ชายผู้ร่ำรวยที่สุดในโลก ก็ยังสนใจวงการรถยนต์และสนใจในเรื่องการลงทุนในวงการรถยนต์ด้วย วันนี้ Amazon ที่ถูกสร้างขึ้นจากชายที่ชื่อว่าเจฟฟ์ เบซอส เรามาดูกันว่าเขาเข้ามาเล่นอะไรในวงการรถยนต์บ้าง
ถ้าพูดถึงบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก หลายๆคนอาจจะนึกถึง บิลล์ เกตส์ หรือ วอร์เรน บัฟเฟตต์ แต่ปัจจุบันนี้ชายผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในโลกไม่ใช้ทั้งสองคนที่เอ่ยชื่อมา แต่เขาคือ เจฟ เบซอส เจ้าของอาณาจักร Amazon ที่คนทั้งโลกต่างรู้จักในปัจจุบัน แม้ว่าคนไทยส่วนใหญ่จะรู้จัก Amazon ในแง่ของการเป็นร้านกาแฟมากกว่า Amazon ของเจฟ เบซอส แต่รายได้จากการขาสินค้าและบริการของ Amazon โดยน้ำมือของเจฟ เบซอสนั้น มากมายชนิดที่คนไทยทั้งประเทศรวมกันก็มีหนาว
ชายที่ชื่อเจฟ เบซอส นี้เริ่มต้นธุรกิจของเขาจากการเป็นพนักงานในบริษัทด้านการเงินแห่งหนึ่ง และทำงานเกี่ยวกับอินเตอร์เน็ต หลังจากที่เห็นว่าอินเตอร์เน็ตต้องกลายเป็นสิ่งที่คนทั้งโลกใช้แน่ๆ จึงผันตัวมาทำงานเกี่ยวกับอินเตอร์เน็ตเต็มตัว โดยเริ่มจากการขายหนังสือ Online ในชื่อ Amazon ก่อนจะกลายมาเป็นผู้ให้บริการด้าน Cloud ที่โกยรายได้เกินปีละ 7พันล้านบาท กลายเป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลกด้วยทรัพย์สินสุทธิราวๆ3ล้านล้านบาท และนั่นมาจากการทำธุรกิจด้านอินเตอร์เน็ตเป็นหลัก
เจฟ เบซอส มหาเศรษฐีเจ้าของ Amazon
ไม่รู้เพาะว่าวงการรถยนต์ราวกับเค้กชิ้นใหญ่ที่ทำให้ทุกคนอิ่มและอร่อยทุกครั้งที่ได้ส่วนแบ่งจากมันหรืออย่างไร วันนี้ขณะที่เจฟ เบซอส ยังคงร่ำรวยมหาศาลแต่ยังไม่หยุดแค่การขายหนังสือ online หรือให้บริการ Cloud เท่านั้น เพราะ Amazon ยังคลืบคลานเข้ามายังวงการรถยนต์ด้วย ไม่ใช่แค่เรื่องเดียวแต่มีหลายเรื่อง มาดูกันว่าเขาทำอะไรบ้างกับวงการรถยนต์
การลงทุนในรถยนต์รถไฟฟ้าที่กระแสกำลังมาแรง และดีเซลกำลังกลายเป็นวายร้าย ทำให้ค่ายรถยนต์ต่างๆหันหน้ามาพัฒนารถยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้น แบรนด์หนึ่งที่เป็นผู้พัฒนารถยนต์ไฟฟ้าที่น่าจับตามองก็คือ Rivian ซึ่งเริ่มต้นจากการเป็น StartUp ในสหรัฐอเมริกา เหตุผลที่แบรนด์ Rivian น่าจับตามองเกี่ยวกับการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าก็คือ ด้วยความที่เป็น StartUp แต่การวางตำแหน่งทางการตลาดของตัวเองนั้นชัดเจนมาก คือ การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในรูปแบบรถกระบะ และรถยนต์เอสยูวี ไม่เพียงเท่านั้นยังวางตำแหน่งตัวเองให้เป็นรถหรูไปด้วยพร้อมๆกัน ซึ่งปกติเราจะไม่ค่อยเห็น StartUp วางตำแหน่งตัวเองทางการตลาดแบบนี้เท่าไร นอกจากนั้นสมรรถนะก็ไม่ได้แย่ นั่นคือเหตุผลที่ทุกวันนี้หลายฝ่ายกำลังจับตามอง
