เทคโนโลยีที่พบได้ง่ายในรถยุคนี้ถูกดีไซน์ให้ประหยัดน้ำมัน แต่ก็ต้องแลกกับชิ้นส่วนอื่นไปด้วย.....
ระบบ Stop-Start ของรถ Audi
โดยเฉพาะในสถานการณ์ ณ ใจกลางเมือง Stop-Start ควรสร้างความแตกต่างในความเป็นจริง แต่ระยะใช้การงานของเครื่องยนต์จะมีผลกระทบระยะยาวหรือไม่?
Stop-Start (หยุด/เดินรถ) เป็นระบบในรถส่วนใหญ่ยุคนี้ซึ่งตัดการทำงานเครื่องยนต์เมื่อรถหยุดนิ่ง เพื่อลดการใช้น้ำมันและการปล่อยมลพิษ เครื่องยนต์จะทำงานอีกครั้งเมื่อเหยียบคลัทช์หรือปล่อยเบรค หรือเมื่อคนขับพร้อมขยับรถอีกรอบ
ระบบใช้คอมพิวเตอร์เพื่อตรวจจับว่ารถกำลังหยุดนิ่งหรือออกจากเกียร์ ซึ่งในจุดนั้นจะหยุดการส่งน้ำมันและไฟสปาร์คไปที่เครื่องยนต์ การจุดเครื่องเริ่มใหม่เมื่อรถเริ่มขยับหรือมีการเหยียบคลัทช์ ตัวกระบวนการเกิดขึ้นอย่างอัตโนมัติ แต่คนขับเลือกที่จะตั้งระบบได้ว่าให้มันเปิดหรือปิดโดยการกดปุ่ม Stop-Start; รูปอักษร A พิมพ์ใหญ่มีลูกศรหมุนตามเข็มนาฬิกา
เทคโนโลยี Stop-Start ล่าสุดดูเหมือนเดิมแต่มอเตอร์ทรงพลังขึ้น, ทำงานไวขึ้น และแข็งแรงขึ้น บางรุ่นใช้ระบบ ‘TS’ ย่อมาจาก ‘tandem solenoid’ (ขดลวดแม่เหล็กไฟฟ้าสองตอน) และถูกดีไซน์ให้จัดการกับสถานการณ์อย่างราบรื่นขึ้นเมื่อเครื่องยนต์กำลังจะหยุดทำงานแล้วคนขับเหยียบคันเร่งอีกครั้ง
บางเหตุการณ์อาจเกิดขึ้นเมื่อคนขับตัดสินใจหยุดรถ แต่จากการเปลี่ยนใจ เช่นเมื่อรถรอบๆ ขยับตัวอย่างไม่คาดคิด ในเหตุการณ์นั้นเครื่องยนต์อาจถูกสั่งให้หยุดแต่ยังคงหมุนเวียน เพื่อหลีกเลี่ยงการกระชากนั้น ขดลวงหนึ่งตัวจะจุดเครื่องมอเตอร์สตาร์ทรถเพื่อสังเคราะห์ความเร็วกับเครื่องยนต์ก่อนที่ขดลวดอีกตัวค่อยๆ ใช้เกียร์
ดูเพิ่มเติม
>> เสี่ยงรถพัง! ถ้าสตาร์ทรถผิดวิธี
>> ควรหรือไม่?? สตาร์ทรถ พร้อมเปิดแอร์ทันที
Infographic ระบบ Stop-Start จาก PSA
Stop-Start ทำเครื่องยนต์สึกหรือไม่?
