ประวัติ Toyota Corolla Altis กว่าจะมาถึงวันนี้

ประสบการณ์ใช้รถ | 31 ธ.ค 2561
แชร์ 4

หนึ่งในรถ C-Segment รุ่นยอดนิยมรุ่นหนึ่ง อะไรคือสิ่งที่ทำให้ Toyota Altis ได้รับความนิยมต่อเนื่องมายาวนานถึง 40 ปี และตลอด 40 ปีที่ผ่านมา Toyota Altis จะเปลี่ยนโฉมไปอย่างไรบ้าง บทความนี้จะบอกเล่าเรื่องราวของ Toyota Altis มาให้ทุกคนกันค่ะ

Toyota Corolla: The World's Most Popular Car - 40 million Sold

Toyota Corolla Altis จัดเป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่ประสบความสำเร็จทั้งด้านการขาย และการได้รับความนิยมมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทย ซึ่งพัฒนามาจากรถยนต์นั่งขนาดเล็กมาก (Sub-Compact) มาเป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็ก (Compact Car) แม้ว่าคนไทยจะคุ้นเคยกับชื่อ “โคโรน่า” แต่สำหรับ Toyota Corolla เจนเนอเรชั่น 9 ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมากจึงมีการเปลี่ยนมาใช้ชื่อ Toyota Altis ซึ่งแยกไลน์ออกมาจาก Toyota Corolla  ที่เป็นรถขนาดกลาง โดยมี Toyota Soluna เป็นรถขนาดเล็กที่สุดของค่ายมาแทนที่ และจนถึงปัจจุบัน Toyota Corolla Altis มีมาถึงเจนเนอเรชั่นที่ 12 อย่างไม่มีทีท่าที่จะลดความนิยมลงเลย

Toyota Corolla เจนเนอเรชั่นที่ 1

Toyota Corolla เจนเนอเรชั่นที่ 1

ตำนานของ Toyota Corolla Altis เริ่มต้นขึ้นในปี 1966 ในรหัสตัวถัง KE10 ช่วงแรก Toyota Corolla ผลิตเพียงตัวถังแบบ Sedan 2 ประตู และมีการผลิตตัวถังแบบ Sedan 4 ประตูเพิ่มขึ้นในปี 1967 ในส่วนของตัวถัง station wagon 4 ประตู ก็เริ่มผลิตในปี 1968 ตามมาด้วย coupe 2 ประตู ที่มีชื่อเฉพาะว่า Toyota Corolla Sprinter รหัสตัวถัง KE15 โฉมนี้มีขนาดเครื่องยนต์ให้เลือก 2 แบบ คือ เครื่องยนต์ OHV 1.1 ลิตรในช่วงแรก และ 1.2 ลิตรตั้งแต่ปี 1969 เป็นต้นไป ให้กำลังอยู่ที่ประมาณ 60 แรงม้า สำหรับระบบเกียร์มีให้เลือก 2 ระบบ คือ เกียร์ธรรมดา 4 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 2 สปีด แต่ขนาดเครื่องยนต์ลูกสูบที่ล็ก ทำให้รถประหยัดน้ำมัน ชดเชยการที่เกียร์มีสปีดน้อยได้เป็นอย่างดี จากนั้นจึงเลิกผลิตเจนเนอเรชั่น 1 ในปี 1970 เพื่อเริ่มต้น Toyota Corolla Altis โฉมที่ 2

Toyota Corolla เจนเนอเรชั่นที่ 2

Toyota Corolla เจนเนอเรชั่นที่ 2

ในปี 1970 Toyota ได้เริ่มผลิต Toyota Corolla เจนเนอเรชั่นที่ 2 รหัสตัวถัง KE20 ซึ่ง Toyota Corolla Sprinter ได้มีการเพิ่มรูปแบบของ Sedan เข้าไปผลิตด้วย (เดิมผลิตแต่ Coupe เพียงรุ่นเดียว) รวมถึงมีการปิดตัวรุ่น Toyota Corolla Levin และ Toyota Corolla Sprinter Trueno โดยได้นำตัวถังแบบ Coupe GT มาใช้ด้วย

ในส่วนของรูปแบบตัวถังนับว่ามีความหลากหลากว่า 6 แบบ ได้แก่ Coupe 2 ประตู , Station Wagon แบบ 3 ประตู, Station Wagon แบบ 5 ประตู , Sedan 4 ประตู และ Van 5 ประตู ขนาดเครื่องยนต์ก็เพิ่มมากขึ้นโดยมีทั้ง เครื่องยนต์ขนาด 1.2 , 1.4 , 1.6 ลิตรให้เลือก สำหรับ Toyota Corolla เจนเนอเรชั่นที่ 2 นี้นับวาประสบความสำเร็จอย่างสูงมาก เพราะแม้ว่าจะมีการเปิดตัว Toyota Corolla เจนเนอเรชั่นที่ 3 ในปี 1974 แต่เจนเนอเรชั่นที่ 2 นี้ก็ยังคงผลิตอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปี 1978 ซึ่งถึงจะมีรุ่นไม่มากเท่าที่ขายในประเทศญี่ปุ่น แต่ Toyota Corolla รุ่นนี้เป็นรุ่นแรกที่ประกอบในประเทศไทย

