วิวัฒนาการของเครื่องเสียงรถยนต์

รถยนต์ทุกคันในสมัยนี้ล้วนแต่ติดตั้งชุดเครื่องเสียง เครื่องเล่นเพลง ซึ่งถือเป็นอุปกรณ์หลักที่มีประจำรถไปแล้ว โดยมันได้มีการพัฒนาปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานอยู่เสมอ  จนกระทั่งเป็นรูปแบบที่เราใช้งานกันในปัจจุบัน และวันนี้ Chobrod จะพาเหล่าคอรถ พาไปย้อนดูประวัติศาสตร์ความเป็นมาของเครื่องเสียงรถยนต์ ว่ามีวิวัฒนาการอย่างไร?

จุดเริ่มต้นจากการเดินทาง

เริ่มเรื่องต้นขึ้นที่ประเทศแห่งการพัฒนาและมีความก้าวหน้าทางวิทยาการต่าง ๆ อย่างสหรัฐอเมริกา และการคิดค้นนวัตกรรมเครื่องเสียงติดรถยนต์เกิดขึ้นเมื่อทางผู้ผลิตรถยนต์พบว่าการเดินทางข้ามเมืองเป็นเรื่องที่ใช้เวลานาน หากมีเสียงเพลง หรือเสียงพูดจากวิทยุเป็นเพื่อนร่วมทาจ จะช่วยให้บรรยากาศในการขับขี่ไม่เงียบเหงาและไม่น่าเบื่อเกินไป

 Motorola 5T71 เครื่องเสียงติดรถยนต์แบบแรกของโลก

และผู้ที่คิดค้นเครื่องเสียงติดรถยนต์ก็คือ Paul และ Joshep Galive สองพี่น้องจาก Galvin Manufacturing Corporation โดยพวกเขาได้เปิดตัว Motorola 5T71 เป็นระบบเครื่องเสียงติดรถยนต์รุ่นแรกของโลก ในรูปแบบวิทยุ AM ทำงานด้วยแบตเตอรี่และหลอดสุญญากาศ ซึ่งผู้ใช้จะต้องจูนหาคลื่นวิทยุด้วยตัวเอง และถึงแม้ราคาการเปิดตัวของมันในตอนนั้นจะสูงถึง 130 ดอลลาร์ในสมัยนั้น เมื่อเทียบกับรถยนต์ที่ราคาแพงที่สุดตอนนั้นคือ 540 ดอลลาร์ แต่ก็สามารถทำยอดขายได้สูงถึงล้านเครื่อง จนเกิดเป็นจุดกำเนิดบริษัท Motorola ที่เรารู้จักกันดี ที่ถูกเปลี่ยนมาแทนที่ชื่อบริษัท Galvin Manufacturing Corporation เดิม

จาก AM สู่ FM

แม้วิทยุ AM ที่ถูกผลิตออกมาในยุคนั้น จะมีความคมชัดไม่มากนัก ด้วยการกระจายเสียงด้วยระบบ Mono แต่ก็ได้รับความนิยมและถูกใช้งานอย่างครอบคลุมไปทั่วประเทศสหรัฐอเมริกาไปจนถึงปี 1952 ก่อนที่ทาง Blaupunkt บริษัทชั้นนำด้านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แห่งเยอรมนี ได้เปิดตัววิทยุติดรถยนต์ในระบบ FM และในปีถัดมา ทาง Becker บริษัทวิทยุจากเม็กซิโกได้ออกนวัตกรรมใหม่ เป็นระบบวิทยุติดรถยนต์ที่มีทั้งระบบ AM และ FM มาพร้อมกับระบบค้นหาคลื่น ที่ช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้งานได้มากขึ้น

แผ่นเสียงยุคแรก มาไว ไปไว

ต่อมาในปี 1956 ทางบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ชื่อดัง Chrysler ได้เปิดตัว Highway Hi-Fi เครื่องเสียงแผ่นไวนิลติดตั้งในรถยนต์ ที่สามารถเล่นแผ่นเสียงขนาด 7 นิ้ว ซึ่งถูกผลิตเป็นพิเศษให้เฉพาะกับศิลปินที่เซ็นสัญญากับทางค่าย Columbia Records เท่านั้น โดยแต่ละแผ่นสามารถเล่นเพลงได้ 45 นาที

