5 จุดบอดเวลาขับรถ ที่ต้องระวังเป็นพิเศษ
ประสบการณ์ใช้รถ |
15 มิ.ย 2560
มาดู 5 จุดบอดเวลาขับรถ ที่เราต้องระวังเป็นพิเศษ ทั้งการปรับกระจกมองข้าง และกระจกมองหลังให้ถูกวิธี เพื่อการขับรถที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงปลอดภัยทั้งต่อตนเองและคนรอบข้าง
- จุดบอดจากเสาเอ คือ เสาที่ติดตั้งกระจกคู่หน้านั่นเอง ประกอบกับรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่เน้นความเป็นสปอร์ตมากขึ้น ด้วยการปรับเสาเอให้มีความลาดเอียง รวมถึงมีขนาดใหญ่หรือหนาขึ้นเพื่อเพิ่ทความปลอดภัย บางรุ่นอาจติดตั้งม่านถุงลมนิรภัยไว้ด้วย จึงทำให้เกิดจุดบอดที่มองไม่เห็นได้ โดยเฉพาะด้านขวา เมื่อผู้ขับขี่จะเลี้ยวรถ หรือกลับรถ วิธีแก้ที่เหล่าบรรดาผู้ผลิตรถยนต์แนะนำให้ผู้ขับขี่ คือ “อย่าปรับเบาะนั่งให้สูงเกินไป โดยให้วัดระดับศีรษะของผู้ขับขี่กับหลังคารถจะต้องมีมากกว่า 6 นิ้ว” แต่แนะนำว่า บางทีจะต้องโยกศีรษะมาข้างหน้า หรือเอียงศีรษะมาดูบ้าง เอาให้เห็นชัดเจนแล้วค่อยเลี้ยวไปจะดีกว่า
ระวังจุดบอดจากกระจกมองข้าง
- จุดบอดจากกระจกมองข้าง อันนี้เจอกันบ่อยแน่นอน เพราะเป็นจุดที่อยู่นอกเหนือจากองศาการมองเห็นของกระจกที่เราปรับไว้ ส่วนใหญ่จะเป็นจุดที่รถจังหวะเกือบจะตีคู่กับรถของเรา วิธีแก้ไข คือ ปรับท่านั่งในแบบที่ถนัดและถูกต้องตามหลักขับขี่ที่ปลอดภัย หลังจากนั้นปรับกระจกมองข้างให้มองเห็น ทั้งตัวรถด้านข้างและพื้นผิวถนน รวมถึงเส้นแบ่งเลน แต่ไม่ควรสูงเกินไป ที่สำคัญผู้ขับขี่จะต้องไม่เคลื่อนศีรษะก้มลงไปมอง แต่ให้ใช้เพียงการหันศรีษะเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ให้ทำแบบนี้ทั้งด้านซ้ายและขวา
กระจกมองหลัง กระจกมองข้าง ควรปรับอย่างไรให้ ปลอดภัย และถูกวิธี
จุดบอดกระจกมองหลัง
- จุดบอดกระจกมองหลัง บางคนแทบไม่ให้ความสำคัญในจุดนี้ เพราะใช้กระจกมองข้างซะส่วนใหญ่ หรือบางทีเอาไว้มองหน้าตัวเอง หรือดูผู้โดยสารด้านหลัง สร้างมุมอับให้กับตัวเองไปอีก เลิกทำนะครับ กระจกมองหลังนั้นมีประโยชน์อย่างมาก ทั้งในการแซง การเปลี่ยนเลน การถอยรถ ซึ่งกระจกมองหลังจะ ต้องมองเห็นกระจกที่อยู่ด้านหลังได้ทั้งบาน และต้องปรับด้วยองศาที่มองไม่เห็นศีรษะของเราเราเรามาดูเทคนิคการใช้กระจกมองหลังในการแซงกัน ในกรณีแซงแล้วต้องกลับมาที่เลนซ้ายเหมือนเดิมนั้น บางคนใช้กระจกมองข้างไม่ถนัด ว่าท้ายเราพ้นจากคันที่แซงแล้วหรือยัง ให้ใช้วิธี เมื่อแซงขึ้นมาแล้วให้มองที่กระจกมองหลัง ถ้าเห็นหน้ารถคันที่เราแซง ขึ้นมาอยู่ในกระจกมองหลังแล้ว ให้เรากลับเข้าเลนซ้ายได้เลย เพราะได้ระยะห่างประมาณ 2-3 ช่วงตัวรถเราพอดี และไม่เป็นการแซงปาดหน้าด้วย
- จุดบอดจากรถที่ใหญ่กว่า จำไว้เลยว่า ถ้าต้องขับรถตามหลังรถใหญ่กว่า ให้เว้นระยะห่างให้มากที่สุด และระยะที่เหมาะสม คือ เราสามารถมองเห็นเลนที่สวนทางมาได้อย่างชัดเจน ถ้ามีโอกาสได้ให้แซงขึ้นไปทันที และ ห้ามแซงซ้ายเป็นอันขาด จุดบอดของรถใหญ่ด้านซ้ายจะมีมาก เพราะผู้ขับรถใหญ่จะมองไม่เห็นเรา เมื่ออยู่ด้านซ้ายรถเขานะครับ
จุดบอดเวลาขับรถ
- จุดบอดจากสภาพถนน มีทั้งทางโค้ง ทางขึ้นลงเนิน ในส่วนของทางโค้งนั้น ให้ปฏิบัติตามป้ายเตือนที่อยู่ข้างทางอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะเส้นทางที่เราไม่ชิน หรือเพิ่งไปเป็นครั้งแรก ห้ามแซงในทางโค้ง และอย่าวิ่งตัดโค้งเป็นอันขาด ส่วนของการขับขึ้นเนินนั้น อย่าใช้ความเร็วเป็นอันขาด เพราะเราไม่เห็นปลายทางที่เราจะไปต่อ ถ้าขับในเวลากลางคืนให้ใช้สัญญาณไฟสูงช่วย เพื่อแสดงให้รถที่สวนขึ้นมาอีกด้านเห็นเราด้วย
>> ดูเพิ่มเติม:
ข้อไหนที่คุณเคยทำ? กับ 7 พฤติกรรมแย่ๆ ที่ควรเลิกทำบนท้องถนน
ประกันรถยนต์คุ้มครองแค่ไหน ถ้าโดนชนแล้วหนี ?
ทำไมต้องขับหน้า – ทำไมต้องขับหลัง?