Toyota Corolla เจนเนอเรชั่นที่ 3

Toyota Corolla เจนเนอเรชั่นที่ 3

Toyota Corolla เจนเนอเรชั่นที่ 3 เริ่มผลิตในปี 1974 ด้วยรหัสตัวถัง KE30, KE40, KE50 และ KE60 ในตัวถังแบบซีดานหรือที่คุ้นเคยในชื่อ Toyota Corolla DX และในส่วนในรุ่นตัวถัง 2 ประตูแฮทช์แบ็คหรือที่คุ้นเคยกันในชื่อ Corolla Liftback ซึ่งทั้งสองแบบได้รับความนิยมอย่างสูงในกลุ่มของผู้ใช้รถคนไทย นอกจากนี้ยังได้เพิ่มรูปแบบตัวถัง Hardtop Coupe 2 ประตูเข้า เริ่มพัฒนา และผลิตระบบเกียร์ให้เลือกเพิ่มเป็น 4 ระบบ คือ ระบบเกียร์อัตโนมัติ 2 กับ 3 สปีด และระบบเกียร์ธรรมดา 4 กับ 5 สปีด พร้อมด้วยขนาดเครื่องยนต์ 1.2 กับ 1.4 ลิตร ซึ่งก็ได้หยุดผลิต และขายเจนเนอเรชั่นที่ 3 อย่างสมบูรณ์ในปี 1981

Toyota Corolla เจนเนอเรชั่นที่ 4

Toyota Corolla เจนเนอเรชั่นที่ 4

สำหรับ Toyota Corolla เจนเนอเรชั่นที่ 4 เปิดตัวครั้งแรกในปี 1979 พร้อมกับรหัสตัวถัง KE70 ซึ่งในโฉมนี้ ได้เพิ่มความหลากหลายของรูปตัวถังขึ้น ด้วยรูปแบบตัวถัง Sedan 2 ประตู และ Liftback 3 ประตูเข้าไป และได้มีการระงับการผลิตตัวถังแบบ coupe 2 ประตู ติดตั้งระบบเกียร์ 4 ระบบดั้งเดิม ขนาดเครื่องยนต์ 3 ขนาด ได้แก่ 1.3 , 1.6 และ 1.8 ลิตร และสำหรับรูปโฉมนี้ถือเป็นรูปโฉมสุดท้ายที่รถโคโรลล่าขับเคลื่อนล้อหลังเพียงอย่างเดียว ซึ่งโฉมต่อจากนี้ จะค่อยๆ ยกเลิกระบบขับเคลื่อนล้อหลังของโคโรลล่าไป และจะแทนที่ด้วยระบบขับเคลื่อนล้อหน้า รวมถึงเป็นโฉมสุดท้ายที่มีการผลิตระบบเกียร์อัตโนมัติ 2 สปีด และระบบเกียร์ธรรมดา 4 สปีดด้วยเช่นกัน ซึ่งได้ยกเลิกการผลิตไปในปี 1983

Toyota Corolla เจนเนอเรชั่นที่ 5

Toyota Corolla เจนเนอเรชั่นที่ 5

Toyota Corolla เจนเนอเรชั่นที่ 5 เปิดตัวครั้งแรกในปี 1983 พร้อมกับการยกเลิกการผลิตของเจนเนอเรชั่นที่ 4 สำหรับโฉมนี้ถือเป็นโฉมแรกของ Toyota Corolla ที่ในระบบขับเคลื่อนแบบล้อหน้า ในรหัสเครื่องยนต์ AE80 แต่ยกเว้น Toyota Corolla Levin และ Toyota Corolla Sprinter Trueno ที่ยังใช้ระบบขับเคลื่อนแบบล้อหลังอยู่ โดยใช้รหัสตัวถัง AE86 Toyota Corolla เจนเนอเรชั่นที่ 5 ได้ปรับรูปแบบตัวถังใหม่ทั้ง Coupe 2 ประตู, Hatchback 3 ประตู, Sedan 4 ประตู, Station Wagon 4 ประตู และ Liftback 5 ประตู นอกจากนี้ยังถือเป็นโฉมแรกที่มีการผลิตรถที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 1.8 ลิตร รวมถึงใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.3 และ 1.6 ลิตร พร้อมติดตั้งระบบเกียร์ให้เลือก 2 ระบบ คือ ระบบเกียร์อัตโนมัติ 3 สปีด และระบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ซึ่งสำหรับโฉมนี้มักเรียกกันว่า "โฉมท้ายตัด" Toyota Corolla เจนเนอเรชั่นที่ 5 นี้ได้รับการออกแบบทั้งสมรรถนะ การขับเคลื่อน 3 แบบ (ล้อหน้า,ล้อหลัง,4 ล้อ) ให้เลือก และถือเป็นโฉมสุดท้ายที่จัดเป็นรถขนาด Subcompact ของ Toyota Corolla อีกด้วย

