เชื่อว่าปัญหาของคนใช้รถใช้ถนน โดยเฉพาะในสังคมเมืองนั้นมีข้อจำกัดหลาย ๆ อย่างไม่ใช่น้อย หนึ่งในนั้นก็คือกฎหมายจราจรที่ค่อนข้างเข้มงวด แล้วรู้หรือไม่ว่าเพราะอะไรเวลาที่เกิดเหตุบนทางด่วน กฎหมายจราจรถึงห้ามไม่ให้ประกันภัยรถยนต์ขึ้นไปดำเนินการไม่ว่าจะกรณีใด ๆ ก็ตาม
สำหรับการใช้รถใช้ถนนในเมืองกรุง โดยเฉพาะกรุงเทพมหานครและปริมณฑลที่มีบริการทางด่วนหรือทางพิเศษนั้น นอกจากจะมีความสะดวกสบายและการอำนวยความรวดเร็วในการใช้รถใช้ถนนแล้ว ก็ยังต้องมีการควบคุมการใช้ทางด่วนด้วยเช่นเดียวกัน เพื่อให้การจราจรเป็นไปอย่างมีระเบียบและเรียบร้อย แต่เชื่อว่าหนึ่งในข้อสงสัยที่หลายคนไม่เข้าใจก็คือ กรณีที่เกิดอุบัติเฉี่ยวชนหรือเหตุฉุกเฉินขึ้นบนทางด่วนนั้น ทำไมบริษัทประกันภัยรถยนต์ถึงไม่สามารถเข้ามาดำเนินการข้างบนได้ แล้วจะทำอย่างไรหากในอนาคตเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นมาจริง ๆ เพราะฉะนั้น มาลองหาคำตอบไปพร้อมกับ Unseencar.com ได้ที่นี่ ก่อนใคร
การใช้รถใช้ถนนบนทางด่วนให้ถูกต้องตามกฎหมายจราจร
สำหรับการใช้บริการทางด่วนหรือทางพิเศษนั้น หลัก ๆ แล้วตามกฎหมายจราจรได้กำหนดให้การวิ่งรถบนทางด่วนออกตามประเภทต่าง ๆ อย่างชัดเจน เพื่อกำหนดทิศทางในการใช้งานและค่าบริการในยามที่ต้องการใช้ทางด่วน ซึ่งโดยปกติแล้วรถแต่ละประเภทจะมีข้อกำหนดที่แตกต่างกันออกไป โดยเฉพาะรถบรรทุกที่จะกำหนดระยะเวลาการวิ่งในแต่ละเส้นทางที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งหลัก ๆ แล้ว จะแบ่งรถบรรทุกที่ต้องการโดยสารทางด่วนออกเป็น 3 ประเภท คือ รถบรรทุกทั่วไป รถบรรทุกน้ำมัน และรถบรรทุกวัตถุอันตราย แต่หากเป็นรถยนต์ส่วนบุคคลทั่วไป ก็สามารถใช้ทางด่วนได้ตลอด 24 ชม. ที่สำคัญคือ การใช้รถบนทางด่วนนั้นกำหนดให้ใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 110 กม./ชม. แต่ก็จะมีการพิจารณาปรับลดอัตราความเร็วในบางจุดด้วยเช่นเดียวกัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุบนทางด่วนนั่นเอง
อ่านเพิ่มเติม
>> ขับขี่รถในกรุงเทพต้องรู้ ว่าขับรถบนทางด่วนมีกฎหมายจราจรควบคุมอยู่
>> 3 สิ่งเสริมฮวงจุ้ยรถยนต์สไตล์ไทย ๆ ที่ต่างชาติเห็นแล้วงง
การใช้รถใช้ถนนให้ถูกต้องตามกฎหมายจราจร
แน่นอนว่า ขึ้นชื่อว่าทางด่วนแล้วก็ต้องหมายถึงเส้นทางที่ใช้จราจรในยามเร่งด่วน เพราะฉะนั้น จะสังเกตได้เลยว่าหลายครั้งที่มีผู้ประสบภัยหรือเหตุฉุกเฉินบนทางด่วน แล้วติดต่อประกันภัยรถยนต์ให้มาดำเนินการให้นั้น จะได้รับการปฏิเสธจากบริษัทประกันภัยรถยนต์ที่จะขึ้นไปดำเนินการบนจุดเกิดเหตุ และทางประกันภัยมักจะขอให้ทั้งสองฝ่ายนัดแนะกันในจุดอื่นที่ไม่ใช่บนทางด่วนแทน ซึ่งเหตุผลที่ต้องดำเนินการเช่นนี้ มาจากข้อบังคับของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ต้องดูแลการปฏิบัติตามกฎหมายจราจร ที่ต้องการควบคุมและจัดระเบียบการใช้ทางด่วนให้เป็นไปอย่างเรียบร้อย จึงทำให้ทางบริษัทประกันภัยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ขึ้นไปดำเนินการใด ๆ บนทางด่วนได้ หรือต่อให้ขึ้นไปก็อาจจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญให้ลงมาจากทางด่วนทันที เพราะอาจจะไปกีดขวางการจราจรของคนใช้รถใช้ถนนคนอื่น ๆ จึงทำให้เป็นข้อจำกัดในการปฏิบัติงานของประกันภัยรถยนต์ที่จะต้องทำตามข้อบังคับของกฎหมายจราจรเกี่ยวกับการใช้ทางด่วน
