อาการรถเสียที่พบบ่อย ทุกคนที่ใช้รถเป็นประจำต่างต้องเคยเจอปัญหาต่างๆ จากการใช้งาน การสึกหรอของอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งจากภายในเครื่องยนต์, ช่วงล่างหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของรถ ต่างมีอายุการใช้งานระยะเวลาของมันทั้งสิ้น เราจะพาไปดูอาการที่รถเสียบ่อยๆ จากการใช้งานมีอะไรบ้างต้องไปดู
รวมอาการเสียที่พบบ่อยในรถยนต์ ที่ผู้ใช้ทุกคนควรรู้
มีกลิ่นไหม้
เมื่อคุณกำลังขับขี่รถแล้วเกิดได้กลิ่นเหม็นไหม้ อาการนี้ค่อนข้างอันตรายอย่างยิ่งให้คุณรีบจอดรถ ตบไฟเลี้ยวเข้าข้างทางในทันทีเพราะยังไม่รู้ว่าสาเหตุของกลิ่นมาจากอุปกรณ์ชิ้นไหนของตัวรถ ถ้าขืนขับรถไปต่ออาจยิ่งทำให้ความเสียหายมีมากยิ่งขึ้น การรีบจอดและลงมาดูสภาพรถจึงเป็นสิ่งที่ควรทำเป็นขั้นตอนแรก
กลิ่นไหม้และสาเหตุที่ทำให้เกิดมีความเป็นไปได้ตั้งแต่ความเสียหายของอุปกรณ์รถเริ่มเสื่อมสภาพไม่มากไปจนถึงปัญหาใหญ่ สาเหตุที่ทำให้เกิดกลิ่นไหม้อาจเกิดจาก
ผ้าเบรกไหม้เนื่องมาจากผ้าเบรคหมด อาจทำให้รถเบรกไม่อยู่ หรือจานเบรกคด
สายพานไหม้ หรือขาดอาจทำให้รถดับกลางทาง
ท่อไอเสียรั่วหรือแตก ความร้อนของไอเสียอาจไปโดนสายไฟของรถจนเกิดการช๊อต และมีกลิ่นไหม้
ระบบไฟฟ้าต่างๆ ภายในรถขัดข้อง เกิดการช๊อตจนส่งกลิ่นไหม้
เครื่องยนต์มีปัญหาความร้อนจนลูกสูบไหม้ ส่งกลิ่นออกมา
ซึ่งแต่ละปัญหาความรุนแรงแม้จะต่างกันแต่ทุกอาการนั้นควรรีบนำรถของคุณเข้าอู่ตรวจสอบสภาพรถทันที ไม่ควรฝืนใช้รถต่อเพราะจะยิ่งทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายในขณะขับขี่สูง
มีเสียงดังผิดปกติ
ในขณะที่ขับขี่รถมีอาการเสียงดังผิดปกติที่คุณไม่เคยได้ยินมาก่อน ที่มาของเสียงอาจเกิดจากความผิดปกติของเครื่องยนต์ เช่นพวกสายพาน หรือช่วงล่างทั้งระบบเบรค เวลาที่คุณเหยียบเบรคแล้วเกิดเสียงดัง หอนเหมือนเหล็กเสียดสีกัน หรือจะเป็นชิ้นส่วนของระบบรองรับแรงกระแทกอย่างโช๊คอัพ และบูชยางต่างๆ ของช่วงล่างเสื่อมสภาพก็อาจทำให้เกิดเสียงน่ารำคาญขณะขับขี่ได้ทั้งนั้น