Toyota Corolla เจนเนอเรชั่นที่ 6

Toyota Corolla เจนเนอเรชั่นที่ 6

หลังจากที่ความนิยมในการซื้อรถ Toyota Corolla เจนเนอเรชั่นที่ 5 ไปถึงจุดอิ่มตัว ก็ได้มีการเปิดตัวรถ Toyota Corolla เจนเนอเรชั่นที่ 6 ในปี 1987 และส่งเข้าตีตลาดขายแทนโฉมที่ 5 ในปี 1988 โฉมนี้ได้พัฒนาจากรถ Sub-compact ขึ้นมาเป็นรถ Compact และได้มีการเพิ่มการผลิตรูปแบบตัวถัง Hatchback 5 ประตูมาอีกด้วย รวมถึงเริ่มมีการผลิตเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด มา แต่ก็ยังมีการผลิตรถรุ่นเกียร์อัตโนมัติ 3 สปีดอยู่ เครื่องยนต์ก็ยังมีทั้งระบบเบนซิน ในขนาดเครื่องยนต์ 1.3, 1.5, 1.6 ลิตร รวมทั้งรุ่น SPORTY ที่เปลี่ยนคาร์บิวเรเตอร์ของเครื่องยนต์ 4A-F มาเป็นเวบเบอร์ ท่อคู่ดูดข้าง และเครื่องยนต์ 4A-FE และ 4A-GE  (เครื่องยนต์4A-FE มีขายในเฉพาะญี่ปุ่นกับสหรัฐอเมริกา) รวมถึงมีเครื่องยนต์ดีเซล และติดตั้งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อด้วย

นอกจากนี้ ในช่วงโฉมนี้ Toyota Corolla Levin, Toyota Corolla Sprinter Trueno และ Toyota Corolla Sprinter ได้เปลี่ยนมาเป็นระบบขับเคลื่อนล้อหน้า โดยคนไทยนิยมเรียกว่า "โฉมโดเรมอน" ด้วยรูปทรงหน้าตาที่ละม้ายคล้ายคลึงตัวการ์ตูนอย่างโดเรม่อน ผสานเครื่องยนต์ที่มีสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม ทนทาน และล้ำสมัยในสมัยนั้น

และถือเป็นรุ่นแรกในประเทศไทยที่ใช้เทคโนโลยีเครื่องยนต์ 16 วาล์ว มีสัญลักษณ์อักษรเขียนว่า "TWINCAM 16 VALVE" ไว้เป็นสัญลักษณ์ที่ประตูรถ และเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของ Toyota Corolla โฉมนี้ด้วย นอกจากนี้ในล็อตท้ายๆ ของโฉมนี้ก็ได้เริ่มเปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์ระบบหัวฉีด (เฉพาะรุ่นGTiเครื่องยนต์ 4A-GE 16v.) ซึ่งประหยัดน้ำมันกว่า และสามารถเติมแก๊สโซฮอล์ได้ อย่างไรก็ตามสำหรับ Toyota Corolla เจนเนอเรชั่น 6 ส่วนใหญ่ ยังเป็นคาร์บูเรเตอร์ ซึ่งไม่เหมาะกับเชื้อเพลิงแก๊สโซฮอล์เท่าใดนัก

