รถยนต์ที่เคยขายได้ดีอย่าง Chevrolet Volt ที่ทำตลาดมาอย่างยาวนาน กำลังจะเลิกผลิตและไม่ทำตลาดต่ออย่างเป็นทางการแล้ว ขณะที่คู่แข่งยังเดินหน้าต่อไป
หลังจากที่มนุษย์เริ่มมาสนใจเรื่องสุขภาพมากขึ้น ไม่เพียงแค่สนใจสุขภาพเท่านั้น ยังหันมาสนใจสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้นด้วย โดยเฉพาะจากค่ายรถยนต์ต่างๆที่สร้างรถยนต์ออกมานับล้านคัน ปล่อนไอเสียที่ทำลายชั้นบรรยากาศไปมากเมื่อเทียบกับร้อยปีก่อน ดังนั้นบรรดาค่ายรถยนต์เองก็มีจิตสำนึกที่จะสร้างรถยนต์ที่ทำลายสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ นั่นคือที่มาของรถยนต์ไฟฟ้าที่นับว่าเป็นนวัตกรรมที่จะมาเปลี่ยนแปลงวงการอุตสาหกรรมรถยนต์ของโลกอย่างแน่นอน น่าจะในช่วงอายุของพวกเราคงจะได้เห็นรถยนต์ไฟฟ้าวิ่งกันเกลื่อนถนนและมาแทนที่รถยนต์ใช้น้ำมันสันดาบภายในกันได้แน่ๆ นอกจากนั้นการเปิดตัวของรถยนต์ Tesla ที่ทำงานด้วยพลังงานไฟฟ้า รวมไปถึงชื่อเสียงของชายผู้ที่ได้ชื่อว่าจะมาเปลี่ยนโลกอย่าง Elon Musk ทำให้วงการรถยนต์ดูจะคึกคักมากขึ้นไปอีก
ในประเทศไทยเองก็ไม่น้อยหน้า เพราะหลังจากค่ายฮุนไดนำรถยนต์ Hyundai Ioniq ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าทั้งคันมาเปิดตัวให้ชมกันตั้งแต่ปี 2017 และก็นำออกขายแล้วในปี 2018 แต่ด้วยโควต้าของรถยนต์ที่มีจำกัดรวมถึงชื่อเสียงของแบรนด์ที่ยังไม่อาจเรียกความมั่นใจจากลูกค้าชาวไทยได้ ทำให้วงการรถยนต์ไฟฟ้าในไทยยังไม่คึกคักมากนัก จนกระทั่ง Nissan ค่ายยักษ์ใหญ่ที่เคยเปิดตัวรถยนต์อีโคคาร์คันแรกของวงการรถยนต์ประเทศไทยและกวาดรายได้ไปมากมายตั้งแต่สมัย Nissan March นั้น มาวันนี้ก็กลับมาตอกย้ำความสำเร็จอีกครั้งเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า Nissan Leaf สร้างความฮือฮาให้กับวงการรถยนต์บ้านเราได้อีก เพราะยังไม่มีคู่แข่งออกมาชนกันตรงๆมากนัก
>> Nissan Leaf ไฟฟ้าล้วน ปะทะ Toyota Hybrid
Nissan Leaf ก็ยังเข้ามาให้คนไทยได้เป็นเจ้าของแล้ว