​
Highway Hi-Fi ระบบเล่นแผ่นเสียงจาก Chrysler

สำหรับเครื่องเสียงรูปแบบใหม่นี้ จะติดตั้งเฉพาะรถยนต์รุ่รท็อปของค่ายเท่านั้น และดูเหมือนจะใช้งานง่ายเพียงแค่กดปุ่มที่คอนโซลกลางรถ เครื่องเล่นแผ่นเสียงก็จะเด้งออกมา แต่กลายเป็นว่ามันจะเด้งออกมาแทบจะทุกครั้งเมื่อขับรถไปบนถนนที่ขรุขระ ทำให้ระบบนี้ได้รับความนิยมน้อยลง และคนก็กลับไปฟังเพลงจากระบบวิทยุแบบเดิมในที่สุด

เข้าสู่ยุคเทปคาสเซ็ต

ความล้มเหลวของ Highway Hi-Fi ทำให้ไม่มีใครกล้าที่จะพัฒนาอะไรใหม่ ๆ ออกมาอีกในยุคนั้น จนเข้ามาสู่ช่วงประมาณยุค 60 มีการพัฒนาเครื่องเล่นเทปในระบบ 4-Track และ 8-Track ซึ่งเป็นจุดก้าวกระโดดในวงการเครื่องเสียงในรถยนต์ เพราะเป็นชุดเครื่องเสียงแบบใหม่ที่มีราคาถูกและขนาดเล็กลง อีกทั้งสามารถฟังเพลงได้อย่างลื่นไหลไม่มีสะดุด

ระบบเครื่องเล่นเทปแบบ 4-Track และ 8-Track

โฆษณาเครื่องเล่นเทปคาสเซ็ตของทาง Philips

ต่อมาในปี 1964 ทาง Philips ก็ได้เปิดตัวเครื่องเล่นเทปคาสเซ็ตเป็นครั้งแรก ที่มีการพัฒนาต่อยอดมาจากระบบเดิมซึ่งมีคุณภาพเสียงที่ดีมากขึ้น และได้กลายมาเป็นอุปกรณ์ประจำรถยนต์ที่รถยนต์ในยุค 70 ต้องมี เพราะนอกจากเรื่องของคุณภาพเสียงแล้วยังมีการพัฒนาให้เป็นเครื่องเล่นที่มีขนาดกะทัดรัด เหมาะสมกับการฟังเพลงในรถยนต์ในยุคนั้นได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีลูกเล่นที่เรียกว่า Mixtape ให้สามารถอัดเพลงไว้ฟังได้อีกด้วย

การยกระดับสุนทรียภาพทางดนตรี

เมื่อระบบเครื่องเล่นเพลงเริ่มคงที่ เทปคาสเซ็ตกลายมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานประจำรถ ทางผู้บริษัทผลิต Accessory เกี่ยวกับเครื่องเสียงทั้งหลาย พากันคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ใหม่ ๆ เพื่อยกระดับการฟังเพลงที่ดีขึ้น ให้ทางผู้ใช้ได้เลือกปรับแต่งได้ตามความต้องการ ก่อกำเนิดเป็นการออกแบบลำโพงรูปแบบต่าง ๆ ที่ให้ความคมชัด ความนุ่มนวล สามารถตั้งได้ในหลาย ๆ ตำแหน่งในรถ ช่วยสร้างสุนทรียภาพการฟังเพลงที่ดีขึ้นไปอีกระดับ จนเข้าสู่การพัฒนาเข้าสู่การฟังเพลงในระบบ Sterio ในเวลาต่อมา

การกำเนิดของระบบดิจิทัล

การฟังเพลงผ่านวิทยุและเทปคาสเซ็ตอยู่กับนักขับมาจนถึงยุคปี 80 ก็เกิดการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ที่เกิดจากการร่วมมือกันระหว่าง Philips และ Sony ที่คนในยุคหลังอย่างเราก็รู้จักกันดีอย่าง Compact Disc หรือ CD โดยในช่วงแรกที่มีการเปิดตัว กระแสสังคมในเวลานั้นมีท่าทีที่ยังไม่มั่นใจในระบบดิจิทัลเท่าไร่ กว่าที่ทางแผ่นซีดีและเครื่องจะสามารถลงตลาดได้ก็ใช้เวลาไปหลายปีหลังจากการคิดค้น คือช่วงราว ๆ ปี 1982

