ในปัจจุบันรถยนต์ที่อยู่บนท้องถนนส่วนใหญ่เป็นรถเกียร์ออโต้หรืออัตโนมัติ ด้วยความสะดวกสบายทำให้คนส่วนใหญ่เลือกเกียร์ออโต้มากกว่า แต่ก็ยังมีเกียร์ธรรมดาอยู่อย่างกระบะที่ยังแล่นอยู่บนท้องถนน ซึ่งผู้ขับก็ต้องใช้การเรียนรู้มากกว่ารถเกียร์ออโต้
วันนี้ทาง Chobrod.com มี 5 ข้อควรรู้สำหรับคนขับรถเกียร์ธรรมดา เพื่อให้มีความปลอดภัย เลี่ยงการอุบัติเหตุ ซึ่งทางเราก็ได้รวบรวมมาให้ ซึ่งหลายคนอาจรู้แล้ว แต่หลายคนก็ยังไม่รู้
หลายคนเข้าใจว่าการเอามือจับหัวเกียร์ไว้ตลอดเป็นความสะดวกทำให้เปลี่ยนเกียร์ได้สะดวก แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ เนื่องจากว่าการขับด้วยมือเดียวอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายกว่า ซึ่งการขับรถควรจับพวงมาลัยด้วยมือทั้งสองข้าง เวลาที่จะเปลี่ยนเกียร์ค่อยนำมือมาเลื่อนเปลี่ยนเกียร์ เพื่อผู้ขับขี่จะสามารถรับมือกปับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา นอกจากนี้การเอามือจับคาเกียร์ าอจทำให้กลไกที่เช่ือมต่อหลวม ส่งผลต่อชุดเกียร์
อย่าเอามือจับหัวเกียร์ไว้ตลอด
บางคนอาจเข้าใจว่าเราควรใช้เกียร์สูง 5 หรือ 6 เร่งความเร็วจากช่วงที่รอบเครื่องต่ำมาก เพราะเข้าใจว่าเกียร์สูงในรอบเครื่องต่ำเร่งแล้วจะประหยัดน้ำมัน แต่ความจริงแล้วการคาเกียร์สูงในรอบต่ำแล้วเร่งเครื่องยนต์จะทำงานหนักมากกว่าปกติ เนื่องจากจะทำทำให้ชุดเกียร์สะสมความร้อนมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาขับขึ้นทางชันแต่ดันใช้เกียร์สูง ซึ่งอาจทำให้เครื่องยนต์เกิดโอเวอร์ฮีทจนอุณหภูมิหม้อน้ำทะลุจุดเดือด และเกิดอุบัติเหตุได้
การขับรถเกียร์ธรรมดาลงเขาที่เหมาะสมคือ เลือกเกียร์ต่ำให้เหมาะสมกับสภาพความลาดชัน หากชันมากก็ใช้เกียร์ 1 หรือ 2 จากนั้นดูรอบเครื่องว่าลากเกียร์นานเกินไปหรือเปล่า หากมากเกินไปก็ใช้เบรกทีละน้อยพร้อมประคองความเร็วให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่ควรคาเกียร์ต่ำแล้วจะไม่เบรกเลย
ใช้เกียร์ต่ำมากกว่าใช้เบรกเวลาลงเขา
หลีกเลี่ยงการเอาเท้าไปวางไว้ที่แป้นคลัทช์อยู่ตลอดเวลา ซึ่งน้ำหนักเท้าอาจไปกดชุดคลัทช์ให้ยกขึ้นจนส่งกำลังจากเครื่องสู่เกียร์ได้ไม่แนบสนิท ทำให้แผ่นคลัทช์อาจจะเสียดสีตลอดเวลา จนชุดคลัทช์สึกหรอไวกว่าปกติ แต่ถ้าหนักมากก็อาจจะถึงขั้นคลัทช์ไหม้ ดังนั้นเวลาเปลี่ยนเกียร์เสร็จทุกครั้งผู้ขับขี่จึงควรยกเท้าซ้ายออกไปวางไว้ที่แป้นพักเท้า
ข้อแนะนำสำหรับการขับรถเกียร์ธรรมดาในเมืองคือให้แค่ถอนคลัทช์ให้เหมาะรถก็ไหลโดยไม่ต้องเร่ง แค่ใช้เกียร์ 1 หรือ 2 ขึ้นอยู่กับประเภทของเครื่องยนต์ เวลารถคันหน้าเคลื่อนก็ไหลไปตามจังหวะจราจรเราก็แค่ถอนคลัทช์ออกช้าๆ ไม่ต้องเติมคันเร่ง เมื่อด้านหน้าเริ่มจะหยุดก็เหยียบคลัทช์เข้าเกียร์ว่างและเตรียมชะลอเบรก ซึ่งช่วยประหยัดผ้าเบรกรวมถึงน้ำมันที่ใช้เร่งเครื่อง เนื่องจากเราให้รถเดินไปข้างหน้าด้วยรอบเครื่องที่ต่ำ (Idle Speed) ที่มีความเร็วไม่เกิน 10 กม./ชม. และการใช้เบรกก็มีเพียงนิดหน่อยเท่านั้น
หากขับในเมืองแค่ถอนคลัทช์ให้เหมาะรถ
ดูเพิ่มเติม