รถยนต์กลุ่ม C-Segment ที่น่าสนใจจากฝั่งอเมริกาและฝั่งญี่ปุ่น ที่อัดฟังก์ชั่นมาให้สมกับเป็นรถยนต์กลุ่มนี้ แต่ฟากฝั่งไหนจะน่าสนใจน่าซื้อมากกว่าทั้งๆที่ราคาไม่หนีกันมาก ตามไปดูกันเลยครับ
รถยนต์กลุ่ม C-Segment เป็นกลุ่มหนึ่งซี่งเป็นรถที่อาจจะเป็นรถคันที่2ของใครหลายๆคน เนื่องด้วยต้องการขยับขนาดของรถยนต์ให้ใหญ่ขึ้น เพื่อความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น มีหน้าที่การงานที่ต้องใช้รถยนต์มากขึ้น ตัวเลือกของรถกลุ่มนี้กำลังเหมาะสม สำหรับวันนี้เราจะมาเปรียบเทียบรถยนต์กลุ่มนี้กันในฝั่งของรถยนต์สัญชาติอเมริกันและรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นว่ามีจุดเด่นและมุมมองในการเลือกอย่างไรดี นั่นคือ Ford Focus 2018 และ Mazda3 2018 ครับ แม้ว่าชื่อชั้นในด้านการทำตลาดของรถยนต์นั่งส่วนบุคคลของ Ford จะสู้กับทาง Mazda ไม่ได้ แต่ในแง่ของตัวรถแล้ว ทั้ง2แบรนด์นี้ก็ไม่ได้หนีกันแบบไม่เห็นฝุ่น มีข้อได้เปรียบเสียเปรียบที่แตกต่างกันไป ในราคาที่ใกล้เคียงกัน
เปรียบเทียบ Ford Focus 2018 และ Mazda3 2018
1. เปรียบเทียบราคา
จาก รีวิวFord Focus 2018 มีรุ่นที่ยกมาทำตลาดหลักคือรุ่นเทอร์โบที่ประกอบด้วยรุ่นย่อย2รุ่น ดังนี้
1.5L EcoBoost Turbo Trend ราคา 979,000 บาท
1.5L EcoBoost Turbo Sport ราคา 1,099,000 บาท
Mazda3 มีให้เลือกทั้งแบบ Hatchback และแบบ Sedan ในที่นี้เพื่อให้เทียบกับ Ford Focus ได้เต็มที่เราจะเลือกแบบ Hatchback เพราะเป็นแบบเดียวกันทั้งคู่นะครับ Mazda3 2018 Hatchback มีให้เลือก4รุ่นย่อยดังนี้
2.0 E Sports ราคา 857,000 บาท
2.0 C Sports ราคา 951,000 บาท
2.0 S Sports ราคา 998,000 บาท
2.0 SP Sports ราคา 1,149,000 บาท
จากรุ่นและราคาที่ทาง Mazda มีให้เลือกมากกว่าก็ทำให้ลูกค้าตัดสินใจและปรับความต้องการให้ตรงกับรถยนต์รุ่นนั้นๆได้ง่ายขึ้น สำหรับรุ่นท็อปนั้นทาง Mazda จะมีราคาสูงกว่าประมาณ5หมื่นบาท ก็ต้องลองช่างใจกันว่าจริงๆแล้วตัวรถมันต่างกันถึงราคานี้ไหม
2. เปรียบเทียบขุมกำลัง
รถยนต์ Ford Focus นั้นขุมกำลังที่ดีที่สุดของมันคือ รหัสเครื่องยนต์1.5L GTDi EcoBoost Turbo ขนาด 1,498ซีซี เห็นตัวเลขปริมาตรกระบอกสูบแบบนี้แต่เป็นเครื่องจิ๋วแต่แจ๋วเพราะมันคือเครื่องยนต์เทอร์โบที่สร้างกำลังแรงม้าได้ถึง 180 แรงม้าที่6,000รอบต่อนาที แรงบิดมากถึง 240นิวตันเมตร ที่มาพร้อมกับระบบจ่ายน้ำมัน Direct Injection Turbo ทำให้ประหยัดน้ำมันแต่ได้ความแรงที่ไม่แพ้ใคร พร้อมกับการส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ6สปีดแบบ Torque Convertor
ขุมกำลังเทอร์โบของ Ford Focus ที่ให้ทั้งความแรงและประหยัดน้ำมัน