อาการเสียงดังเหล่านี้เกิดขึ้นได้ เมื่อรถที่คุณใช้เริ่มเข้าสู่ระยะ 7 หมื่นถึง 1 แสนกิโลเมตร การเสื่อมสภาพของอุปกรณ์เหล่านี้ทั้ง สายพานเครื่องยนต์, บูชยางต่างๆ ของช่วงล่าง ลูกปืนล้อแตก โช๊คอัพพังและผ้าเบรคหมด เมื่อถึงอายุการใช้งานรถจะฟ้องกับคุณด้วยเสียงดังเวลาที่ขับขี่ใช้งาน
ปัญหาเสียงดังนอกจากเนื้อยางที่เสื่อมสภาพแล้ว ยังมาจากบูชยางต่างๆ (ตามจุดสีแดง) เสื่อมสภาพหรือฉีกขาดด้วยทำให้ช่วงล่างมีเสียงดังผิดปกติ
สิ่งสำคัญคือต้องควรตรวจเช็คให้แน่ใจว่าเสียงเกิดมาจากจุดไหน แล้วนำไปบอกกับช่างหรือถ้าไม่คุณแน่ใจควรให้ช่างลองขับรถของคุณดูเลยจะสามารถวินิจฉัยอาการเสียงดังของรถ และซ่อมแซมได้ตรงจุดมากกว่า เสียตรงไหนซ่อมตรงนั้นไม่ต้องเสียเงินบานปลาย
ช่วงล่างแข็งกระด้าง
ยางที่ล้อทั้งสี่เมื่อใช้ไปครบระยะ เนื้อยางจะเกิดอาการแข็งทำให้ความนิ่มนวลในการขับขี่ลดลง หมั่นตรวจสอบสภาพยาง ถ้าการขับขี่ของคุณไม่นิ่มนวลเหมือนที่ผ่านมา อีกจุดที่ทำให้ช่วงล่างไม่นุ่มนวลอย่างเคย อาจมีสาเหตุมาจากชิ้นส่วนช่วงล่างอื่นๆ หมดสภาพด้วยเช่นกัน พวกบูชยางที่ช่วยในการรับน้ำหนัก โช็คอัพแตก อาการเหล่านี้นอกจากทีเสียงดังตามข้อที่กล่าวมา ความแข็งกระด้างก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุได้ด้วย
สตาร์ทติดยาก
บิดสตาร์ทนานๆ กว่าเครื่องยนต์จะติดจนทำให้แบตเตอรี่หมด สาเหตุอามาจากหัวเทียนถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยน ไม่สามารถประจุไฟให้เครื่องยนต์ติดได้ รวมไปถึงสายหัวเทียนอาจเสียในบางเส้น หรือมาจากระบบน้ำมันเชื้อเพลิง ปั้มน้ำมันหรือ ‘ปั้มติ๊ก’ เสีย ไม่ดูดน้ำมันเข้าสู่ระบบทำให้เครื่องยนต์สตาร์ทไม่ติดหรือติดยากได้ทั้งสิ้น ควรรีบนำรถเข้าตรวจสอบหาสาเหตุที่แน่ชัดเพราะจะทำให้การใช้รถแต่ละครั้งของคุณลำบากแสนเข็ญกว่าจะได้ขับ
เมื่อบิดสตาร์ทนานๆ แล้วรถไม่ติด หรือนิ่งเงียบไปเลย สาเหตุน่าจะมาจากระบบไฟจากแบตฯ หรือน้ำมันไม่เข้าไปในระบบเพื่อจุดระเบิดได้
รถมีควันขาว
อาการควันขาวเกิดมาจากเครื่องยนต์เผาไหม้ไม่หมด น้ำมันเครื่องเล็ดลอดเข้าไปในห้องเผาไหม้ การจุดระเบิดภายในไม่สามารถเผาไหม้น้ำมันเครื่องซึ่งมีความหนาแน่นกว่าน้ำมันเชื้อเพลิงได้หมดทำให้มีควันขาวออกมา สาเหตุที่ทำให้น้ำมันเครื่องเล็ดลอดเข้าไปเกิดจากการเสื่อมสภาพหรือความเสียหายของชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ ทั้งซีลรั่ว ฝาสูบคด แหวนลูกสูบเสื่อมสภาพ ฯลฯ มีได้หลายสาเหตุ