มากกว่าจับตามองแต่อยากจับจองมาลงทุน
จากการประกาศตนเองสู่สาธารณะชนว่าเป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าหรูที่สลัดคราบดีไซน์เดิมๆไปหมด เตรียมตัวที่จะยกระดับบริษัทตัวเองให้เข้าสู่วงการรถยนต์อย่างเต็มตัวชนิดที่ไม่ไว้หน้ารุ่นพี่ที่สั่งสมชื่อเสียงมายาวนานกว่าร้อยปี ทางRivian จึงเป็นรับแหล่งทุนใหม่ นั่นคือนโยบายหลักของการเป็น StartUp เลย และแหล่งทุนที่สามารถเข้ามาเป็นฐานที่มั่นคงได้ก็ไม่ใช่ใครอื่นในวงการเทคโนโลยีนั่นก็คือ Amazon นั่นเอง Amazon ก็สนใจอยากจะลงทุนใน Rivian ด้วยเช่นกัน การลงทุนนี้ ไม่เพียงแต่บริษัทด้านเทคโนโลยีเท่านั้น เพื่อให้สินค้ารถยนต์ของตัวเองพัฒนาไปอีกระดับ GM เองก็สนใจอยากลงทุนด้วยเช่นกัน เรียกว่าสองแรงประสานกันมาลงทุนใน Rivian จากสองอุตสาหกรรมของโลก นับว่าเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่สำหรับ Rivian จริงๆ
Rivian มีจุดยืนที่ชัดเจนว่าจะเป็นแบรนด์รถไฟฟ้าหรูประเภทกระบะและSUV
เพิ่มเติม
>> Rivian R1T รถกระบะ Off-Road พลังงานไฟฟ้า คันแรกของโลก พร้อมเปิดขายปี 2020
>> ไม่ใช่แค่ อาจ แต่ยกเลิกการผลิต Chevrolet Volt จริง
ลงทุนกันมากน้อยแค่ไหน
เม็ดเงินที่ทั้ง Amazon และ GM จะใส่เข้ามาในการลงทุนกับ Rivian นั้นคาดการณ์กันไว้ว่าน่าจะประมาณ 30,000 – 60,000 ล้านบาท และการลงทุนในครั้งนี้ ไม่ใช่การควบรวมกิจการ หรือว่าการครอบครองสัดส่วนการถือหุ้น แต่เป็นการร่วมมือกันนับเม็ดเงินมาพัฒนาต่อยอดค้นคว้าสิ่งใหม่ๆต่างๆอย่างแท้จริง
การร่วมธุรกิจกันของ Amazon, GM และ Rivian น่าจะสร้างอะไรใหม่ๆได้ในวงการรถยนต์แน่ๆ
การขายสินค้าเป็นงานถนัดของ Amazon การเป็นนายหน้าก็เช่นกัน Amazon มีบริการหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า Amazon Vehicles ฟังเผินๆเหมือนกับว่า Amazon ขายรถยนต์ แต่จริงๆแล้วไม่ใช่เช่นนั้น บริการชื่อนี้ของ Amazon คือเป็นตัวช่วยให้ลูกค้าที่สนใจรถยนต์สามารถหารถยนต์และเปรียบเทียบรถยนต์ต่างๆได้ก่อนซื้อ แต่จะไม่สามารถซื้อรถยนต์ได้จากบริการนี้ สิ่งที่สามารถซื้อได้คือชิ้นส่วนประดับยนต์ต่างๆ หรือจะอ่านรีวิวที่เป็นประโยชน์ได้ทั้งรถยนต์ใหม่และเก่า การบริการแบบนี้จะให้ข้อมูลรถยนต์แก่ลูกค้าได้อย่างชัดเจนขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ใหม่ของ Tesla หรือรถยนต์เก่าๆอย่าง Ford Mustang ที่ 65 ก็สามารถหาข้อมูลได้ ที่ผ่านมา Tesla Model S ใน Amazon Vehicles นี้ได้รับการโหวตสูงสุดซึ่งผลแบบนี้ส่งผลต่อยอดขายอย่างแน่นอน ทีนี้ค่ายรถยนต์ต่างๆก็จำเป็นต้องพัฒนารถยนต์ให้ดีขึ้นและดีขึ้น เพราะหากคุณภาพแย่และลูกค้ามาเจอข้อมูลใน Amazon Vehicles ยอดขายคงเละไปกันใหญ่
