สมัยนี้ข้าวของทุกอย่างแพงไปหมด รวมทั้งราคาน้ำมันที่ไม่มีวี่แววว่าจะลดลง ทำให้ทางค่ายรถยนต์ต่างๆ หันออกมาผลิตรถยนต์ประหยัดน้ำมันกันอย่างมาก
>>>
เทคนิคประหยัดน้ำมันง่าย ๆ ของคนญี่ปุ่น
การขับรถที่ดี นอกจากมีสติและถูกกฎจราจรแล้ว ในยุคเศรษฐกิจฝืดเคืองแบบนี้ ยังต้องรู้จักวิธีขับรถยนต์ให้ประหยัดน้ำมันอีกด้วย และวันนี้
ทาง Chobrod จะมาแนะนำ 11 เทคนิคการขับรถยนต์ช่วยประหยัดน้ำมันแบบง่ายๆ มาดูกันครับ
>>>
วิธีการซ่อมบำรุงและใช้รถมือสองให้ประหยัดน้ำมันที่สุด
1. การสตาร์ทเครื่องยนต์
เมื่อเครื่องยนต์ติดแล้ว ไม่จำเป็นต้องอุ่นเครื่องยนต์ขณะที่รถจอด เพียงขับเคลื่อนรถเบาๆ 1-2 กิโลเมตรเครื่องยนต์จะอุ่นเองไม่จำเป็นต้องอุ่นเครื่องยนต์แล้วจอด เพราะการติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้ 2 นาที สิ้นเปลืองน้ำมัน 40 ซีซี. และหลังไฟเตือนต่าง ๆ บนหน้าปัดดับลงแล้ว คุณก็สามารถเคลื่อนรถออกได้อย่างช้าๆแล้วค่อยๆเร่งเครื่องยนต์ทีละน้อยโดยไม่ควรใช้รอบสูงตรงนี้ทำให้เครื่องยนต์อุ่นตัวได้เร็วขึ้น
2. เบรกมีผลต่อการกินน้ำมันเชื้อเพลิง
ทุกครั้งที่เราเบรก ความเร็วจะลดถ้าต้องการไปต่อ เราก็ต้องเพิ่มความเร็วหรือเร่งเครื่องขึ้น โดยการปล่อยคันเร่งให้เร็วขึ้นเพื่อปล่อยให้รถไหล ไม่ใช่เบรกเพื่อปล่อยคันเร่งต่อหรือปล่อยคันเร่งช้า แล้วแตะเบรกและเร่งต่อ อย่างหลังจะเปลืองน้ำมันมากกว่านะครับ
3. หลีกเลี่ยงการเร่งคันเร่งทันทีทันใดบ่อยๆ
การเร่งเครื่องยนต์ขณะเกียร์ว่าง 10 ครั้งส่งผลให้รถจักรยานยนต์สิ้นเปลืองน้ำมัน 15 ซีซี.,
รถปิคอัพ รถตู้
รถแวน สิ้นเปลืองน้ำมัน100 ซีซี. และรถบรรทุก สิ้นเปลืองน้ำมัน 300 ซีซี.
4. ขับขี่ไม่เกินป้ายจำกัดความเร็ว
อัตราความเร็วรถที่เหมาะสมที่ช่วยประหยัดน้ำมันได้มากที่สุดคือ 60 - 80 ก.ม./ช.ม.
อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันในการขับรถยนต์ที่ความเร็วต่างๆ กัน เปรียบเทียบได้ดังนี้
- ความเร็ว 95 ก.ม./ช.ม. จะสิ้นเปลืองน้ำมั่นกว่า 80 ก.ม./ช.ม. ประมาณ 15%
- ความเร็ว 110 ก.ม./ช.ม. จะสิ้นเปลืองน้ำมั่นกว่า 80 ก.ม./ช.ม. ประมาณ 29%
- ความเร็ว 100 ก.ม./ช.ม. จะสิ้นเปลืองน้ำมั่นกว่า 90 ก.ม./ช.ม. ประมาณ 10%
- ความเร็ว 110 ก.ม./ช.ม. จะสิ้นเปลืองน้ำมั่นกว่า 90 ก.ม./ช.ม. ประมาณ 25%
5. ลดการใช้แอร์รถในช่วงเช้า หรือช่วงที่มีอากาศเย็น เพราะว่า หากคุณปิดแอร์รถเป็นเวลา 30 นาที ก็สามารถช่วยประหยัดเชื้อเพลิงได้ถึง 10-15 % เลยครับ
>>>
สิ่งไม่ควรทำกับแอร์รถยนต์
6. ควรมีการวางแผนเดินทางที่ดี
ควรหลีกเลี่ยงเส้นทาง ที่มีการจราจรติดขัด, ไม่หลงทาง และไม่ขับเลยจากจุดหมายปลายทาง ควรรู้จักวางแผนที่ดีก่อนการออกเดินทางด้วย เพื่อลดการสูญเสียน้ำมนโดยเปล่าประโยชน์ไปได้ มาก
7. ตรวจเช็คความดันลมยางอย่างสม่ำเสมอ
ยางที่มีลมอ่อนเกินไปจะทำให้รถกินน้ำมันมากขึ้น และยางมีอายุการใช้งานสั้น ในขณะเดียวกันหากลมยางแข็งเกินไป รถอาจเกาะถนนไม่ดี และยางก็มีอายุการใช้งานสั้นเช่นกัน เพราะฉะนั้นการตรวจเช็คความดันลมยางอย่างสม่ำเสมอ ถือว่าเป็นการกระทำที่สำคัญมาก
>>>
ลมยาง เติมยังไง ให้พอดี
8. ตรวจเช็คเครื่องปรับอากาศอย่างสม่ำเสมอ เช่น ปริมาณน้ำยาทำความเย็น ความสกปรกของคอยล์ร้อนคอยล์เย็น และไส้กรอง ฯลฯ เพื่อให้ระบบทำงานมี ประสิทธิภาพพร้อมทั้งปรับอุณหภูมิให้พอเหมาะ เพราะถ้าปรับอุณหภูมิต่ำเกินไปคอมเพรสเซอร์ก็จะทำงานหนัก มากขึ้น เป็นภาระให้เครื่องยนต์มากขึ้น ส่งผลให้อัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงก็มากขึ้นไปด้วย
9. ดูแลรักษาเครื่องยนต์เป็นอย่างดี
ด้วยการตรวจเช็ค และเปลี่ยนอะไหล่ตามที่ผู้ผลิตกำหนด ความบกพร่องของเครื่องยนต์ นอกจากจะเป็นผลให้เครื่องยนต์มีอายุ การใช้งานสั้นลงแล้ว ก็อาจจะเป็นผลให้เครื่องยนต์กินน้ำมันมากขึ้นด้วย อาทิ
- ไส้กรองอากาศตัน เพราะทำให้การเผาไหม้ของเครื่องยนต์ ไม่มีประสิทธิภาพ
- น้ำมันหล่อลื่นเก่า ขาดคุณสมบัติการหล่อลื่น ฯลฯ
- ระบบระบายความร้อนบกพร่อง ทำให้เครื่องยนต์ไม่ได้ทำงานที่อุณหภูมิที่ผู้ผลิตออกแบบไว้
- หัวเทียนเสื่อมสภาพ ทำให้เชื้อเพลิงถูกเผาไหม้ไม่สมบูรณ์
- รอบเครื่องยนต์เดินเบาสูงกว่าที่ผู้ผลิตกำหนดไว้ทำให้ เครื่องยนต์ทำงานมากขึ้นโดยไม่จำเป็น
- ปรับตั้งการจุดระเบิดไม่ถูกต้อง ซึ่งจะทำให้การเผาไหม้ ของเชื้อเพลิงไม่มีประสิทธิภาพ เป็นต้น ฯลฯ
10. บรรทุกสัมภาระเท่าที่จำเป็น
น้ำหนักรถมีผลต่อการกินน้ำมันเชื้อเพลิง ถ้าบรรทุกเกินความจำเป็นก็จะทำให้สิ้นเปลืองการใช้พลังงานเชื้อเพลิงของรถด้วยนะครับ
11.ควรดับเครื่องยนต์ขณะจอดรถ
การติดเครื่องยนต์จอดรถเป็นเวลา 5 นาที จะสิ้นเปลืองน้ำมัน 100 ซีซี. และถ้าติดเครื่องยนต์จอดรอนานกว่านั้นก็จะยิ่งสิ้นเปลืองน้ำมันยิ่งขึ้น
อาจยังมีปัจจัยอื่น ๆซึ่งมีผลต่อการกินน้ำมันเชื้อเพลิงของรถยนต์ แต่ข้อมูลดังกล่าวเป็นเรื่องหลักๆ ง่ายๆ เพื่อช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงแถมยังช่วยรถให้มีอายุการใช้งานได้ยาวนานยิ่งขึ้นอีกด้วย
>>> ดูเพิ่มเติม:
-
จริงหรือไม่??? ระบบดับเครื่องอัตโนมัติ เมื่อรถจอดนิ่งหรือติดไฟแดง จะช่วยประหยัดน้ำมัน
-
มาดู อันดับ 1 ผู้ผลิตรถยนต์ที่ประหยัดน้ำมันมากที่สุด
-
ราคาน้ำมันล่าสุด
-
อ้าว! น้ำมันแบรนด์ไหนก็ไม่ต่างกัน