ว่าด้วยเรื่องความผิดพลาดของระบบในรถยนต์ที่อันตรายที่สุด คือความผิดพลาดของระบบเบรค อาการเบรคแตก กดเบรคไม่อยู่ รถไม่หยุด แล้วผลที่ตามมาถ้าระบบนี้นี้มีปัญหาเป็นสิ่งที่ผู้ใช้รถทุกคนไม่อยากเจอ สาเหตุของปัญหานี้จริงๆ แล้วมาจากอะไร อาการเบื้องต้นที่สามารถนำไปสู่ความหายนะส่งผลเสียงหายรุนแรงมีอะไรบ้าง Chobrod จะขอพาทุกคนไปรู้จักกับคำว่า ”เบรคแตก” ให้ดียิ่งขึ้น
“เบรคแตก” กับอันตรายใกล้ตัวที่คุณควรระวัง
สัญญาณเตือนที่หลายคนไม่สนใจจนพาให้รถมีปัญหาเบรคแตก เบรครถไม่อยู่ แม้กดเหยียบเบรคจนสุดแล้ว จากนั้นต้องเบรคซ้ำอีกทีรถจึงจะหยุดได้ นี่เป็นสัญญาณเตือนระดับแรกว่าหม้อลมเบรค หรือระบบการทำงานในระบบเบรคของรถคุณเริ่มทำงานได้ไม่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว หรืออาการที่หนักกว่านั้นคือเมื่อเหยียบเบรคจมแล้ว เบรคย้ำอีกหลายครั้ง เบรคก็ไม่สูงขึ้นเลยรวมไปถึงความเร็วของรถก็ไม่ลดลงแบบนี้น่าเป็นห่วงยิ่งกว่า ซื่อถึงอาการที่เรียกว่าเบรคแตกได้ชัดเจนที่สุด
ปัจจัยหลายเหตุผลที่ทำให้การทำงานของระบบเบรคมีปัญหา อาการเบรคแตก จมลึก เหยียบลงไปไม่ช่วยให้ความเร็วของรถต่ำลงเลย มาจากความเสื่อมสภาพของอุปกรณ์ใ
ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลของความผิดปกติในระบบเบรคนี้ ส่วนใหญ่มาจากความละเลยไม่สนใจของผู้ขับ ทั้งในขณะขับขี่ที่ไม่สังเกตเห็นความผิดปกติ ว่าความแตกต่างของตอนที่เบรคไม่มีปัญหากับตอนที่อาการเริ่มออกเป็นอย่างไร ส่งผลให้ความเสียหายลุกลามจนเบรคแตก หยุดรถไม่อยู่ รวมไปถึงการไม่คำนึงที่จะตรวจสอบความผิดปกติของระบบเบรคเลยแม้แต่น้อย ว่ามีการรั่วซึมที่จุดใดจุดหนึ่งในการทำงานของระบบหรือไม่ แค่ระดับน้ำมันเบรคที่น้อยลดลงไปก็ฟ้องถึงปัญหาของระบบเบรคที่ผู้ใช้รถทุกคนควรบึ่งรถ เข้าอู่หรือศูนย์ซ่อมให้ตรวจสอบระบบได้แล้ว แต่ผู้ใช้รถประเภท “ขับอย่างเดียว” มักไม่ใส่ใจที่จะทำ
อาการเบรคแตกเกิดจากความเสื่อมสภาพของชิ้นส่วนในระบบเบรค
ดังนั้นถ้าไม่อยากเจอกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ในวันที่คุณขับรถมาเร็วๆ แล้วเบรคไม่อยู่ ควรให้ความสำคัญกับอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นในทันทีที่เจอเมื่อยามขับขี่ เมื่อครั้งใดที่คุณเหยียบเบรคแล้วรู้สึกว่าระยะการเบรคมากขึ้น เหยียบลงไปลึกมากกว่าที่เคยเป็นหรือแม้ต้องย้ำเบรคหลายครั้งเพื่อให้การเบรคนั้นเกิดผลหยุดรถได้ สิ่งที่ควรทำทันทีคือการรีบเปิดฝากระโปรงหน้ารถของคุณ เพื่อดูว่าระบบเบรคมีปัญหาการรั่วซึมของน้ำมันเบรคหรือไม่ ระดับน้ำมันเบรคต่ำกว่าเกณฑ์หรือเปล่า หรือมีรอยคราบน้ำมันติดอยู่ตามอุปกรณ์เบรคตรงส่วนไหน เพื่อความมั่นใจในการขับขี่ก็ควรที่จะขับรถเข้าให้ช่างผู้ชำนาญตรวจสอบเลยโดยด่วน อย่าฝืนใช้รถจนปล่อยให้เกิดเรื่องไม่ดีในตอนที่คุณขับขี่ มันจะได้ไม่คุ้มเสียเอา ไม่ควรเสี่ยงกับระบบเบรคเลยแม้แต่น้อยถ้ารู้สึกว่ามีปัญหา ซึ่งเป็นระบบเดียวของรถที่จะสามารถทำให้รถทุกคันไปถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัย หรือคุณว่าไม่จริง?