ในทางกลับกัน รถยนต์ไฟฟ้าจากค่าย Chevrolet ที่มีนามว่า Volt กลับมียอดขายที่ลดลงเรื่อยๆและจะยกเลิกการผลิตในปี 2019 นี้ Chevrolet Volt และ Nissan Leaf ออกมาเป็นคู่แข่งกันตั้งแต่ปลายปี 2010 และก็มีหลายฝ่ายจับตามองกันในตอนนั้นว่าฝั่งอเมริกาหรือญี่ปุ่นที่จะไปได้ไกลกว่ากันหลังจากเปิดตัว แต่ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรก็ตาม ณ ชั่วโมงนี้ Chevrolet Volt กำลังมาถึงบทส่งท้าย ที่ทาง General Motors เห็นแล้วว่าจะไม่ทำตลาดอีกต่อไป และก็จะมีหลายโรงงานปิดตัวลงด้วยในปี 2019 นั่นรวมถึงโรงงาน Detroit-Hamtramck Assembly ที่เป็นสถานที่ให้กำเนิด Chevrolet Volt มาโดยตลอด Chevrolet Volt คันนี้เคยเป็นรถยนต์ Plug-in Electric Car ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในสหรัฐอเมริกาด้วยยอดขายถึงปัจจุบันรวมแล้ว 148,556 (ข้อมูล ณ เดือนตุลาคม 2018) ในขณะที่ Tesla Model S ทำยอดไปได้ 138,000 คัน นับตั้งแต่กลางปี2012 และมีความเป็นไปได้สูงว่าก่อนที่ Chevrolet Volt จะปิดตัวลง Tesla จะทำยอดขายแซงหน้าได้สำเร็จ ส่วนทางด้านNissan Leaf ทำยอดไปรวม 126,747 คัน เรียกได้ว่า ทั้ง Tesla และ Nissan ทำยอดได้ไม่หนี Chevrolet Volt เลยทีเดียวและก็ยังคงเดินหน้าทำตลาดและกวาดยอดขายต่อไป
โฉมหน้าของ Chevrolet Volt ที่กำลังจะเลิกทำตลาด
ในสหรัฐอเมริกา แบรนด์ที่ทำรถยนต์ไฟฟ้าออกมาแรกๆอย่าง Chevrolet Volt ตั้งแต่ปี2010 ย่อมชิงส่วนแบ่งทางการตลาดได้ก่อนแบรนด์อื่นๆเป็นธรรมดา และยอดขายของ Volt ในรุ่นแรกก็ทำไปกว่า 23,000 คันต่อปีในต่อมาก็ลดลงเรื่อยๆเมื่อกำลังเข้าสู่ Generation ที่2 เพราะคนคงรอ Generationที่2ออกมาขายอย่างเป็นทางการในปี2016 จะได้รถรุ่นใหม่ที่แก้ปัญหาต่างๆเรียบร้อยแล้ว ทำให้ในปี2016ยอดขายของ Chevrolet Volt กลับมาร้อนแรงอีกครั้งเพราะทำยอดขายต่อปีได้สูงสุดตั้งแต่เปิดตัวมา 24,739 คัน แต่หลังจากนั้นยอดก็ตกลงเรื่อยๆราวกับคนใช้แล้วไม่พอใจไม่ชักชวนหรือบอกต่อ ยอดตกลงมาเหลือ 20,349คันในปี 2017 และเหลือ 14,718 คันในปี2018 (ยอดถึงเดือนตุลาคม) และท้ายที่สุดก็จะปิดตัวลงในช่วงเดือนมีนาคมปี2019
ดูเพิ่มเติม
>> เปรียบเทียบรถพลังไฟฟ้า!!! Hyundai IONIQ กับ Nissan leaf
>> Nissan Leaf 2019 ในไทย ควรจะมีราคาสักเท่าใด จึงจะเหมาะสม?
