ภายนอกของ Ford Focus มีการปรับกระจังหน้าให้เป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์ Ford มากยิ่งขึ้นล้อมกรอบด้วยแถบโครเมียม ประกบคู่ด้วยไฟหน้าแบบฮาโลเจนพร้อม Day Time Running Light แบบ LED ซึ่งไฟหน้านี้มาพร้อมกับระบบเปิดปิดอัตโนมัติด้วย นอกจากนั้นความสว่างที่เพิ่มขึ้นยังมีมาจากไฟตัดหมอกหน้าทั้งซ้ายขวา เหนือขึ้นไปเป็นกระจกบังลมหน้าที่ชัดเจนด้วยระบบปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติ ส่วนล้อก็เป็นแบบอัลลอยขนาด17นิ้วที่ดีไซน์มาให้ลงตัวกับทั้งตัวถังและคอนเซ็ปท์สปอร์ต ทำให้ดูปราดเปรียวไม่ว่าจะเคลื่อนไหวหรือหยุดนิ่ง ส่วนด้านหลังมาพร้อมกับสปอยเลอร์ขนาดใหญ่ที่ออกแบบมาตามหลักอากาศพลศาสตร์เพิ่มแรงกดให้รถเกาะถนนแม้ขับด้วยความเร็วสูงและทำให้ดูสปอร์ตจรดท้ายรถอีกด้วย
รีวิว Ford Focus ด้านหน้าที่ดูสปอร์ต
Ford Focus ดูสวยงามไม่ว่าจะโลดแล่นหรือหยุดนิ่ง
เพิ่มเติม
ภายในของ Ford Focus แต่งแต้มดว้ยความหรูหรากับโทนสีดำและออกแบบมาอย่างปราณีตทุกรายละเอียด ตั้งแต่เบาะหนังอย่างดีสีโทนดำ รวมไปจนถึงพวงมาลัยและหัวเกียร์ก็หุ้มหนังเช่นกัน และเน้นที่ความสะดวกสบายของผู้ขับเป็นหลัก พวงมาลัยแบบสามก้านที่มาพร้อมกับปุ่มควบคุมฟังก์ชั่นการทำงานต่างๆแบบจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นควบคุมโทรศัพท์หรือเครื่องเสียง รวมไปถึงระบบการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Paddle Shiftด้วย มาถึงเครื่องเสียงแหล่งความบันเทิงหลักของ Ford Focus ที่จัดระบบมาเต็มแบบไม่ยั้งไล่กันตั้งแต่ระบบสั่งงานด้วยเสียงของ Ford เองที่เรียกว่า SYNC voice control ที่เป็นเวอร์ชั่นที่3แล้ว และสามารถเชื่อมต่อ Bluetooth และ Wifi ได้ด้วย แต่ไม่เพียงแค่นั้น Ford ยังร่วมมือกับทั้ง Apple และ Google ยัด Apple CarPlay และ AndriodAuto ลงมาให้รถยนต์คันนี้ได้ใช้กันแบบสบายๆ ความบันเทิงมาตรฐานอื่นๆก็มีไม่ขาดทั้งวิทยุพรีเมี่ยมจาก SONY ที่มีหน้าจอทัชสกรีขนาด 8นิ้ว ช่องใส่CD USB ที่ทำให้คุณได้สัมผัสทุกอรรถรสแห่งความบันเทิงในขณะขับขี่ด้วยลำโพงทั้งหมด 9ตัว นับเป็นความบันเทิงภายในรถยนต์ที่คุ้มค่าอย่างยิ่งในรถยนต์กลุ่มนี้
ภายใน Ford Focus ที่เน้นโทนสีดำไสตล์สปอร์ต
เครื่องเสียงและพวงมาลัยใส่ฟังก์ชั่นมาให้แบบเต็มๆ