ทางด้าน Mazda3 นั้นเป็นเครื่องยนต์ Skyactive-G 2.0 DOHC พร้อมระบบวาล์วแปรผันคู่อัจฉริยะ Dual S-VTปริมาตรกระบอกสูบ 1,998 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 165 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 210 นิวตันเมตร ดังนั้นด้วยความเป็นเทอร์โบแม้ปริมาตรกระบอกสูบจะน้อยกว่าก็ทำให้อัตราการเร่งของ Ford Focus ดีกว่าMazda3เล็กน้อย ในเรื่องของกำลังเครื่องจึงตกเป็นของ Ford Focus ไป
เครื่องยนต์ SkyActive ใน Mazda3 ที่ให้ความเร่งที่ถึงใจ
เพิ่มเติม
>> Mazda ตั้งเป้าปี 62 ขาย 7.5 หมื่นคัน เหยียบคันเร่ง ‘รถยนต์ไฟฟ้า’ในไทย
>> สิ่งที่ควรเปลี่ยนทันทีเมื่อซื้อ “รถมือสอง” มาขับ
3. เปรียบเทียบภายนอก
ภายนอกของรถยนต์ Ford Focus ออกแบบกระจังหน้ามาได้โดนใจใครหลายๆคน เพราะเป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์ Ford ในยุคนี้ ล้อมกรอบกระจังหน้าด้วยโครเมียมพร้อมกับดีไซน์ที่ดูสปอร์ตและโฉบเฉี่ยว ซ้ายและขวาเป็นไฟหน้าแบบฮาโลเจนเปิดปิดอัตโนมัติที่มาพร้อมกับ Day Time Running Light แบบ LED กระจกบังลมหน้ามาพร้อมกับระบบที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ และตบด้วยการเพิ่มความสว่างเมื่อทัศนวิสัยขมุกขมัวด้วยไฟตัดหมอกหน้าและหลัง ความสปอร์ตยังมีให้เห็นถึงล้ออัลลอย17นิ้วที่ดีไซน์มาได้เข้ากับตัวรถอย่างลงตัว ด้านท้ายของตัวรถยังมีสปอยเลอร์ที่เห็นชัดเจนแต่ไม่ใหญ่เกินไปช่วยกดตัวรถให้เกาะถนนเมื่อใช้ความเร็วสูงในการขับขี่
ภายนอกของ Ford Focus ที่ดูสปอร์ตและโฉบเฉี่ยว
ทางด้าน Mazda3 ภายนอกยังคงออกแบบด้วยคอนเซ็ปท์ KODO Design ที่ใช้กับรถยนต์ Mazda ในยุคนี้และก็เป็นที่ชื่นชอบของใครหลายๆคน จนบางคนตัดสินใจซื้อเพราะดีไซน์โดยเฉพาะ ไฟคู่หน้าเป็นแบบโปรเจคเตอร์ ส่วนไฟท้ายเป็นแบบLEDเช่นเดียวกับไฟต้ดหมอกคู่หน้า ตกแต่งความหรูหราด้วย Day Time Running Light เหนือขึ้นเป็นที่ปัดน้ำฝแบบอัตโนมัติ ด้านท้ายมีสปอยเลอร์ขนาดกะทัดรัดที่ไม่เทอะทะจนเกินไป ล้อของ Mazda3 เป็นล้ออัลลอยขนาด 18นิ้ว ซึ่งขนาดล้อกับตัวถังแบบนี้ทำให้ดูสปอร์ตมากยิ่งขึ้น
ภายนอกของ Mazda3ดีไซน์ทุกรายละเอียดที่เน้นความสปอร์ตไม่แพ้กัน
เรื่องภายนอกนี่กินกันไม่ลงเพราะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกันเลือกกันตามความชอบได้สบายเลยครับ แต่สำหรับผมยังยกให้ Mazda3 เหนือกว่าเล็กน้อยจากเรื่องไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์และล้ออัลลอยขนาด18นิ้วที่ใหญ่กว่าดูสมบุกสมบันกว่า Ford Focus
4 .เปรียบเทียบภายใน
