อีกหนึ่งธุรกิจที่กำลังมาแรงในช่วงนี้ น้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก Food Truck กับการขายอาหาร หรือเครื่องดื่มต่างๆ ที่มีร้านอยู่บนรถ สามารถที่จะขับไปจอดเพื่อเปิดร้านขายที่ไหนก็ได้ เเต่อะไรคือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Food Truck ประสบความสำเร็จ ?...ไปเปิดความลับของ Food Truck กับ chobrod กันนะคะ
1.ขายอะไร ??
เรื่องนี้ถือเป็นสิ่งแรกเลยที่คนสนใจและจะทำธุรกิจ Food Truck ต้องนึกถึง ว่าจะขายอะไรที่คนจะนิยม และขายดิบขายดี ซึ่งในปัจจุบันก็มีทั้งของกินเล่นต่างๆ จนไปถึงอาหารมื้อหลักที่กินกันเอาอิ่มท้องไปเลย ซึ่งการจะขายอะไรดีนั้น อาจจะต้องมองหาความแปลกใหม่และมีจุดเด่น และที่สำคัญต้องอร่อยและถูกปากกลุ่มเป้าหมายที่เราวางไว้พร้อมกับราคาที่เหมาะสม เช่นถ้าเราต้องการเน้นกลุ่มวัยรุ่น ออกงานตามตลาดที่มีแต่วัยรุ่นเดินเป็นส่วนใหญ่ เราก็ควรมองหาเมนูอาหาร หรือเครื่องดื่มอะไรที่คนกลุ่มนี้ต้องชอบ หรือการซื้อแฟรนไชส์ก็ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่เราสามารถประเมิณจากสิ่งที่มีอยู่ว่าได้รับความนิยมอยู่แล้วหรือไม่
2. สถานที่
เมื่อคุณคิดที่จะเริ่มต้นทำธุรกิจฟู้ดทรัค ให้ถามตัวเองก่อนว่าจะไปขายที่ไหน? เพราะพื้นที่ ทำเล ที่ตั้งร้านเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้ร้านของคุณประสบความสำเร็จเลยก็ว่าได้ แน่นอนว่าธุรกิจอย่างฟู้ดทรัค รถขายอาหารเคลื่อนที่ มีข้อได้เปรียบคือคุณสามารถย้ายสถานที่จำหน่ายได้ตามต้องการ เมื่อสถานที่เดิมทำกำไรไม่ตรงตามเป้าหมายของร้าน แต่คุณก็ต้องมีสถานที่ในใจสำรองไว้ด้วย
ธุรกิจฟู้ดทรัคของไทยเริ่มเป็นที่นิยมจากย่านธุรกิจ ย่านออฟฟิศ ใจกลางเมือง อย่างย่านอารีย์, ย่านสุขุวิท, ย่านสีลม, ย่านทองหล่อ ก็จริง แต่เมื่อธุรกิจฟู้ดทรัคขยายตัวขึ้นไม่ใช่แค่ย่านดัง ๆ เท่านั้นที่มีรถขายอาหารเคลื่อนที่ แต่เราสามารถพบเห็นฟู้ดทรัคในหลายพื้นมากขึ้น ดังนั้นเมื่อคุณกำลังตัดสินใจเลือกทำเลค้าขายของธุรกิจฟู้ดทรัคให้คำนึงถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นหลัก ซึ่งไม่จำเป็นต้องไปขายในย่านธุรกิจที่มีค่าเช่าที่ ค่าที่จอดราคาสูงๆ ก็ได้
พื้นที่ที่คุณเลือกค้าขายอาจจะเป็นในย่านตลาด ย่านที่มีคนเดินผ่านเป็นจำนวนมาก หรือย่านโรงเรียน ย่านมหาวิทยาลัย เป็นต้น แต่ขอบอกก่อนว่าการนำรถไปจอดตามข้างทาง ข้างถนน นั้นคุณต้องสอบถามก่อนว่าที่ตรงนั้นสามารถจอดได้หรือไม่ มิเช่นนั้นอาจเกิดปัญหาเรื่องเทศกิจ หรือเจ้าของสถานที่ได้ และอีกพื้นที่ที่จะทำให้ร้านของคุณเป็นที่นิยม และติดตลาดคือ การออกร้านตามงานเทศกาลต่าง ๆ ที่จัดขึ้น ตัวอย่างเช่น งาน Art box, งาน FOOD TRUCK FESTIVAL หรืองานต่าง ๆ ที่เปิดโอกาสให้ฟู้ดทรัคเข้าร่วมออกร้านด้วย ซึ่งงานเทศกาลต่าง ๆ นั้นมีมากมายตลอดทั้งปี
