เมื่อรถยนต์มีความร้อนสูง แต่น้ำยาหล่อเย็นหมด หลาย ๆ คนอาจจะสงสัยว่าเติมน้ำเปล่า แทนน้ำยาหล่อเย็นได้หรือไม่ จะส่งผลกับรถยนต์ หรือทำให้เกิดปัญหาไหม มาดูคำตอบกัน
เมื่อรถยนต์มีความร้อนสูง หรือโอเวอร์ฮีต (Over heat) นอกจากจะทำให้รถยนต์มีอายุการใช้งานสั้นลงแล้ว ยังส่งผลต่อการทำงานของเครื่องยนต์อีกด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องยนต์ชำรุดหรือเสื่อมสภาพเร็ว จึงควรระบายความร้อนออกจากห้องเครื่อง โดยการจอดรถแล้วเปิดฝากระโปรงหน้า เพื่อระบายความร้อนออกจากเครื่องยนต์ จากนั้นเปิดฝาหม้อน้ำ แล้วเติมน้ำลงทีละน้อย ระหว่างนั้นให้สังเกตระดับน้ำยาหล่อเย็นไปด้วย หากไม่มีน้ำรั่วไหลออกใต้ท้องรถ แสดงว่าไม่มีปัญหา
การเติมน้ำยาหล่อเย็นลงในหม้อน้ำ จะช่วยระบายความร้อนและหล่อเย็นให้กับเครื่องยนต์ ลดความร้อนของเครื่องยนต์ ทำให้เครื่องยนต์สามารถทำงานได้อย่างปกติ แต่ก็มักมีคำถามตามมาว่า หากน้ำยาหล่อเย็นหมด สามารถเติมน้ำเปล่า ใน หม้อน้ำ รถยนต์ได้หรือไม่ มาดูคำตอบกัน
เติมน้ำเปล่าแทนน้ำยาหล่อเย็นได้ไหม ?
ได้ แต่ไม่ควร เนื่องจากน้ำเปล่ามีจุดเดือดต่ำกว่าน้ำยาหล่อเย็น (เพียง 100 องศาเซลเซียสเท่านั้น) ทำให้เดือดเร็วกว่า หากเติมน้ำเปล่าลงไปจะทำให้เครื่องยนต์ไม่สามารถระบายความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรใช้น้ำยาหล่อเย็นที่มีส่วนผสมของสารเอธิลีน ไกลคอล Ethylene glycol ที่มีจุดเดือดสูงกว่าน้ำเปล่าจะดีกว่า แต่ถ้าหาน้ำยาหล่อเย็นไม่ได้จริง ๆ จนต้องใช้น้ำเปล่าแทน ควรหาน้ำกลั่นหรือน้ำสะอาดมาเติม และควรเติมเพียงชั่วคราวเท่านั้น
เติมน้ำเปล่าในหม้อน้ำรถยนต์
การเติมน้ำเปล่าลงในหม้อน้ำ จะทำให้หม้อน้ำเกิดสนิม เกิดการรั่วซึม และการอุดตัน จึงควรใช้น้ำยาหล่อเย็นที่มีส่วนผสมของสารป้องกันสนิม ป้องกันตะกรัน ตะกอน ลดการแข็งตัวของน้ำ รวมถึงการอุดตันภายในหม้อน้ำ
เติมน้ำเปล่าในหม้อพักน้ำได้ไหม ?
ปกติแล้ว ควรเปลี่ยนน้ำยาหล่อเย็นทุก ๆ 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร (สำหรับรถยนต์บางรุ่น) หากในหม้อพักน้ำเริ่มมีตะกอน ก็แสดงว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนน้ำยาหล่อเย็นแล้ว โดยอาจจะเปลี่ยนด้วยตัวเอง หรือให้ช่างที่อู่หรือศูนย์เปลี่ยนให้ก็ได้เช่นกัน
ปัจจุบัน น้ำยาหล่อเย็น มีให้เลือกทั้งหมด 2 ประเภท ได้แก่ น้ำยาหล่อเย็นแบบผสมสำเร็จ (ผสมมาพอดีแล้ว) และน้ำยาหล่อเย็นแบบเข้มข้น (ต้องผสมน้ำก่อนใช้งาน) สามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาด และร้านค้าออนไลน์ทั่วไป มีราคาเริ่มต้นที่หลักร้อยบาทเท่านั้น
ควรเปลี่ยนน้ำยาหล่อเย็นทุก ๆ 2 ปี
อ่านเพิ่มเติม >>