CDX-1 เครื่องเล่นซีดีในรถ​

จากนั้นเป็นเวลาการสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ใช้งาน ทาง CD ได้ลงมาติดตั้งในรถยนต์อย่างเต็มรูปแบบเมื่อปี 1984 โดย Pioneer กับการเปิดตัวเครื่องเล่นซีดีในรถรุ่น CDX-1 ซึ่งสิ่งที่ให้มากกว่าเครื่องเทปคาสเซ็ตนอกจากคุณภาพเสียง ความมีความสามารถในการกดข้ามเพลงได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ผ่านการกดปุ่มเพียงแค่ครั้งเดียว ในขณะที่ระบบเทปต้องใช้วิธีการกดค้าง กดปุ่มกรอ ซึ่งเมื่อเทียบกันแล้วจะช่วยประหยัดเวลาได้มากขึ้นเลยทีเดียว

ช่วงยุคปี 80-90 มีการปรับระบบเครื่องเล่นซีดีในรถยนต์ให้มีลูกเล่นและฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ผู้ใช้มากขึ้น โดยมันได้ถูกพัฒนาให้กลายมาเป็นเครื่องเล่นแบบเปลี่ยนแผ่นได้หลายแผ่นหรือที่เรียกว่า Multi-Disc ซึ่งก็ได้รับความนิยม เพราะมีการเติบโตไปพร้อม ๆ กับยุคที่ในตลาดวงการเพลงกำลังรุ่งเรืองและเจริญอย่างขีดสุด

โลกใหม่ ในยุคไร้สาย

เข้าสู่ในยุคปัจจุบันเรายังสามารถพบเห็นเครื่องเล่นซีดีในรถ แต่บทบาทของมันลดน้อยลงไปอีกระดับ รถที่ติดตั้งระบบแผ่นซีดีมักจะเป็นรุ่นล่าง ๆ เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่เน้นการใช้งานรถมากกว่ามองไปที่ออปชั่นภายใน เพราะระบบเครื่องเสียงรถยนต์มีการปรับเปลี่ยนพัฒนาในยุคปี 2000 ให้สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอกได้ โดยในช่วงเริ่มต้นเป็นการเชื่อมโดยใช้สาย AUX หรือ USB

​
Apple Car Play ระบบเชื่อมต่อเครื่องเสียงรถยนต์แบบไร้สาย

โดยระบบเชื่อมต่อผ่านสาย ยังคงถูกใช้งานควบคู่มาผ่านยุคใหม่ คือการเชื่อมต่อผ่านสัญญาณ Bluetooth, Wi-Fi หรือระบบ Streaming ซึ่งถูกพัฒนาไปพร้อม ๆ กับเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือที่มีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง เป็นรูปแบบที่ถูกใช้งานและพบได้บ่อยในปัจจุบัน อย่าง Apple Car Play หรือ Android Auto และระบบเครื่องเสียงรถยนต์ก็ได้กลายเป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญที่ทางค่ายผู้ผลิตพยายามสร้างสรรค์มันให้ดีที่สุด เพื่อสร้างความเหนือกว่าคู่แข่งในตลาดและดึงดูดให้ลูกค้าเลือกใช้และเลือกซื้อสินค้าของตน

การเปลี่ยนผ่านทางยุคสมัย นำพาสู่สิ่งใหม่ ๆ ที่ดีกว่าเสมอ นวัตกรรมเครื่องเสียงรถยนต์แบบไร้สายในปัจจุบันอาจจะถูกแทนที่โดยเทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้อีกในวันข้างหน้า เพราะการพัฒนาจะยังคงไม่สิ้นสุด ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยียังคงถูกรังสรรค์ออกไปอย่างไม่รู้จบ

ดูเพิ่มเติม
>> 5 อุปกรณ์ประจำรถยนต์ ที่เมื่อก่อนต้องมี แต่ตอนนี้อาจไม่จำเป็น
>> ย้อนดูที่มา 6 เทคโนโลยีรถยนต์ ที่ใช้มาจนถึงปัจจุบัน

เข้าดู ตลาดรถบ้าน ซื้อขายกันเอง ได้ที่นี่