เพียงใส่ใจดูแลรถสักนิดก็สามารถป้องกันอาการเบรคแตกได้
และใช่เพียงจะมีแค่อาการเบรคแตกเพียงอาการเดียวเท่านั้นที่เป็นสัญญาณของปัญหาในระบบ อาการอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการทำงานอันผิดปกติของระบบเบรคก็มีด้วย เช่นอาการ เบรคติด, เบรคเบรคจม, เบรคทื่อ, เบรคสั่น และอื่นๆ ซึ่งแม้อาการเหล่านี้จะทำให้รถสามารถชะลอหยุดได้ ไม่ใช่ระบบเบรคตายไปเลยเหมือนปัญหาเบรคแตก แต่กระนั้นก็ทำให้ความปลอดภัยเมื่อยามเบรคไม่เท่ากับการทำงานที่สมบูรณ์ของระบบ ไปดูวิธีการตรวจสอบว่ารถของคุณระบบเบรคเริ่มมีปัญหาแล้วหรือยังไม่ ผ่านสัญญาณอาการดังต่อไปนี้
เบรคจม
บ้างก็เรียกกันว่า “เบรคต่ำ” เกิดจากลูกยางแม่ปั๊มเบรคตัวบนเริ่มเสื่อมสภาพ หรือบวมตามอายุการใช้งาน ทำให้แรงดันเบรคต่ำลง ทำให้การเหยียบเบรคปกติเพียงครั้งมีแรงดันเบรคเพียงพอ ต้องกลายมาเป็นการย้ำเบรค เป็นอาการแรกเริ่มของเบรคแตก ควรรีบแก้ไขโดยด่วน
เบรคดัง
สาเหตุ มาจากการเสียดสีของโลหะ เพราะผ้าเบรคหมด
เบรคสั่น
สาเหตุมาจากจานเบรคคด บิดตัวหรือสึกหรอไม่สม่ำเสมอ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ถ้ารถผ่านการใช้งานเบรคมาอย่างรุนแรง
อาการเบรคต่างๆ สามารถนำไปสู่การอาการเบรคแตกได้
เบรคทื่อ
สาเหตุเกิดจากหม้อลมเบรคเริ่มมีปัญหา การเสื่อมสภาพจนรั่วซึมที่ชุดผ้าใบภายในหรือวาล์ว PVC หรือ Combo Vale เสีย ทำให้แรงสูญญากาศของหม้อลมน้อยลงกว่าระดับมาตรฐานที่ระบบเบรคต้องการ ต้องใช้แรงเบรคมากกว่าปกติเพื่อกดเหยียบเบรคให้ลง
เบรคติด
สาเหตุเกิดจากการที่ลูกยางกันฝุ่นในแม่ปั๊มเบรคเสื่อมสภาพหรือฉีกขาด มีน้ำซึมเข้าไปในกระบอกเบรคจนเป็นสนิม ไปขัดการทำงานของลูกสูบเบรคให้ไม่สามารถเคลื่อนตัวเข้า-ออกได้ รวมไปถึงปัญหาซีนยางบวมผิดรูปจนทำให้ลูกสูบที่ปั้มเบรคล่างไม่เลื่อนกลับ
เบรคเฟด
สาเหตุเกิดจากความร้อนของจานเบรคกับผ้าเบรคที่สูงเกินไป จากการใช้งานเบรคหนักเกิน เช่นเมื่อตอนขับรถขึ้น-ลงเขาหรือใช้ความเร็วสูงแล้วเหยียบเบรค อาการเบรคเฟดนี้ถือเป็นปัญหาของผู้ขับขี่ที่ชอบเบรคแบบรุนแรง เบรคบ่อย ๆ ติดต่อกันเมื่อครั้งที่ใช้ความเร็วสูง เบรคอาจไม่ตอบสนองจนทำให้เกิดอันตรายได้
ทั้งหมดนี้คือเรื่องปัญหาของเบรคที่ผู้ใช้รถทุกๆ คนควรทราบ ใช่เพียงแต่ขับอย่างเดียว รถวิ่งไม่ได้ค่อยซ่อม ควรป้องกันไม่ให้ปัญหาการใช้งานของระบบเบรคนี้เกิดขึ้น สุดท้ายแล้วก็คงไม่พ้นการดูแลรักษา หมั่นตรวจสอบสภาพการใช้งานของรถให้ดีอยู่ตลอด ทุกชิ้นส่วนอุปกรณ์ของรถล้วนแต่เสื่อมสภาพไปในทุกครั้งที่คุณสตาร์ทรถโดยเฉพาะเรื่องเบรค เป็นเรื่องที่ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้จนสายเกินแก้
แล้วคุณละ เคยเจออาการเบรคมีปัญหาแบบไหนกันบ้าง บอกกับเรา Chobrod ให้รู้กันหน่อย
ดูเพิ่มเติม