*สนใจซื้อรถ Ford Mustang มือสอง, Tesla Model S มือสอง ราคาสวยๆ กดดูที่นี่ได้นะครับ
ให้ข้อมูลแก่ลูกค้าในรถยนต์รุ่นต่างของ Amazon
Amazon ให้รายละเอียดของรถยนต์ทั้งรุ่นทั้งราคาและสเปก เรียกว่าครบ
3. การขายรถยนต์ online
การตกแต่งดีเลอร์ให้ดูดีมีระดับ นับเป็นเทคนิคอย่างหนึ่งในการแสดงออกถึงภาพลักษณ์ของแบรนด์ แต่หลังจากที่รถยนต์สามารถขายผ่าน online ได้ ก็นับเป็นก้าวสำคัญในการขยายช่องทางการขายรถยนต์อย่างแท้จริง เพราะไม่ว่าจะซื้อที่ไหน รถยนต์ที่ได้มาก็แทบจะไม่ต่างกัน หากรถยนต์คันนั้นเป็นคันที่เราหมายปองไว้แล้วทั้งสเปกและราคา ไม่ว่าจะซื้อจากเซลล์แมนหรือว่าซื้อจากเว็บไซต์ ก็แทบให้ผมไม่ต่างกัน
รถยนต์ก็เอามาขายOnline แล้วใน Amazon เริ่มกันที่ Fiat
Amazon มีการร่วมมือกับค่ายรถยนต์ Fiat ค่ายผู้พัฒนารถยนต์จากประเทศอิตาลี ทำให้สามารถซื้อรถยนต์จากเว็บไซต์ได้ในปัจจุบัน ดังนั้นใครที่สนใจซื้อรถยนต์ Fiat สามารถซื้อได้จากร้านค้าออลไน์ของ Amazon ได้เลย โดยรถยนต์ที่นำมาขายร่วมกับ Amazon นั้นมีด้วยกันทั้งหมด3รุ่นคือ Fiat 500, Fiat 500L และ Fiat Panda แต่การนำมาขายแบบนี้จะดึงใจผู้ซื้อได้ไม่ใช่แค่เรื่องความสะดวกสบายเท่านั้น แต่เป็นส่วนลดในขณะที่ซื้อต่างหาก เพราะว่าจะได้ราคารถยนต์จากการซื้อผ่านเว็บไซต์ที่ถูกลงไปถึง 33%เมื่อเทียบกับการซื้อผ่านโชว์รูม ตัวเลขนี้ช่างเย้ายวนใจทำให้หลายๆคนหันไปซื้อรถยนต์ด้วยวิธีนี้กันแล้ว ซึ่งหลังจากทำรายการเสร็จ เพียง2สัปดาห์ก็ได้รถมาใช้ และแน่นอน การขายแบบนี้น่าจะทำให้ยอดขายของ Fiat ขายดีขึ้นด้วย
การร่วมมือกันทำมาหากินของ Amazon กับ Fiat ทำให้ Win-Win ทั้งสองฝ่าย
นี่คือบริการคร่าวๆของ Amazon ที่ใช้รถยนต์มาช่วยในการสร้างธุรกิจให้กับตนเองไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า การให้ข้อมูลด้านรถยนต์ หรือแม้แต่ขายรถยนต์ Online เลย จากจุดเล็กๆของการขายหนังสือ Online กลายเป็นชายที่ร่ำรวยที่สุดในโลกแบบนี้ นับว่าควรเอาเป็นแบบอย่างจริงๆ โดยเฉพาะการร่วมลงทุนพัฒนารถยนต์น่าจะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้วงการรถยนต์แน่ๆ
เพิ่มเติม
>> Telenav จับมือ Amazon ยัดระบบเสียง Alexa เข้าไปในไกด์นำทางในรถ
>> เมื่อ Alexa มาอยู่ในรถยนต์ SEAT
ติดตามข่าวสารรถยนต์ เชิญที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสองสภาพดี เชิญเข้าดูที่ตลาดรถตรงนี้