ดูเพิ่มเติม
>> เอาใจคนอยากมี “ร้านค้าเคลื่อนที่” กับโปรโมชั่นดีๆ ของ Suzuki Carry
>> เช็คด่วน ....ภาพโบรชัวร์ Toyota Sienta Facelift 2019 หลุดออกมาเเล้ว
3. การสื่อสาร
ในยุคที่การตลาดผ่านออนไลน์เป็นที่นิยม ช่องทางการสื่อสารนี้สามารถเข้าถึงคนได้หลายกลุ่มและเฉพาะเจาะจงได้ คนที่ทำธุรกิจ Food Truck จึงไม่ควรพลาด ต้องมีการสื่อสารและให้ข้อมูลของร้านผ่านช่องทางนี้ให้ครบถ้วน ยกตัวอย่างเช่น การเปิดแฟนเพจของร้าน เพื่อให้ข้อมูลการติดต่อ และรายละเอียดพร้อมตอบข้อซักถามของลูกค้า และที่สำคัญต้องอัพเดทความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับร้านอยู่ตลอด มีการแจ้งเตือนถึงสถานที่ที่จะไปออกร้าน ภาพบรรยากาศต่างๆ ให้ลูกค้าได้รับรู้ถึงการมีอยู่และความเป็นที่นิยมของร้าน และช่องทางนี้เองลูกค้าที่ประทับใจในรสชาติก็จะเข้ามาบอกต่อ เป็นผลดีกับร้านของเรา แต่นั้นเองหากร้านของคุณไม่ได้รับการตอบรับที่ดี หรือบริการไม่ถูกใจแล้วละก็ ช่องทางนี้ก็จะเหมือนประกาศให้เห็นถึงด้านลบ ซึ่งก็ต้องใช้ความระมัดระวังและสอดส่องอยู่เสมอ
4. เลือกซื้อรถที่จะทำเป็น Food Truck
การเลือกรถที่จะนำมาดัดแปลงก็ถึงเป็นอีกสิ่งสำคัญ หากเลือกรถที่ไม่ได้คุณภาพ หรือแม้กระทั่งรถเก่า การต้องซ่อมรถบ่อยๆ นั้นก็เท่ากับว่าได้พลาดโอกาสที่จะสร้างรายได้ไป เพราะฉะนั้นควรเลือกรถที่ได้มาตรฐาน เป็นที่นิยม และมีศูนย์บริการครอบคลุมไว้ใจได้ เพื่อความอุ่นใจในการใช้รถ ซึ่งในตลาดตอนนี้ก็มีหลายยี่ห้อที่มีคนนำมาดัดแปลงเป็น Food Truck การเลือกรถจึงเป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน และการตกแต่งรถให้โดดเด่นสวยงามก็สำคัญ เพราะจะช่วยทำให้ลูกค้าจดจำ และบอกต่อ เป็นวิธีการโปรโมทร้านไปในตัว
วันนี้ chobrod ได้รวบรวมแบรนด์ยอดนิยมที่หลายร้านฟู้ดทรัคในเมืองไทยนิยมใช้รถเหล่านี้ ไปดูกันเลยว่ามี รถแบรนด์ไหน รุ่นอะไรบ้าง
แบรนด์ต่อมาคือ ซูซูกิ เรียกได้ว่าเป็นแบรนด์รถที่คนไทยรู้จักกันเป็นดีอยู่แล้ว ซึ่ง SUZUKI CARRY (ซูซูกิ แคร์รี่) ได้รับความนิยมไม่น้อยจากผู้ที่ทำธุรกิจฟู้ดทรัค เนื่องจากรูปทรงรถที่ดูดี และแข็งแรง เพราะสามารถรองรับการบรรทุกได้เทียบเท่ารถกระบะขนาด 1 ตันโดยทั่วไปเลยทีเดียว อีกทั้ง SUZUKI CARRY ยังถูกออกแบบมาด้วยรูปโฉมสุดน่ารัก ทำให้เหมาะสมกับธุรกิจที่จะนำรถไปทำเป็นฟู้ดทรัคร้านขายอาหารเคลื่อนที่อย่างแน่นอน