เหตุผลที่ทำให้ประกันภัยรถยนต์ไม่สามารถขึ้นไปดำเนินการบนทางด่วนได้
แน่นอนว่า ในการใช้รถบนทางด่วนนั้น โอกาสที่จะเกิดเหตุฉุกเฉินก็นับว่ามีอยู่หลากกรณีด้วยกัน ไม่ใช่เพียงการเกิดอุบัติเหตุเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงรถดับกลางทาง เครื่องยนต์มือปัญหา ยางรั่ว น้ำมันหมด ฯลฯ ซึ่งปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ ล้วนแล้วแต่สามารถเกิดขึ้นได้ด้วยกันทั้งสิ้น แต่ด้วยข้อจำกัดที่ห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่ประกันภัยรถยนต์ขึ้นไปดำเนินการช่วยเหลือได้ตามข้อบังคบของกฎหมายนั้น จึงทำให้ผู้ที่ประสบเหตุต้องดำเนินการในขั้นต้นด้วยตัวเอง หรือหากเป็นเหตุร้ายแรงผู้ที่เห็นเหตุการณ์ก็สามารถดำเนินการช่วยเหลือได้เช่นเดียวกัน
ลำดับแรก หากเกิดเหตุแล้วก็ให้ต่อสายถึงเบอร์โทรติดต่อเบื้องต้นที่ใช้แจ้งเหตุในยามเกิดเหตุฉุกเฉิน ไม่ว่าจะเป็น 191 สำหรับการแจ้งเหตุด่วนเหตุร้าย, 1669 กรณีที่มีการเจ็บป่วยฉุกเฉิน และ 1543 สายตรงทางด่วน เพราะฉะนั้น เมื่อต่อสายแล้วก็ให้อธิบายกับพนักงานว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง และสถานการณ์ในขณะนั้นเป็นอย่างไร มีผู้บาดเจ็บหรือไม่ เพื่อที่จะให้ผู้ที่รับเรื่องสามารถประสานงานต่อได้อย่างรวดเร็ว
ในขณะเดียวกัน ก็ให้ติดต่อหาประกันภัยรถยนต์ด้วยเช่นเดียวกัน แล้วก็ให้ขี้แจงข้อมูลต่าง ๆ ให้กับประกันภัยรถยนต์ให้ละเอียด ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ของบริษัทประกันภัยก็จะสอบถามข้อมูลแบบละเอียดเพื่อดำเนินการช่วยเหลือในขั้นต่อไป แต่จะสังเกตได้ว่า หากเกิดเหตุบนทางด่วนนั้นทางบริษัทประกันจะขอให้คุณถ่ายรูปเพื่อเก็บหลักฐานเอาไว้ ที่สำคัญคือ อย่าลืมถ่ายรูปบัตรของอีกฝ่ายไว้ด้วย เพื่อป้องกันกรณีที่จะหนี หลังจากนั้นทางประกันภัยรถยนต์ก็จะแนะนำว่าให้ทั้งสองฝ่ายไปนัดเจอกันที่สถานที่ใกล้เคียงมากที่สุด เช่น สถานีตำรวจ จุดพักรถบริเวณใกล้ทางลงของทางด่วน เป็นต้น
ทั้งนี้ หากเหตุที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุและไม่สามารถเคลื่อนย้ายรถได้ด้วยตนเอง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะประสานงานเพื่อให้รถยกมาช่วยเหลือต่อไป เพื่อที่จะไม่เป็นการรวบกวนผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่น ๆ จนเกินไป
การแก้ไขปัญหาในยามเกิดเหตุบนทางด่วน
เป็นอย่างไรบ้าง กับข้อมูลการใช้รถใช้ถนนของประเทศไทย โดยเฉพาะการขับขี่รถบนทางด่วน ซึ่งในปัจจุบันนั้น ก็ยังไม่ได้มีกฎหมายจราจรที่สั่งห้ามอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด แต่ในทางปฏิบัตินั้นก็ต้องดำเนินการตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจแนะนำ เพื่อช่วยจัดระเบียบการใช้รถใช้ถนนร่วมกับผู้อื่นนั่นเอง
อ่านเพิ่มเติม
>> งบน้อยเราช่วยได้ มีแค่สามแสนก็ซื้อซีดานได้ ไม่ใช่ปัญหา
>> อัปเดตราคารถกระบะ Mitsubishi Triton ครึ่งปีหลัง 2019
ตลาดรถออนไลน์ Unseencar.com ขอฝากความรู้เกี่ยวกับรถยนต์ไว้เพียงเท่านี้เเละคราวหน้าเรื่องอะไรติดตามไปพร้อมกันได้เลย