ขุมกำลังของรถยนต์ Ford Focus ทั้งสองรุ่นย่อยเป็นรหัสเครื่องยนต์ 1.5L GTDi EcoBoost Turbo ขนาด 1,498ซีซี แม้จะเห็นตัวเลขราวกับรถยนต์กลุ่ม B-Segment แต่ กำลังแรงม้าของมันนั้นไม่ธรรมดาเพราะมันสร้างกำลังได้สูงสุดถึง 180แรงม้าที่6,000รอบต่อนาที แรงบิดมากถึง 240นิวตันเมตร เนื่องจากมันคือรถยนต์เทอร์โบ EcoBoost ที่มาพร้อมกับระบบจ่ายน้ำมันแบบ Direct Injection Turbo ที่ทั้งแรงทั้งประหยัดน้ำมัน และส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ6สปีดแบบ Torque Convertor
เครื่องยนต์ 1.5L GTDi EcoBoost Turbo ขนาด 1,498ซีซี ทำให้ประหยัดน้ำมันแต่ยังคงแรงต่อเนื่อง
Ford นั้นขึ้นชื่อเรื่องระบบความปลอดภัยอยู่แล้ว แม้แต่ในตลาดรถยนต์ประเทศไทยเองก็มี Ford ที่นำเอาระบบความปลอดภัยใหม่ๆเข้ามาตลาดประเทศไทยเป็นรายแรกๆ เช่นระบบช่วยจอดรถอัจฉริยะแบบเทียบข้างและแบบถอยเข้าซองที่สามารถทำให้เราจอดรถยนต์ได้ง่ายขึ้นก็มีกันมาตั้งแต่โฉมก่อนๆ ส่วนระบบอื่นๆในแง่ความปลอดภัยก็ไม่แพ้แบรนด์อื่นๆในเซกเมนต์เดียวกันเช่นกัน ไล่กันตั้งแต่ระบบช่วยเบรกที่ความเร็วต่ำหรือที่เรียกว่า Active City Stop ระบบถุงลมนิรภัยที่ให้มาถึง6จุดคือ คู่หน้า ด้านข้างและม่านถุงลมนิรภัย ระบบช่วยออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน HLA (Hill Launch Assist) ระบบควบคุมแรงบิดขณะเข้าโค้ง ระบบป้องกันล้อล็อก และยังมีระบบความปลอดภัยพื้นฐานอย่างเซนเซอร์กะระยะที่ให้มาทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ยังไม่พอยังให้กล้องมองหลังขณะถอยจอดมาให้อีกด้วย
ระบบความช่วยถอยเข้าจอดทั้งในซองและเทียบข้าง
ระบบช่วยเบรกที่ความเร็วต่ำคือความเร็วต่ำกว่า 50กม./ชม.
เพื่อนๆชาว Chobrod คงจะเห็นภาพรวมทั้งหมดของรถยนต์ Ford Focus กันไปแล้วนะครับ นับได้ว่าเป็นรถยนต์กลุ่ม C-Segment ที่จัดฟังก์ชั่นมาเต็มสุดๆ ไม่ใช่แค่เรื่องฟังก์ชั่นภายในด้านความบันเทิงเท่านั้น แต่ระบบความปลอดภัยหลักๆทั้ง Active safety และ Passive Safety ก็มีมาให้เช่นกัน นอกจากนั้นเครื่องยนต์ยังเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดที่ทำเป็น EcoBoost Turbo ทำให้ได้กำลังแรงในขณะที่ประหยัดน้ำมันอีกด้วย สำหรับใครที่มองหารถยนต์ Ford Focus 2018 และเห็นว่าความต้องการตรงกับฟังก์ชั่นและสเปกต่างๆที่ได้รีวิวมาก็หามาเป็นเจ้าของกันได้เลยครับ
ติดตามข่าวสารรถยนต์ เชิญที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสองสภาพดี เชิญเข้าดูที่ตลาดรถตรงนี้
Ford Focus 2018 | ราคา | หาซื้อรถได้ที่นี่ |
---|---|---|
Ford Focus 2018 1.5L EcoBoost Turbo Trend | 919,000 บาท | ดูเพิ่มเติม |
Ford Focus 2018 1.5L EcoBoost Turbo Sport | 1,099,000 บาท | ดูเพิ่มเติม |