แบรนด์รถสุดท้ายที่เราจะพูดถึงคือ Changan (ฉางอาน) รุ่นที่นิยมนำมาใช้งานในธุรกิจฟู้ดทรัคคือ รุ่น Star Truck (สตาร์ทรัค) และรุ่น Space Truck (สเปซทรัค) ฉางอาน เป็นรถบรรทุกขนาดเล็กที่มีโครงสร้างที่ทนทานแข็งแรง พร้อมด้วยเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งฉางอานตอบโจทย์ผู้ที่คิดจะเริ่มต้นทำธุรกิจฟู้ดทรัคทั้งเรื่องคุณภาพ รูปแบบ และการใช้งานอย่างแน่นอน
อีกแบรนด์รถที่ได้รับความนิยมนำมาทำในธุรกิจฟู้ดทรัคก็คือ TATA โดยรุ่นที่นิยมนำมาใช้ชื่อว่า Tata Super Ace City Giant (ทาทา ซูเปอร์ เอซ ซิตี้ ไจแอน) ใครที่กำลังคิดเริ่มต้นธุรกิจฟู้ดทรัคก็สามารถมั่นใจได้ในเรื่องการบรรทุก เพราะรุ่นนี้มีสโลแกนว่า “ ใหม่ 1ตันยักษ์ขยัน ทาทา ซูปเปอร์ เอซ ซิตี้ ไจแอน ” ทาทา ซูปเปอร์ เอซ เป็นรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ขนาดไม่ใหญ่จนเกินไป และ ถือเป็นรถบรรทุกเล็กเพื่อการพาณิชย์อย่างแท้จริง คล่องตัวในการใช้งานในเขตเมือง ขนของสะดวก จุใจ แน่นอน
5. ไอเดีย ออกแบบ ตกแต่ง ครัวเคลื่อนที่
หัวใจสำคัญในการเริ่มต้นทำฟู้ดทรัคข้อที่สามคือ ไอเดียการตกแต่ง ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ที่จะเป็นแรงดึงดูดให้ลูกค้าสนใจธุรกิจฟู้ดทรัคของคุณ อันดับแรกคุณต้องคิดคอนเซปต์ของร้านเอาไว้เพื่อการออกแบบ ตกแต่งรถจะได้เป็นไปตามที่คุณคาดหวังไว้ ไม่หลุดคอนเซปต์
ซึ่งราคาโดยทั่วไปของการลงทุนตกแต่งฟู้ดทรัคเริ่มต้นอยู่ที่ 100,000 บาท ไปจนถึง 4-5 แสน ราคาขึ้นอยู่กับแบบที่เจ้าของอยากได้ ซึ่งฟู้ดทรัคแต่ละคันใช้เวลาทำประมาณ 1-2 เดือน ในขั้นตอนนี้เมื่อทราบแล้วว่าฟู้ดทรัคของคุณมีคอนเซปต์ใด ต้องการอะไรบ้างบนรถ ให้ลองติดต่อหาร้านที่รับตกแต่งฟู้ดทรัค แล้วเข้าไปคุยเรื่องราคาเรื่องสิ่งที่คุณอยากได้ การเข้าปรึกษาร้านตกแต่งจะทำให้คุณรู้ว่าอะไรทำได้อะไรทำไม่ได้เพราะรถบางคันมีข้อจำกัดที่แตกต่างกันไป ขอบอกว่าส่วนใหญ่แต่ละร้านจะรับปรึกษาเรื่องการตกแต่งฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายนะคะ
ตัวอย่างร้านที่รับตกแต่งฟู้ดทรัคที่เรานำมาฝาก
Kofuku Japanese Sandwich
Food Truck ขาย เฝอ สไตล์เวียดนาม
ดีไซน์ของ ไอศกรีม Demi Concept
นี่ Food Truck ขายอาหารไทยล้วนๆ
เเละขอเสริมอีกนิดหนึ่งข้อมูลที่น่าสนใจจาก The New York Post ที่เคยรวบรวม 7 เรื่องที่คุณไม่เคยรู้ ของรถเข็นขายอาหารนี้ขึ้นมา ดังนี้