ถึงแม้ปัญหาควันขาวรถจะยังสามารถใช้งานได้อยู่แต่ก็ไม่ควรปล่อยไว้นานเกินไป จนความเสียหายอาจลุกลามกลายเป็นปัญหาใหญ่ ซ่อมหนัก ราคาซ่อมก็แพงตามความเสียหายด้วยเช่นกัน
อาการควันขวาคือสัญญาณที่บอกว่ารถมีปัญหาในระบบเผาไหม้
ไฟเตือนบนหน้าปัด
สัญลักษณ์ต่างๆ บนหน้าปัดรถของคุณโดยเฉพาะพวกไฟสีแดงคือคำเตือนอันตราย ฟ้องถึงอาการผิดปกติ ได้เป็นอย่างดี ผ่านเซ็นเตอร์ตามจุดต่างๆ สำคัญ มีผลต่อการใช้งาน อย่าละเลยที่จะคอยสังเกตไฟเหล่านั้นบนหน้าปัดรถของ ปล่อยทิ้งไว้ไม่นำรถเข้าไปให้ช่างดู อาจส่งผลให้ความเสียหายของอุปกรณ์ ลุกลามไปส่วนอื่นๆ ได้จนต้องซ่อมใหญ่ เสียหายหนัก ราคาค่าซ่อมค่าอะไหล่ก็หนักไปด้วย
สัญลักษณ์ต่างๆ บนหน้าปัด อย่าละเลยเมื่อไฟสว่างขึ้นต้องรีบตรวจเช็คทันที
ไฟหน้าปัดที่เวลารถเสียจะเจอบ่อยมีดังต่อไปนี้
ไฟรูปเครื่อง
เรียกว่าไฟเอนจิ้นหรือที่คนไทยทั่วไปเรียกว่า ‘ไฟรูปเครื่อง’ แม้ไฟสัญลักษณ์นี้แสดงขึ้นรถยังสามารถขับใช้งานได้ แต่แสดงว่าอาจมีบางจุดของระบบอิเล็คทรอนิกรถเกิดปัญหา ควรนำรถเข้าไปตรวจที่ศูนย์ จะมีอุปกรณ์เฉพาะเสียบเข้ากับตัวรถจะแสดง code บอกความผิดพลาดในการทำงานของระบบได้ทันที ว่ามีอุปกรณ์หรือชิ้นส่วนตรงไหนที่ทำงานร่วมกับระบบอิเล็กทรอนิคทำงานผิดปกติ ก็ทำการแก้ไขที่จุดนั้นอย่าปล่อยทิ้งไว้นานจนเกิดปัญหาหนัก ซ่อมแพง
ไฟเตือนรูปแบตฯ
ปัญหาที่ทำให้สัญลักษณ์นี้สว่างขึ้น สาเหตุมาจากระบบไฟแบตเตอรี่มีปัญหา กระแสไฟฟ้าในแบตไม่เพียงพอ เนื่องมาจากแบตเสื่อม แบตฯ ไม่เก็บไฟหรือไดชาร์ทปั่นไฟเข้าแบตฯ ได้น้อยไม่เต็ม มีผลต่อการ ’สตาร์ทรถ’ ใช้งานทุกครั้ง ต้องรีบนำรถให้ช่างตรวจสอบ ไม่เช่นนั้นคุณอาจต้องมาคอยจั้มแบตฯ จากรถคันอื่นทุกครั้งที่จะใช้รถ ก็คงไม่สะดวกแน่ๆ
ไฟเตือนรูปเทอร์โมมิเตอร์
หรือไฟสัญญาณที่บอกระดับความร้อนเครื่องยนต์ ปัญหาที่ไฟนี้จะแสดงมีสาเหตุมาจากความร้อนในระบบของเครื่องยนต์อยู่ในระดับที่เกินมาตรฐาน เนื่องมาจากอุปกรณ์ที่ช่วยรักษาอุณหภูมิหรือระบายความร้อนอาจทำงานไม่ปกติ เช่น พัดลมหม้อน้ำเสีย ระบบน้ำหล่อเย็นรั่ว น้ำหล่อเย็นในระบบน้อยเกิน หม้อน้ำตัน ปั้มน้ำเสีย และอื่นๆ อีกที่เกี่ยวกับระบบหล่อเย็น
