ทำยังไงดีเมื่อรถลื่นไถลตอนฝนตก
ตอนนี้เป็นหน้าร้อนก็จริง แต่ก็คาดเดาอากาศไม่ค่อยได้ อย่างล่าสุดทางกรมอุตุนิยมวิทยาได้ประกาศว่าช่วงสงกรานต์นี้ประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น นั่นหมายความว่ามีฝนตกตอนหน้าร้อน ซึ่งมีส่วนทำให้การขับรถอันตรายมากขึ้น
รถมีอาการลื่นไถลสามารถป้องกันได้ด้วยการขับรถอย่างมีสติ
อาการหนึ่งของการขับรถตอนฝนตกก็คือรู้สึกขับเร็วขึ้นจนเกิดอาการรถลื่นไถลจจควบคุมรถไม่ได้ ซึ่งเป็นอาการที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุมาก โดยสาเหตุที่ทำให้รถอาจลื่นไถลและควบคุมไม่ได้ก็คือ ความเร็วที่ใช้ สภาพถนน สภาพอากาศ สภาพของยาง ทัศนวิสัยการมองเห็น รวมถึงทักษะการขับ
ควรขับรถด้วยความระวังในวันฝนตก
การแก้ไขในการอาการดังกล่าวจะต้องดูสาเหตุเป็นหลัก เช่น มีน้ำอยู่บนพื้นผิวถนนมาก ใช้ความเร็วสูงไม่สอดคล้องกับสภาพถนน การออกตัวจากจุดหยุดนิ่งรวดเร็วและรุนแรงหรือเปล่า การใช้เบรคกระทันหันหรือกระทืบเบรคแบบฉุกเฉินขณะที่ใช้ความเร็วสูง ขับรถด้วยความเร็วสูงบนถนนที่เปียกลื่น หักพวงมาลัยอย่างรุนแรง การเบรคในโค้งหรือใช้เบรคขณะตีวงเลี้ยว เบรคและหักพวงมาลัยไปพร้อมกัน เหยียบคลัทช์ขณะขับเข้าโค้งหรือเลี้ยวมุมแคบ
ยางก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่อาจทำให้เกิดอาการไถลลื่นได้ เนื่องจากหากยางยังคงมีความฝืด หมายความว่ายางยังเกาะพื้นผิวถนนได้ดี ซึ่งส่งผลให้การควบคุมรถก็ดีด้วย แต่หากเป็นยังที่หมดอายุการใช้งาน ก็จะไม่มีแรงจิกเมื่อเบรค ทำให้เกิดอาการลื่นไถลเมื่อเจอเข้ากับถนนลื่น การที่ลมยางไม่เท่ากัน หรือดอกยางที่หมดก็อาจเป็นสาเหตุได้
ดูเพิ่มเติม
>> ขับรถปลอดภัยในวันฝนตก
>> หวาดเสียว! ฝนตก ถนนลื่น รถเข้าโค้งแล้วเกิดหมุนคว้างกลางถนน เพราะอะไร???
เบรคเป็นระบบช่วยรักษาเสถียรภาพของรถยนต์รถดับหนึ่งเท่านั้น หากใช้ความเร็วที่สูงเกินไป ก็เอาไม่อยู่เหมือนกัน พวงมาลัยที่ฟรีมากไปจากการใช้งานที่มีอายุนาน อาจทำใ้หขาดความแม่นยำ รวมทั้งการปล่อยปะละเลยช่วงล่างก็อาจเป็นสาเหตุให้เกิดอาการเหล่านี้
การแก้ไขอาการลื่นไถลจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ซึ่งดูแล้วการป้องกันน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด โดยการขับให้ช้าลง ใช้ความเร็วไม่เกินที่กฎหมายกำหนด เนื่องจากความเร็วคือปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการลื่นไถล หากใช้ความเร็วที่เหมาะสม ลดความเร็ว ขับแบบทิ้งระยะห่างจากรถคันหน้า ไม่ขับรีบร้อน เท่านี้ก็มีส่วนช่วยป้องกันได้แล้ว
ไม่ควรขับเร็วในวันฝนตกหรือถนนลื่น
แต่เมื่อเกิดรถเสียหลักหมุนหรือไถล ให้ลดความเร็วลงทันที หรือใช้เบรคเต็มกำลัง พยายามประคองพวงมาลัยเพื่อควบคุมทิศทางรถ ซึ่งในจังหวะนี้จะต้องมีสติพอสมควร เนื่องจากเป็นช่วงเวลาเสี้ยววินาที เมื่อรถเริ่มต้นสูญเสียแรงยึดเกาะ หรือขับเสียหลักอย่างรุนแรง ให้ถอนเท้าออกจากคันเร่ง จับพวงมาลัยให้มั่นคง แล้วเบรกเต็มแรงอย่างรวดเร็ว ไม่ว่ารถจะเป๋ปัดไปทางไหนก็เบรกให้เต็มที่ไว้ก่อน หากไม่มีสิ่งกีดขวางอาจตกข้างทางแต่ไม่ได้พุ่งไปฟาดกับต้นไม้ ตกลงไปในคลองชลประทาน หรือฟาดเสาไฟฟ้าซึ่งจะอันตรายมาก อย่าลืมรัดเข็มขัดนิรภัยเวลาขับรถด้วย
ดูเพิ่มเติม
>> ฝนตก ไม่ต้องล้างรถ จริงหรือ??
>> รถเก่ามีเสียว! บิ๊กตู่บอกต้องตรวจวัดมลพิษ เก็บภาษีช่วยแก้ปัญหามลภาวะ