Ford Focus ที่ภายนอกดีไซน์มาสปอร์ตแล้ว ภายในยังแต่งแต้มความหรูหราด้วยโทนสีดำเป็นหลัก และเก็บทุกรายละเอียดไม่ว่าจะเป็นเบาะหนัง พวงมาลัย และหัวเกียร์ก็ใช้หนังหุ้มทั้งหมดเพื่อให้ลูกค้ารู้สึกดีที่สุดในทุกสัมผัส พวงมาลัยที่มาพร้อมกับระบบสั่งการต่างๆแบบจัดเต็มทั้งเครื่องเสียง โทรศัพท์ หรือแม้แต่ระบบการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยPaddle Shift ระบบความบันเทิงต่างๆภายใน Ford Focus นั้นขึ้นชื่อเรื่องการสั่งงานด้วยเสียงมาแต่ไหนแต่ไร ด้วยระบบการสั่งงานที่ Ford พัฒนาขึ้นเองที่เรียกว่า SYNC Voice Control เวอร์ชั่น3 ที่สามารถเชื่อมต่อได้ทั้ง Wifi และ Bluetooth ด้วย และที่เด็ดกว่านั้นคือ แม้จะมีระบบการสั่งงานด้วยเสียงของตัวเอง Ford ก็ยังพัฒนาระบบควาบันเทิงให้รองรับการทำงาน Apple CarPlay และ AndriodAuto อีกด้วย ส่วนความบันเทิงมาตรฐานอื่นๆก็มีให้ครบไม่ว่าจะเป็นจอทัชสกรีนขนาด 8นิ้ว ช่องใส่ CD, USB ที่มาพร้อมกับเสียงที่กระหึ่มในทุกองศาจากลำโพงทั้งหมด9จุด เรียกว่าคุ้มค่าความบันเทิงขณะขับขี่แน่นอน
ระบบความบันเทิงใน Ford Focus ที่จัดมาให้เต็มๆ
ทางด้าน Mazda3 ภายในยังคงคุมโทนสีเป็นแบบสีเข้ม สำหรับรุ่นท็อปจะเป็นสีทูโทนที่เน้นสีเข้มไปในโทนเดียวกันโดยใช้สีดำนำตัดกับสีเงิน เบาะนั่งภายในหุ้มหนังทั้งหมด พวงมาลัยที่มีสวิทช์ควบคุมทั้งโทรศัพท์และเครื่องเสียง นอกจากนั้นยังมีระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยแบบ Paddle Shift ด้วย ส่วนระบบความบันเทิงตามแบบฉบับของ Mazda คือวางจอไว้ตรงกลางให้ดูหรูหรามีระดับราวกับรถยนต์ Luxury พร้อมปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander ที่ทาง Mazda ออกแบบมาให้ใกล้กับมือซ้ายของผู้ขับ ทำให้ไม่ต้องเอื้อมมือไปแตะที่หน้าจอ แต่หน้าจอก็ยังเป็นแบบทัชสกรีนขนาด7นิ้วเพื่อให้ควบคุมได้ง่ายยิ่งขึ้นในขณะรถหยุดนิ่ง การเชื่อมต่อแบบ Bluetooth ก็ทำได้เป็นปกติพร้อมระบบสั่งการด้วยเสียงที่พัฒนาโดย Mazda เอง ในรุ่นท็อปยังมีระบบนำทางมาให้อีกด้วย ส่วนความบันเทิงอื่นๆก็ไม่มีหล่นหาย ทั้ง FM/AM/CD/MP3 รวมไปถึง USB และ AUX ก็ไม่ขาด สร้างความบันเทิงได้ต่อเนื่องด้วยลำโพงทั้ง6จุด
ภายในที่ออกแบบมาให้แบบครบๆทั้งความบันเทิงและความหรูหราใน Mazda3
ยกนี้ต้องบอกเลยว่ากินกันยากจริงๆจะเรียกเสมอกันก็ว่าได้เพราะว่าต่างคนต่างให้ระบบต่างๆมาอย่างครบมือต่างกันนิดๆหน่อยๆ ที่Mazdaให้ลำโพงมาแบบมาตรฐาน6จุด ส่วนFord Focus จัดเต็มมาถึง9จุด ในแง่การออกแบบ Mazda ก็จะดูหรูหรากว่าด้วยจอแสดงผลตรงกลางพร้อม Center Commander
5 .เปรียบเทียบความปลอดภัย
ความปลอดภัยเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เชือดเฉือนกันอย่างถึงพริกถึงขิง ทางด้าน Ford ให้ระบบความปลอดภัยมาหลายอย่างที่น่าสนใจ เช่นระบบช่วยจอดอัจฉริยะทั้งแบบเทียบข้างและถอยเข้าซอง ระบบเบรกที่ความเร็วต่ำ (Active City Stop) ระบบถุงลมนิรภัยที่ให้มาถึง6จุดคือ คู่หน้า ด้านข้างและม่านถุงลมนิรภัย ระบบช่วยออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน HLA (Hill Launch Assist) ระบบป้องกันล้อล็อกระบบควบคุมแรงบิดขณะเข้าโค้ง และยังมีระบบความปลอดภัยพื้นฐานอย่างเซนเซอร์กะระยะที่ให้มาทั้งด้านหน้าและด้านหลัง แต่เพื่อความปลอดภัยที่สูงสุดยังติดกล้องมองหลังมาให้อีกด้วย
ระบบช่วยเบรกที่ความเร็วต่ำคือความเร็วต่ำกว่า 50กม./ชม.
Mazda3 กับเซกเมนต์นี้ก็ไม่ยอมน้อยหน้า ใส่ระบบความปลอดภัยมาเต็มที่ เริ่มกันที่การป้องกันรอบตัวจากการมองภาพรอบคันรอบทิศทางแบบ 360องศา พร้อมกับระบบเซนเซอร์กะระยะทั้งด้านหน้าและด้านหลังรวม8จุด ด้านหน้ายังมาพร้อมกับระบบไฟหน้าแบบ Adaptive LED Headlamps ส่วน Active Safety ก็ให้มาแบบไม่เกรงใจลูกค้าคือ ระบบเตือนเมื่อรถยนต์ออกนอกเลน ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง ระบบช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลังออกจากที่จอดรถ ระบบเตือนการชนด้านหน้าและระบบเบรกอัตโนมัติ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ส่วน Passive Safety ก็ยังคงอยู่ทั้งถุงลมนิรภัยคู่หน้าและม่านถุงลมนิรภัย ระบบควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของรถ ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล เรียกว่าใส่ระบบความปลอดภัยมาไม่เกรงใจทั้งลูกค้าและคู่แข่งเลย
ระบบความปลอดภัยของ Mazda3 ที่ใส่มาแบบไม่เกรงใจกันเลย
เรื่องความปลอดภัยคงต้องยกให้ทาง Mazda3 เอาไปครองเนื่องจากใส่มาแทบจะทุกระบบความปลอดภัยที่ในตลาดประเทศไทยมี ใครใส่ใจด้านความปลอดภัยมากๆ Mazda3 จะตอบโจทย์คุณได้อย่างดี
เพื่อนๆคงเห็นภาพรวมคร่าวๆแล้วใช่ไหมครับ แม้ Mazda3 จะมีราคาสูงกว่า(ในรุ่นท็อป) Ford Focus ราวๆ5หมื่นบาท แต่ระบบความปลอดภัยที่ได้นั้นเหนือกว่า Ford Focus อย่างเห็นได้ชัด ส่วนระบบภายนอกและภายในอื่นๆแม้จะต่างกันบ้างแต่ก็ยังไม่ได้ห่างกันอย่างมีนัยสำคัญมากนัก ท้ายที่สุดแล้วเลือก Mazda3 น่าจะคุ้มค่ากับเงินและสิ่งที่ได้มากกว่า ยิ่งใครรักความปลอดภัยซื้อ Mazda3 ไปคงไม่ผิดหวังแน่ๆครับ
เพิ่มเติม
>> ส่องข้อดี-ข้อเสีย ก่อนออก Mazda3 รุ่นใหม่
>> รถ Ford มือสอง 3 รุ่นที่เหมาะกับการขับขี่ในเมือง
ติดตามข่าวสารรถยนต์ เชิญที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสองสภาพดี เชิญเข้าดูที่ตลาดรถตรงนี้