกต้องและปลอดภัย