ในเรื่องของระยะการใช้งานที่ยาวนานนั้น ทุกพื้นฐานที่เกี่ยวกับเกียร์สตาร์ทรถควรถูกครอบคลุมหมด แต่วัฎจักรหยุด/เดินที่มากขึ้นทำให้เครื่องยนต์สึกได้ถ้าไม่มีการป้องกัน
ชิ้นส่วนพื้นฐานของเครื่องยนต์และเป็นชิ้นที่มีขนาดหนักที่สุดคือ crankshaft (เพลาข้อเหวี่ยง) ตัวเพลาถูกหนุนหลังขณะที่มันหมุนด้วยจำนวนรอบหมุนบนดินพร้อมกับระยะการใช้งานใน bearing (ตลับลูกปืน) หลัก (แค่ตลับเหล็กเรียบ) พวกนี้เป็นตลับลูกปืนหลักและผลกระทบมีมากขึ้นต่อตลับลูกปืนหลังเครื่องยนต์ที่อยู่ติดกับมอเตอร์สตาร์ทรถ เมื่อเครื่องยนต์กำลังทำงาน เพลาข้อเหวี่ยงกับพื้นผิวตลับลูกปืนหลักไม่สัมผัสกัน แต่ถูกแยกด้วยฟิล์มน้ำมันที่บางมากๆ คอยผลิตใต้แรงดันและปั๊มรอบๆ พื้นผิวตลับลูกปืนด้วยการทำงานของเพลาที่หมุน กระบวนการนี้เรียกว่า ‘hydrodynamic lubrication’ (ไฮโดรไดแนมิก ลูบริเคชัน = การหล่อลื่นด้วยการแปรพันของเหลว) แต่เมื่อเครื่องยนต์หยุดทำงาน ตัวเพลาจะหันเข้าหาตลับลูกปืน พื้นผิวเหล็กของทั้งสองจึงสัมผัสกัน
เมื่อเครื่องยนต์เริ่มทำงาน มีประเด็นว่าพื้นผิวทั้งสองถูกฟิล์มน้ำมันกั้นไว้ที่เรียกว่า ‘boundary condition’ (เบาน์ดรี คอนดิชัน = สภาวะขอบเขต) ในที่ๆ เพลาข้อเหวี่ยงกำลังหมุน แต่มีการปะทะระหว่างพื้นผิวเหล็กสองชนิด การสึกหรอกมักเกิดขึ้นตรงนี้ การติดตั้งระบบ Stop-Start หมายความว่าสภาวะขอบเขต (และการปะทะของเหล็ก) อาจเกิดขึ้นประมาณ 500,000 ครั้งในเครื่องยนต์ไม่ใช่ 50,000 และตลับลูกปืนอาจสึกหรอก่อนเวลาอันควร
ดูเพิ่มเติม
>> ระบบดับเครื่องยนต์อัตโนมัติ ช่วยประหยัดน้ำมัน ได้จริงหรือ?
>> ไม่อยากเปลืองน้ำมัน หยุดทำพฤติกรรมเหล่านี้โดยด่วน!!
การจราจรในกทม.ช่วยประหยัดน้ำมันให้รถที่มีระบบ Stop-Start ได้แน่นอน
ใช่ ในขณะที่รถหยุดนิ่งโดยเครื่องยนต์ไม่ทำงาน เช่นในการจราจรติดขัดหรือรอสัญญาณไฟจราจร แต่น้ำมันจะถูกใช้น้อยลงขณะที่รถหยุดนิ่ง
จำนวนน้ำมันที่ประหยัดได้มักเป็นที่ถกเถียงและขึ้นอยู่กับรูปแบบการขับรถเกือบทั้งหมด ชัดเจนว่า ยิ่งหยุดรถนานยิ่งประหยัดน้ำมันมาก ยังมีช่วงที่ระบบ Stop-start ไม่ทำงาน เช่นตอนเครื่องยนต์ยังเย็นอยู่ ระบบจะไม่ทำงาน เพื่อรอให้เครื่องวอร์มให้เต็มที่ก่อน ระบบอาจไม่ปิดเครื่องยนต์ถ้าแบตเตอรีเหลือน้อยเกินไป, อย่างในรถ Volvo ถ้าคนขับไม่คาดเข็มขัดนิรภัย, หรือถ้าไม่เปิดเครื่องปรับอากาศ
ระบบ Stop-Start ยังถูกออกแบบให้ลดมลพิษในตัวเมืองด้วยซึ่งมีการหยุดรถหลายๆ คัน แม้จะลดการใช้น้ำมัน ยังมีประโยชน์มากมายต่อระบบในรถมากกว่าค่าใช้จ่ายซะอีก
ระบบ Stop-Start ใน Volvo V60
Chobrodขอฝากความรู้เกี่ยวกับรถยนต์ไว้เพียงเท่านี้และอย่าลืมแชร์ความรู้เกี่ยวกับเรื่องรถยนต์ของคุณให้เราด้วยโดยการให้ Comment ด้านล่างนี้ได้เลย
ติดตามข่าวสารรถยนต์ เชิญที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสองสภาพดีและน่าเชื่อถือ เชิญที่นี่