Toyota Corolla เจนเนอเรชั่นที่ 7

Toyota Corolla เจนเนอเรชั่นที่ 7

Toyota Corolla เจนเนอเรชั่นที่ 7 เปิดตัวครั้งแรกในปี 1991 มีการผลิตรถที่ใช้ระบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีดขึ้น ควบคู่กับการผลิตรถเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 และ 3 สปีด เครื่องยนต์ยังมีระบบดีเซล 2.0 ลิตร และเบนซิน 1.3 , 1.5 , 1.6 , 1.8 ลิตร ทันทีที่เปิดตัวในไทย Toyota Corolla โฉมนี้ก็ได้สร้างปรากฏการณ์ยอดการจองรถทะลุ 10,000 คันอย่างรวดเร็ว และยอดจองยังมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รูปแบบตัวถังมี 6 รูปแบบ เหมือนโฉมโดเรม่อน ได้แก่ Sedan 4 ประตู , Hatchback 3 กับ 5 ประตู , Coupe 2 ประตู , Liftback 3 ประตู และ Station wagon 4 ประตู หรือที่เรียกกันว่า "โฉมสามห่วง" เพราะเป็นโฉมแรกของ Toyota Corolla ที่ตราสัญลักษณ์วงรีไขว้สามวง (สามห่วง) ถูกนำมาใช้เป็นตราสัญลักษณ์ของโตโยต้า โฉมนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของตระกูล Corolla เพราะก่อนนี้ Toyota Corolla จะมีลักษณะเป็นรูปทรงเหลี่ยม แต่โฉมนี้ได้เริ่มเปลี่ยนจากความเหลี่ยม เป็นความโค้งมน และจากนั้นเป็นต้นมาโครงสร้างรถก็มีความโค้งมนมากขึ้นเรื่อยๆ มีการยกเครื่องใหม่ด้วยการลดการใช้เครื่องยนต์แบบคาร์บูเรเตอร์ จนในที่สุดก็เปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์แบบหัวฉีดทั้งหมด

Toyota Corolla เจนเนอเรชั่นที่ 8

Toyota Corolla เจนเนอเรชั่นที่ 8

Toyota Corolla เจนเนอเรชั่นที่ 8 เปิดตัวครั้งแรกในปี 1995 นิยมเรียกกันในชื่อ “โฉมตองหนึ่ง” แต่เจนเนอเรชั่นที่ 8 ก็ได้แตกแขนงออกเป็น 2 รุ่นย่อย คือ รุ่นตูดเป็ด ผลิตระหว่าง 1995 - 1997 , รุ่นไฮทอร์ก เริ่มผลิตเมื่อ 1998 – 2001  ซึ่งโฉมไฮทอร์กนี้ได้สร้างความนิยมโดยมีคนซื้อไปทำแท๊กซี่เป็นจำนวนมาก และนอกจากนี้ ในช่วงโฉมไฮทอร์กนี้ Toyota Corolla ยังได้เปิดตัวโซลูน่า (Soluna) 1500 ซีซี เปิดตัวเมื่อปี 1997 (ต่อมาเปลี่ยนเป็น Toyota  Soluna Vios ในปี 2002 และ Toyota Corolla Altis ซึ่งเปิดตัวเมื่อปี 2000) โดย Toyota Corolla Altis เป็นรถที่มีความหรูหรา มีอุปกรณ์รักษาความปลอดภัย Options ต่างๆ อย่างดี รูปโฉมตัวรถจะคล้าย Corolla ทั่วไป แต่เมื่อ Toyota Corolla Altis เริ่มจำหน่ายครั้งแรกในไทย ก็ยังไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร โฉมที่ 8 นี้ ระงับการผลิตรูปแบบตัวถังประเภท Hatchback 5 ประตู,Liftback 3 ประตู และ Station wagon 4 ประตู สำหรับเจนเนอเรชั่นที่ 8 เลิกผลิตในปี 2002 ในสหรัฐอเมริกา 2 ปีหลังการเปิดตัวของรถToyota Corolla เจนเนอเรชั่นที่ 9 แบบแคบในญี่ปุ่น และ 1 ปีหลังการเปิดตัวของToyota Corolla เจนเนอเรชั่นที่ 9 แบบกว้างที่เรียกว่า Toyota Corolla Altis ในประเทศไทย

Toyota Corolla เจนเนอเรชั่นที่ 9 เป็นจุดเริ่มต้นที่แท้จริงของ Toyota Corolla Altis

Toyota Corolla เจนเนอเรชั่นที่ 9 เป็นจุดเริ่มต้นที่แท้จริงของ Toyota Corolla Altis

Toyota Corolla Altis เจนเนอเรชั่นที่ 9 เปิดตัวครั้งแรกในปี 2000 แต่กว่าจะเป็นอันดับหนึ่งแทนโฉมที่ 8 ก็ล่วงไปถึง 2003 และเป็นครั้งแรก Toyota Corolla มี 2 ตัวถังคือ แบบแคบ และแบบกว้าง ซึ่งในญี่ปุ่นจะใช้แบบแคบ เพื่อลดการเสียภาษี แต่สำหรับทั่วโลกจะใช้แบบกว้าง เหมือนที่เคยใช้ในการออกแบบ Toyota Camry generation ที่ 3 เมื่อได้รับความนิยมแล้ว Toyota ก็ตัดสินใจผลิต Toyota Corolla Altis ต่อในโฉมที่ 9 และยังมีการปรับปรุงทั้งขนาด ความสะดวก และสิ่งอื่นๆอีกมาก และโฉมที่ 9 ยกเลิกการผลิตเกียร์อัตโนมัติ 3 สปีด และยกเลิกการผลิตตัวถัง Coupe 2 ประตู และ Liftback 5 ประตู แล้วเอาแบบ Van และ Hatchback 5 ประตูมาผลิตแทน และยังคงผลิตรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลขนาดเครื่องยนต์ 2.2 ลิตร (ไม่มีจำหน่ายในประเทศไทย) พร้อมรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.4 , 1.5 , 1.6 , 1.8 ลิตรเหมือนเดิม คนไทยมักเรียกกันว่า "โฉมหน้าหมู" หรือ "โฉมตาถั่ว" เพราะไฟหน้ามีลักษณะคล้าย เมล็ดถั่ว