Chevrolet Volt Generationที่1 ไม่ได้ทำตลาดแค่ในประเทศสหรัฐอเมริกาแต่ยังทำตลาดไปทั่วโลกที่สามารถนำรถยนต์ไฟฟ้าเข้าไปขายได้ เช่นในประเทศแคนนาดาหรือออสเตรเลีย (ในออสเตรเลียใช้ชื่อว่า Holden Volt) ต่างกับ Chevrolet Volt Generation ที่2 ที่น่าจะเพราะว่ายอดขายของรุ่นแรกทำไว้ได้ไม่ดีนัก จึงทำตลาดเฉพาะในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น ในปี2017 General Motors ได้นำรถยนต์ Buick Velite5 เข้าไปทำตลาดในประเทศจีนซึ่งเป็นรถยนต์ที่มีพื้นฐานมาจาก Chevrolet Volt Generationที่2 แต่มีการปรับใช้ชิ้นส่วนบางอย่างภายในประเทศจีนเพื่อเป็นการลดต้นทุน อย่างไรก็ตามยอดขายก็ไม่ค่อยเป็นที่น่าพอใจนัก เพราะตลอดเวลาเกือบ2ปีที่เข้าไปทำตคลาด ขายได้เพียงหลัก2-3พันคันเท่านั้น นั่นหมายความว่าประชาชนชาวจีนไม่ได้อยากจะให้รถยนต์รุ่นนี้ทำตลาดต่อไปเป็นแน่
Chevrolet ก็เคยพยายามทำตลาดในประเทศจีนแต่ก็ไม่ไหว
นั่นทำให้อนาคตของ Chevrolet Volt ต้องหยุดลงแค่ Generationที่2 เพราะเห็นชัดกันแล้วว่าหากพยายามดึงดันทำตลาดต่อไป อาจไม่ส่งผลดีและจะกลายเป็นขาดทุนด้วยซ้ำ เพราะยอดที่น้อยจะส่งผลต่อต้นทุนที่มาก แต่ถ้าขายยอดได้มากจะไปเฉลี่ยให้ต้นทุนต่อคันถูกลง ซึ่งจากที่ฟังคำวิพากย์วิจารณ์จากผู้ใช้รถยนต์ Chevrolet Volt ในสหรัฐอเมริกา รถยนต์คันนี้มีปัญหาด้านการบริการหลังการขาย กล่าวคือเมื่อรถยนต์มีปัญหาและส่งเข้าศูนย์บริการ ปัญหามักจะไม่ได้รับการแก้ไขให้เป็นที่น่าพอใจกับลูกค้า ประกอบกับการเข้ามาทำตลาดพอดิบพอดีของ Tesla ที่ทำให้หลายคนหันไปใช้รถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla มากขึ้นด้วย (ก็อย่างที่หลายๆคนทราบว่า Elon Musk ถนัดด้านการสร้างข่าวสร้างกระแส) ดังนั้นชื่อเสียงของแบรนด์จึงมีผลต่อการตัดสินใจซื้อของประชาชนในสหรัฐอเมริกา แม้ว่าในแต่ละแบรนด์ รถยนต์ไฟฟ้าแต่ละคันก็ย่อมต้องมีจุดด้อยให้แก้ไขกันระหว่างใช้บ้างไม่มากก็น้อย แต่อยู่ที่ว่าแบรนด์ไหนจะรับมือได้ดีกว่ากัน
Chevrolet Volt มีปัญหาด้านบริการหลังการขาย
เมื่อย้อนกับมามองรถยนต์ไฟฟ้าในเมืองไทยแล้ว นับจากนี้ก็คงเป็นโอกาสดีที่จะได้จับตามองว่าแบรนด์ต่างๆที่กำลังจะนำรถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาในประเทศไทยจะเตรียมพร้อมในด้านตัวรถยนต์มาได้ดีแค่ไหน เพราะสภาพถนน สภาพภูมิประเทศ สภาพอากาศ ล้วนแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศหรือทวีป แม้ว่ารถยนต์คันนั้นจะใช้ได้ดีในอีกซีกโลกหนึ่ง ก็ยังไม่แน่ว่ามันจะใช้ได้ดีจริงในประเทศไทย ก็คงอีกไม่นานแล้วที่เราจะได้เห็นข้อเท็จจริงกัน และนั่นจะเป็นกุญแจสำคัญ หากทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี รถยนต์ไม่มีปัญหา ศูนย์บริการมาตรฐาน เราคงได้เห็นรถยนต์ไฟฟ้าวิ่งกันในบ้านเรามากขึ้นแน่นอนครับ