ไฟรูปกาน้ำมันเครื่อง
มีปัญหามาจากแรงดันน้ำมันเครื่องมีกำลังลดลง สาเหตุมาจากน้ำมันเครื่องที่ใช้ในการช่วยหล่อลื่นเครื่องยนต์มีน้อยเกินไป ควรตรวจเช็ตระดับน้ำมันเครื่องว่าอยู่ในระดับที่เพียงพอหรือไม่ ไม่เช่นนั้นอาจทำให้การหล่อลื่นของชิ้นส่วนภายในมีปัญหา ส่งผลให้ชิ้นส่วนภายในเกิดความเสียหายเพราะการหล่อลื่นไม่เพียงพอ
ซึ่งไฟสัญลักษณ์มีความสำคัญอย่างยิ่ง เมื่อไฟนี้สว่างไม่ควรใช้รถต่อ ควรจอดข้างทางก่อน ถ้ายิ่งฝืนขับไปจะยิ่งทำให้เครื่องยนต์เสียหาย จอดพักดับเครื่องยนต์ ตรวจเช็คระดับน้ำหล่อเย็นของเครื่องยนต์ก่อน ถ้าขาดให้เติมน้ำกลับเข้าไปให้อยู่ในระดับที่เครื่องยนต์ต้องการ จากนั้นค่อยๆ ขับแล้วรีบนำรถไปให้ช่างตรวจสอบโดยเร็ว อย่าฝืนใช้รถต่อไปเพราะจะทำให้เครื่องยนต์ยิ่งเสียหายหนักมากขึ้น
เครื่องเร่งไม่ขึ้น เหยียบไม่ออก
อาการของรถที่เวลาเหยียบไม่ค่อยไป เร่งไม่ค่อยขึ้นมีสาเหตุมาจากอากาศที่เข้าไปเพื่อช่วยในการจุดระเบิดของเครื่องยนต์มีไม่เพียงพอ สิ่งสกปรกเข้าไปอุดตันกรองอากาศจนทำให้อากาศเข้าไปได้น้อยลง ควรทำการตรวจเช็คนำออกมาเป่าไล่ฝุ่นออกหรือทางที่ดีกว่า ถ้าฝุ่นมีเยอะมากเกินไป ก็ให้เปลี่ยนใหม่เลยก็ได้ ราคาไม่แพง
>>> บางทีคุณอาจสนใจ แอร์ไม่เย็นฉ่ํา
กรองอากาศคือส่วนที่นำอากาศที่สำอาดเข้าสู่เครื่องยนต์ ถ้ากรองอุดตัน อากาศเข้าไปเครื่องยนต์ได้น้อยก็เป็นสาเหตุให้เครื่องยนต์เหยียบ เร่งไม่ขึ้น
ทั้งหมดคืออาการเสียที่พบบ่อย เมื่อได้รู้สาเหตุก็จะได้รู้วิธีรับมือกับปัญหา เมื่อต้องอยู่ในสถานการณ์ที่รถเสีย ทุกคนที่ใช้รถจะได้จัดการกับปัญหาได้อย่างถูกต้อง ปัญหาไหนพอขับต่อไปให้ช่างดูได้หรือปัญหาใดควรรีบจอดข้างทางในทันทีเพื่อป้องกันความเสียหายหรืออันตรายที่อาจเกิดขึ้นถ้าฝืนขับรถต่อไป ที่สำคัญคือเมื่อรู้หรือเจอความผิดปกติของรถควรรีบนำเข้าแก้ไข อย่าปล่อยทิ้งไว้จนกลายเป็นปัญหาลุกลามข้อนี้สำคัญที่สุด
>> อาการผิดปกติ เบรกมีปัญหา!
>> อาการบอกสัญญาณอันตราย เมื่อเกียร์มีปัญหา
>> อาการผิดปกติ เบรกมีปัญหา!