Toyota Corolla Altis รุ่นปี 2003 รู้จักกันในโฉม

Toyota Corolla Altis รุ่นปี 2003 รู้จักกันในโฉม "หน้าหมู"​

Toyota Corolla มีการออกรุ่นใหม่ คือ LIMO (ลิโม) โดยจะเป็นรถ Toyota Corolla ที่มี Options ต่างๆ น้อย และมีราคาถูกกว่า Toyota Corolla ทั่วไป และ Toyota Corolla Altis อย่างมาก สำหรับโฉมที่ 9 นี้ มีการจำหน่ายในประเทศไทยตั้งแต่ต้นปี 2001 จนถึงปลายปี 2007 โดยเริ่มแรกมีการจำหน่ายทั้งหมด 4 รุ่น ดังนี้

  • 1.6 J ระบบเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด Super ECT และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ใช้ชื่อรุ่นว่า Corolla
  • 1.6 E ระบบเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด Super ECT และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ใช้ชื่อรุ่นว่า Corolla Altis
  • 1.8 E ระบบเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด Super ECT แบบ Gate-Type ใช้ชื่อรุ่นว่า Corolla Altis
  • 1.8 G VSC ระบบเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด Super ECT แบบ Gate-Type ใช้ชื่อรุ่นว่า Corolla Altis

ในปี 2006 ได้มีการเพิ่ม Toyota Corolla Altis รุ่น 1.6 G ระบบเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด Super ECT เข้าไปด้วย ปัจจุบันโฉมที่ 9 ยังมีการผลิตขายอยู่ที่ประเทศจีนในชื่อรุ่น Corolla EX ใช้เครื่องยนต์ Dual VVT-I บล็อก 4ZR-FE 1.6 ลิตร

Toyota Corolla เจนเนอเรชั่นที่ 10 / Toyota Corolla Altis รุ่นที่ 2

Toyota Corolla เจนเนอเรชั่นที่ 10 / Toyota Corolla Altis รุ่นที่ 2

Toyota Corolla Altis เจนเนอเรชั่นที่ 10 เปิดตัวครั้งแรกในปี 2006 เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2008 มี 2 ตัวถังเหมือนเจนเนอเรชั่นที่ 9 คือ แบบแคบและแบบกว้าง ระบบเกียร์ในครั้งนี้ จะผลิตระบบเกียร์แบบธรรมดา 5 หรือ 6 สปีด สำหรับเกียร์อัตโนมัติ จะเป็นระบบเกียร์อัตโนมัติแบบใหม่ 4 หรือ สปีด และ CVT 7 สปีด สำหรับโฉมนี้ใช้เวลาค่อนข้างนานในการแทนที่โฉมที่ 9 โดยเฉพาะในประเทศไทย

Toyota Corolla Altis เจนเนอเรชั่นที่ 10 มียังคงมีการผลิตเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 1.4 ลิตรในบางประเทศประเทศ และมีเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 , 1.6 , 1.8 , 2.0 , 2.4 ลิตร และได้ยกเลิกรูปแบบตัวถังออกไปจนเหลือแต่แบบ Sedan Station wagon 4 ประตู และ Hatchback 5 ประตู ในออสเตรเลียใช้ชื่อในการทำตลาดคือ Toyota Corolla Hatchback นอกนั้นเช่นในญี่ปุ่น,ยุโรป และในบางประเทศใช้ชื่อในการทำตลาดคือ Toyota Auris แต่ไม่มีจัดจำหน่ายในไทย

Toyota Corolla Altis รุ่นปี 2011

Toyota Corolla Altis รุ่นปี 2011

ในส่วนของ Toyota LIMO โฉมนี้ มีการผลิตรถรุ่น LIMO CNG ซึ่งเป็นรถลิโม ที่ติดระบบการใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ มาตั้งแต่ในโรงงาน Toyota และ ได้เปิดขายให้กับประชาชนทั่วไปอยู่ช่วงหนึ่งด้วย ก่อนที่จะกลับไปขายทำแท็กซี่โดยเฉพาะเหมือนเดิม โดย Toyota ได้ทำรถยนต์รุ่น Advanced CNG มาขายให้ประชาชนทั่วไปแทน LIMO CNG