1. ปัจจุบันราคาค่าใบอนุญาตเปิดแผงขายอาหารนั้นอยู่ที่ 200 ดอลลาห์ / 2 ปี แต่ความเป็นจริงแล้วมันไม่เคยขายได้ราคานี้เลย เนื่องจากความต้องการใบอนุญาตนี้มีสูงมาก ผู้ที่ได้มาจึงมักนำไปปล่อยเช่าแทน ซึ่งได้ราคางามสุดๆ ประมาณ 15,000 ดอลลาห์ – 25,000 ดอลลาห์ (ย้ำอีกครั้งว่านี่เป็นเพียงการให้เช่าเท่านั้นครับ)
2. ในช่วงปี 1978-1989 นั้นมีการแจกจ่ายใบอนุญาตออกไปถึง 2,800 ฉบับ มีการแจกเพิ่มอีก 1,000 ฉบับในช่วงหน้าร้อน และอีก 1,000 ฉบับเป็น green-cart permits (แผงที่ขายเฉพาะผักสด ผลไม้ ในเขตที่กำหนดเท่านั้น)
3. คนที่อยากทำงานเป็นพนักงานรถเข็นขายอาหาร จะต้องผ่านหลักสูตรอบรมเสียก่อน จึงจะได้รับใบอนุญาต และถ้าร้านไหนจะขายขนมประเภทที่ต้องมีการแช่แข็ง (frozen desserts) จะต้องไปทำใบอนุญาตเพิ่มโดยเฉพาะต่างหากด้วย
4. หลังจากที่ร้านขายอาหารประเภท Food Truck เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น การแข่งขันก็เพิ่มสูงตามไปด้วย ผู้ค้าบางเจ้าต้องรีบขับรถมาจอดเพื่อจองพื้นที่ตั้งแต่ตี 2 แถมไม่ใช่จอดได้ฟรีๆ เหมือนในไทยด้วย ผู้ค้าบางรายนั้นเคยเสียค่าปรับถึง 12,000 ดอลลาห์ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าคุ้มไหม
5. เนื่องจากกรมตำรวจนิวยอร์กนั้นไม่มีหน่วยงานที่คอยดูแลเรื่องของผู้ค้าขายอาหารข้างทางอย่างจริงจัง จึงทำให้มักมีการออกใบสั่งที่ไม่ถูกต้องไปบ้าง ปีที่แล้ว (2014) มีจำนวนใบสั่งที่ถูกถอนฟ้องในชั้นศาลเป็นจำนวน 5,266 จากทั้งหมด 19,924 ใบ
6. ผู้ที่ริเริ่มขายอาหารที่ไม่ใช่สไตล์อเมริกันเป็นคนแรก คือนาย Thomas DeGeest ชาวเบลเยี่ยม ที่เริ่มกิจการ Food Truck เมื่อ 8 ปีที่แล้ว ปัจจุบันเขามีรถขายอาหาร 2 คัน รถเข็น 5 คัน แผงขายในสวนสาธารณะ 2 แห่ง และร้านอาหาร 1 ร้าน
7. ผู้ค้าส่วนมากต้องการให้มีเจ้าหน้าที่สำหรับคอยตรวจสอบ และให้คะแนนกับร้านรถเข็นขายอาหาร ให้มีมาตรฐานเช่นเดียวกับร้านอาหารทั่วไป (คล้ายๆ ดาวมิชลิน)
ทั้งหมดเป็นเพียงปัจจัยหลักๆ ส่วนนึงที่อยากแนะนำให้ใครที่กำลังสนใจธุรกิจ Food Truck คำนึงถึงเป็นสำคัญ เพราะการที่วางแผนและผ่านการคิดอย่างรอบคอบก่อนลงมือทำ จะช่วยทำให้ธุรกิจไปสู่ความสำเร็จได้
Chobrodขอฝากความรู้เกี่ยวกับรถยนต์ไว้เพียงเท่านี้และ คราวหน้าจะเป็นเรื่องอะไร ติดตามกันได้ต่อเนื่องเลยนะคะ เเละ อย่าลืมแชร์ความรู้เกี่ยวกับเรื่องรถยนต์ของคุณให้เราด้วยโดยการให้ Comment ด้านล่างนี้ได้เลย
ดูเพิ่มเติม
>> มิชิโอะ ซูซูกิ ผู้บุกเบิกบริษัท Suzuki กับการฟ่าฟันอุปสรรคจนมาได้เป็นค่ายรถชั้นนำของญี่ปุ่น
>> Isuzu King of Trucks ประเทศไทย เปิดตัวรถบรรทุก 6 ล้อขนาดกลางรุ่นใหม่ Isuzu FRR 2018
ติดตามข่าวสารรถยนต์ เชิญที่นี่
ติดตามราคารถยนต์ เชิญที่นี่