ถ้าพูดถึงกลิ่นอันไม่พึงประสงค์นานานับประการแล้ว กลิ่นควันบุหรี่ ก็ถือเป็นกลิ่นที่ขึ้นชื่อในอันดับต้นๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเหม็น หรือการติดแน่นทนนาน ที่ยากจะกำจัดออก แม้จะเช็ดล้างมามากมาย ทว่า เราก็มีวิธีการกำจัดกลิ่นบุหรี่ให้หายขาดจากรถยนต์มาฝากพี่ๆ น้องๆ กันครับ
สูบบุหรี่ในรถยนต์
มีคนจำนวนไม่น้อยมักจะสูบบุหรี่ในขณะขับรถด้วยความเข้าใจอย่างหนึ่งว่า การเปิดกระจกสูบบุหรี่ แล้วขับรถไปด้วยนั้น ลมจะช่วยพัดเอากลิ่นออกไป ซึ่งจะทำให้ห้องโดยสารไม่เหม็น ทว่าในความเป็นจริงแล้ว การที่เราเปิดกระจกนั้น มันยิ่งทำให้ควันบุหรี่โถมเข้าสู่ห้องโดยสาร และทำให้กลิ่นควันเหล่านั้นติดทนนาน เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคไปในตัวอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ปัญหาเหล่านี้สามารถจัดการได้ง่ายๆ ดังนี้
1.สเปรย์ปรับอากาศ การใช้สเปรย์ปรับอากาศนั้น นับเป็นทางเลือกแรก ในการขจัดกลิ่นต่างๆ ในปัจจุบันสเปรย์ปรับอากาศมี 2 ชนิด คือ สเปรย์สร้างกลิ่น และดับกลิ่น ให้คุณเลือกสเปรย์แบบที่ 2 มาใช้ โดยฉีดให้ทั่วรถ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่องแอร์ปรับอากาศ และซอกต่างๆ จากนั้นให้ปิดประตูทิ้งไว้ 1 คืน และเปิดหน้าต่างระบายกลิ่นออกให้หมด
สเปรย์ดับกลิ่น
2.ทำความสะอาดภายในห้องโดยสาร เมื่อเราดำเนินการตามขั้นตอนแรกไปแล้ว ในกรณีที่กลิ่นบุหรี่ไม่หนักมากนั้น มันก็จะหายไปในทันที แต่ก็อย่าเพิ่งวางใจ เพราะควันจากบุหรี่เหล่านั้น มักอยู่ในทุกๆ ที่ โดยเฉพาะในปัจจุบัน ที่รถแทบทุกรุ่นมีการบุพรม ซึ่งทางที่ดีเราควรนำพรมเหล่านั้นไปซัก โดยอาจจะใช้บริการจากร้านล้างรถ
ไม่ใช่แค่เพียงพรมเท่านั้น ที่เราต้องทำความสะอาด แต่ชุดพลาสติกภายในต่างๆ โดยเฉพาะกระจก และแผงประตูต่างๆนั้น ก็เป็นที่สิงสถิตย์ของควันบุหรี่อีกด้วย ซึ่งในการขจัดกลิ่นออกจากอุปกรณ์พวกนี้นั้น ควรใช้น้ำเปล่าผสมกับน้ำยาฆ่าเชื้อโรค เช่นเดทตอล หรือแอลกอฮอลล้างแผลผสมน้ำเปล่า ในอัตราน้ำ 500 ซีซี ต่อ 1 ช้อนโต๊ะ หรืออาจผสมน้ำส้มสายชูไปอีกซัก 1 ช้อนชา ก็จะช่วยให้สามารถขจัดคราบออกไปได้ง่ายขึ้น จากนั้นให้เช็ดทำความสะอาดด้วยผ้าสะอาด หรือทิชชู่ ส่วนบริเวณใดที่เป็นกระจกก็ให้ใช้น้ำยาเช็ดกระจกทั่วไปเช็ด
3.ทำความสะอาดระบบแอร์ โดยมากแล้วต้นตอของปัญหาเรื่องกลิ่นต่างๆนั้น มีปัญหาหลักอยู่ที่
ตู้แอร์ ซึ่งเป็นที่ๆ อากาศ ถูกนำไปปรับอุณหภูมิให้เย็นสบาย และเมื่ออากาศที่มีควันบุหรี่เจือปนเข้าไปเกาะด้วยแล้ว ก็จะทำให้เกิดกลิ่นไม่พึ่งประสงค์ต่างๆ ติดกลายเป็นคราบฝังแน่น และส่งกลิ่นเหล่านั้น อยู่เสมอเมื่อใช้งาน
ดังนั้น เราจึงควรต้องนำตู้แอร์ไปล้างตามศูนย์บริการ หรือร้านล้างรถบางแห่งที่มีเครื่องล้างตู้แอร์ ซึ่งปัจจุบัน การล้างตู้แอร์นั้น ไม่จำเป็นต้องถอดตู้มาล้างแล้ว แต่เขาจะมีเครื่องล้างตู้แอร์ ที่ใช้เวลาไม่นานนัก ส่วนค่าใช้จ่ายมีตั้งแต่ 1000-3000 บาท ซึ่งขั้นนี้น่าจะทำให้กลิ่นหายไปอย่างแน่นอน
4.แอบเปิ้ลเขียว…แปลกแต่จริง เป็นเรื่องแปลก แต่เชื่อหรือไม่ว่าแอบเปิ้ลเขียวนั้นมีความสามารถในการระงับสารนิโคตินอย่างได้ผล และแม้รถของคุณจะผ่านกระบวนการซักฟอกมาแล้วชุดใหญ่ แต่การนำแอบเปิ้ลเขียวมาผ่าแล้ววางไว้ตามจุดต่างๆ ในรถนั้น จะช่วยให้มันดูดซับนิโคตินที่อาจเหลืออยู่ ทำให้ได้ผลมากยิ่งขึ้น และทำให้ปัญหาหมดไปอย่างถาวร
กลิ่นบุหรีนั้นถือเป็นปัญหาที่น่ารำคาญอย่างหนึ่ง เพราะกลิ่นเหล่านี้เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคต่างๆมากมายที่ทำให้รถของคุณไม่น่าพิสมัยนัก อย่างไรก็ดี ปัญหาเหล่านี้สามารถจัดการได้ เพียงแต่ต้องเข้าใจ และใส่ใจกับมันนั่นเอง
>> ดูเพิ่มเติม:
- วิธีล้างห้องเครื่องแบบง่ายๆและสะอาดชัวร์
- ไม่ต้องทนอีกต่อไป! 3 เคล็ดลับแก้กลิ่นอับบนรถ ที่ง่ายแสนง่าย