รุ่น TRDsportivo ผลิตจำนวนจำกัดโดยผลิตออกมา 3 โฉม โดยโฉมแรกนั้นมีทั้งเครื่องยนต์ 1.6 และ 1.8 ลิตร และโฉมที่ 2 และ 3 ได้ผลิตจากรุ่น 1.8E ที่รองรับการใช้เชื้อเพลิง E85 และมีรุ่นพิเศษอีกคือรุ่น 50 ปี ที่ตกแต่งภายในสีดำจากรุ่น 1.8E อีกด้วย นอกจากนี้ ในช่วงปลายปี 2012 ทาง Toyota ได้ตัดระบบเกียร์อัตโนมัติ และระบบกุญแจรีโมทออกจากรุ่น 1.6 J

Toyota Corolla เจนเนอเรชั่นที่ 11 / Toyota Corolla Altis รุ่นที่ 3

Toyota Corolla เจนเนอเรชั่นที่ 11 / Toyota Corolla Altis รุ่นที่ 3

Toyota Corolla Altis เจนเนอเรชั่นที่ 11 เปิดตัวรอบสื่อมวลชนในวันที่ 14 มกราคม 2013 ด้วยสโลแกนใหม่ "So Excited" พร้อมปรับปรุงโฉมให้ดูทันสมัย และหรูหรายิ่งขึ้น สำหรับ Toyota Corolla Altis โฉมใหม่นี้ยังเป็น Toyota Corolla Altis โฉมปัจจุบันที่จำหน่ายในประเทศไทยอีกด้วย โดยมีเฉดสีใหม่ให้เลือกทั้งหมด 6 สีได้แก่ 1.สีเงิน 2.สีขาวมุก 3.สีขาว 4.สีดำ 5.สีเทาดำ 6.สีน้ำตาล และได้จำหน่ายออกเป็นรุ่นปลีกย่อย และสเปคภายใน ดังนี้

  • รุ่น 1.6J MT ราคาที่จำหน่าย 769,000 บาท
  • ธรรมดา 6 สปีด -ชุดไฟหน้าฮาโลเจน -เครื่องเสียง AM/FM/CD/MP3/WMA 4 ลำโพง
  • รุ่น 1.6J CNG MT ราคาที่จำหน่าย 819,000 บาท
  • ธรรมดา 6 สปีด -ชุดไฟหน้าฮาโลเจน -เครื่องเสียง AM/FM/CD/MP3/WMA 4 ลำโพง -ระบบจ่ายเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ CNG แบบหัวฉีด -ถังก๊าซธรรมชาติ CNG ขนาด 75 ลิตร
  • รุ่น 1.6E CNG ราคาที่จำหน่าย 889,000 บาท
  • อัตโนมัติ Super CVT-i 7 สปีด แบบ Gate-type พร้อม Sequential -ชุดไฟหน้าฮาโลเจน -เครื่องเสียง AM/FM/CD/MP3/WMA 4 ลำโพง -แผงบังแดดพร้อมกระจก และฝาปิด -ระบบจ่ายเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ CNG แบบหัวฉีด -ถังก๊าซธรรมชาติ CNG ขนาด 75 ลิตร
  • รุ่น 1.6G ราคาที่จำหน่าย 829,000 บาท
  • อัตโนมัติ Super CVT-i 7 สปีด แบบ Gate-type พร้อม Sequential -ชุดไฟหน้าฮาโลเจน -เครื่องเสียง AM/FM/CD/MP3/WMA 6 ลำโพง -แผงบังแดดพร้อมกระจก ฝาปิดและไฟส่องสว่าง
  • รุ่น 1.8E ราคาที่จำหน่าย 839,000 บาท
  • อัตโนมัติ Super CVT-i 7 สปีด แบบ Gate-type พร้อม Sequential -ชุดไฟหน้าฮาโลเจน -เครื่องเสียง AM/FM/CD/MP3/WMA 4 ลำโพง -แผงบังแดดพร้อมกระจก และฝาปิด
  • รุ่น 1.8S(ESPORT) ราคาที่จำหน่าย 899,000 บาท
  • อัตโนมัติ Super CVT-i 7 สปีด แบบ Gate-type พร้อม Sequential -ชุดไฟหน้า LED Projector พร้อมแถบ Gun Metallic -โคมไฟใช้งานกลางวัน -กระจังหน้าโครเมียมพร้อมแถบ Gun Metallic -สเกิร์ตหน้า/ข้าง/หลัง และสปอยเลอร์หลัง -ท่อไอเสียแบบสปอร์ต -เบาะนั่งด้านหน้าแบบสปอร์ต -เครื่องเสียง AM/FM/CD/MP3/WMA 6 ลำโพง -ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย -ระบบเซ็นทรัลล็อก -ไฟเบรกดวงที่สาม LED ที่สปอยเลอร์หลัง
  • รุ่น 1.8G ราคาที่จำหน่าย 979,000 บาท
  • อัตโนมัติ Super CVT-i 7 สปีด แบบ Gate-type พร้อม Sequential -ชุดไฟหน้าแบบฮาโลเจน -เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมฟังก์ชันปรับเบาะดันหลังไฟฟ้า -เครื่องเสียง AM/FM/CD/MP3/WMA 6 ลำโพง -ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ -มาตรวัดเรืองแสงแบบ Optitron -กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงสะท้อนแบบอัตโนมัติ พร้อมแสดงภาพจากกล้องมองหลัง -กล้องมองหลัง -ม่านบังแดดหลัง -ระบบเปิดประตูอัจฉริยะ -ระบบสตาร์ทอัจฉริยะ -กระจกบังลมหน้าอัดซ้อนนิรภัยพร้อม Top Shade -ไฟตัดหมอกหน้า
  • รุ่น 1.8V Navi ราคาที่จำหน่าย 1,069,000 บาท
  • อัตโนมัติ Super CVT-i 7 สปีด แบบ Gate-type พร้อม Sequential -ชุดไฟหน้า LED Projector -โคมไฟใช้งานกลางวัน -ระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ -เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมฟังก์ชันปรับเบาะดันหลังไฟฟ้า -เครื่องเสียง DVD/CD/MP3/WMA จอสัมผัส 6.1 นิ้ว 6 ลำโพง รองรับบริการ Smart G-BOOK -ระบบนำทางในรถยนต์ -ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย -ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ -ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย -กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงสะท้อนแบบอัตโนมัติ -กล้องมองหลัง -ม่านบังแดดหลัง -ระบบเปิดประตูอัจฉริยะ -ระบบสตาร์ทอัจฉริยะ -ระบบควบคุมการทรงตัว VSC + TRC -กระจกบังลมหน้าอัดซ้อนนิรภัยพร้อม Top Shade -ไฟตัดหมอกหน้า

โดยเกียร์อัตโนมัติ CVT 7 สปีดมีตั้งแต่รุ่น 1.6E CNG เป็นต้นไป และ PADDLE SHIFT มีเฉพาะรุ่น 1.8V และ 1.8S(ESPORT)

Toyota Corolla Altis รุ่นปัจจุบันที่จำหน่ายในประเทศไทย

Toyota Corolla Altis รุ่นปัจจุบันที่จำหน่ายในประเทศไทย

ในปี 2016 Toyota Corolla Altis ได้ออกรุ่นปรับโฉมที่มีการปรับปรุงรูปร่างภายนอกให้มีความทันสมัยยิ่งขึ้น ด้วยการเปลี่ยนการออกแบบกระจังหน้า และไฟหน้าแบบใหม่เป็นไฟหน้า Bi-Beam Projector และไปส่องสว่างในเวลากลางวันแบบ LED รวมถึงมีการปรับปรุงออฟชั่น และระบบความปลอดภัยให้กับ Toyota Corolla ทุกรุ่น มีการใส่อุปกรณ์มาตรฐานไว้ดังนี้ ยกเลิกรุ่น 1.6 CNG สำหรับเกียร์ MT, เพิ่มระบบควบคุมการทรงตัว VSC และป้องกันล้อหมุนฟรี TRC ในทุกรุ่น, เครื่องยนต์ 1.6 รองรับการใช้น้ำมัน E85, ติดตั้งถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่งในทุกรุ่นย่อย และเพิ่มกุญแจรีโมทให้มีในรุ่นย่อยทุกรุ่น พร้อมระบบสัญญาณกันขโมย TDS ยกเว้นรุ่น 1.6J ที่ไม่มีสัญญาณกันขโมย TDS

ทั้งนี้ Toyota Corolla Altis รุ่นปรับโฉมนั้นจะยกเลิกรุ่นย่อย 1.8 G และเพิ่มเติมรุ่นย่อย ESport Option โดยจะมีรุ่นย่อยให้เลือกทั้งหมดรวม 7 รุ่น ดังนี้

  • 1.8 V Navi เกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i ราคา 1,079,000 บาท
  • 1.8ESPORT OPTION (ใหม่) เกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i ราคา 979,000 บาท
  • 1.8ESPORT เกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i ราคา 939,000 บาท
  • 1.8E เกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i ราคา 874,000 บาท
  • 1.6G เกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i ราคา 869,000 บาท
  • 1.6E CNG เกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i ราคา 969,000 บาท
  • 1.6J เกียร์ธรรมดา ราคา 799,000 บาท

*** ดูเพิ่มเติมราคา Toyota Corolla Altis 2020 มือสองที่มีขายในประเทศไทย

Toyota Corolla เจนเนอเรชั่นที่ 12 รุ่น Station Wagon หรือที่รู้จักกันในชื่อ Toyota Corolla Touring Sport

Toyota Corolla เจนเนอเรชั่นที่ 12 รุ่น Station Wagon หรือที่รู้จักกันในชื่อ Toyota Corolla Touring Sport

Toyota Corolla Altis เจนเนอเรชั่นที่ 12 สร้างจากพื้นฐาน Toyota New Global Architecture (TNGA) โดย Toyota Corolla รุ่นที่ 12 รุ่นแฮทช์แบ็กได้เผยโฉมที่งานแสดงรถยนต์เจนีวาเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2561 ในชื่อว่า Toyota Auris Toyota Hatchback เวอร์ชันอเมริกาเหนือได้เผยโฉมที่งานแสดงรถยนต์นานาชาตินิวยอร์กประจำปี 2018 วันที่ 22 มีนาคม 2018, เปิดตัวในประเทศญี่ปุ่นในวันที่ 27 มิถุนายน 2018 ในชื่อว่า Toyota Corolla Sport และได้เริ่มจำหน่ายในประเทศสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม 2018 และต่อมาได้เปิดตัวในออสเตรเลียในวันที่ 7 สิงหาคม 2018 แบ่งออกเป็น 3 รุ่น ดังนี้

รุ่น Station Wagon หรือที่เรียกว่า Toyota Corolla Touring Sport เปิดตัวที่งานแสดงรถยนต์ปารีสประจำปี 2018 โดยได้เปิดเผยรูปภาพอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2018

รุ่น Sedan ได้เผยโฉมเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2018 ที่เมืองคาร์เมล-บาย-เดอะ-ซี แคลิฟอร์เนีย, สหรัฐอเมริกา และประเทศจีนที่งานแสดงรถยนต์นานาชาติกวางโจวโดยพร้อมกัน โดยแบ่งจำหน่ายเป็น 2 รุ่นย่อย คือ และรุ่น Sporty

  • รุ่น Prestige ใช้กระจังหน้าที่แตกต่างจากรุ่นอื่น ซึ่งไปคล้ายกับกระจังหน้าของ คัมรี่ รหัส XV70 รุ่นนี้จำหน่ายในประเทศจีน (ในชื่อว่า Corolla) ยุโรป และประเทศอื่น ๆ
  • รุ่น Sporty ใช้กระจังหน้าเหมือนกับรุ่นแฮทช์แบ็ก และรุ่นสเตชันวากอน รุ่นนี้ได้จำหน่ายในประเทศจีน (ในชื่อว่าToyota Levin) สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และประเทศอื่น ๆ โดยรุ่นนี้ถือเป็นครั้งแรกของสหรัฐอเมริกาในการจำหน่าย Toyota Corolla Sedan ที่ใช้เครื่องยนต์ Hybrid

ดูเพิ่มเติม

สำหรับ Toyota Corolla เจนเนอเรชั่นที่ 12 จะมีการปรับกระจังหน้าให้คล้ายกับ Toyota Camry มากขึ้น

สำหรับ Toyota Corolla เจนเนอเรชั่นที่ 12 จะมีการปรับกระจังหน้าให้คล้ายกับ Toyota Camry มากขึ้น

ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไร แต่ Toyota Corolla Altis ก็ยังได้รับความนิยมอย่างไม่ลดละ และแม้ว่าปัจจุบันจะมีการเปิดตัว Toyota Corolla Altis มาจนถึงเจนเนอเรชั่นที่ 12 แต่สำหรับตลาดในประเทศไทยก็ยังผลิต และจัดจำหน่าย Toyota Corolla Altis เจนเนอเรชั่นที่ 11 อยู่ และคาดว่าเจนเนอเรชั่นที่ 12 จะเข้ามาทำการตลาดในเร็ววันนี้ หาก Toyota Corolla Altis เจนเนอเรชั่นที่ 12 เปิดตัวในประเทศไทยเมื่อใด Chobrod จะรีบมาบอกข่าวเพื่อนๆ ทุกคนนะคะ สำหรับข่าวสารเรื่องรถติดตามได้ที่ Chobrod.com

ต้องการซื้อรถมือสองสภาพดี เชิญเข้าดูที่ตลาดรถตรงนี้