ใครที่กำลังจะผ่อนรถมือสองต้องรู้ กับวิธีการหายอดจัดไฟแนนซ์รถมือสองด้วยตัวเอง จะได้เตรียมเงินไว้พอดี มีอะไรบ้างที่นำมาคำนวณ เงินที่เตรียมเอาไว้จะพอหรือเปล่า ?
ในตลาดรถมือสองมีการประกาศรถที่ใช้แล้วมากมายให้คนที่อยากได้รถราคาประหยัดได้เลือกซื้อ ซึ่งก็มีหลายเรตราคาที่แตกต่างกันออกไป โดยปัจจัยที่ทำให้ราคาของรถมือสองเหล่านี้ไม่เท่ากันก็ขึ้นอยู่กับหลาย ๆ ปัจจัย โดยแต่ละปัจจัยนั้นก็มีผลต่อการคำนวณหาราคายอดจัดไฟแนนซ์รถยนต์ด้วย
เช็กยอดจัดไฟแนนซ์รถยนต์มือสอง ต้องคิดอย่างไร ?
ซึ่งในปัจจุบันในไฟแนนซ์หลาย ๆ ที่ก็จะมีการระบบการช่วยคำนวณให้แล้ว เป็นวิธีแบบคร่าว ๆ เพื่อให้ผู้ที่ซื้อรถได้รู้จำนวนเงินที่ต้องเตรียมไว้สำหรับการออกรถ แต่รู้หรือไม่ว่าการหายอดจัดในรถแต่ละคันนั้นต้องขึ้นอยู่กับอะไรบ้างที่ไฟแนนซ์นำมาใช้ในการคำนวณ Chobrod รวบรวมมาไว้ให้แล้ว มาลองดูกันว่าการเลือกซื้อรถมือสองมีวิธีการหายอดจัดไฟแนนซ์อย่างไร
ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจกับยอดจัดเสียก่อน ว่ายอดจัดไฟแนนซ์รถมือสอง คืออะไร? ยอดจัดไฟแนนซ์ คือจำนวนวงเงินที่ทางไฟแนนซ์จะอนุมัติให้แก่ผู้ขอสินเชื่อ โดยคำนวณจากปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ซึ่งอาจจะอนุมัติให้ได้เต็มจำนวนของราคารถหรือไม่เต็มก็ได้ หรืออธิบายสั้น ๆ คือเงินที่ทางไฟแนนซ์ให้กู้ นอกเหนือจากเงินดาวน์นั่นเอง (ยอดจัดยังไม่รวมภาษี)
ยอดจัดไฟแนนซ์คือเงินที่ทางไฟแนนซ์ให้กู้ นอกเหนือจากเงินดาวน์
ยอดจัดไฟแนนซ์รถมือสองยกตัวอย่างเช่น ต้องการซื้อรถมือสองราคา 200,000 บาท ทำการวางเงินดาวน์ไป 10% คือ 20,000 หมื่นบาท ยอดจัดไฟแนนซ์รถมือสองก็เป็น 180,000 บาทที่ทางไฟแนนซ์จะให้แก่ผู้ขอสินเชื่อนั่นเอง แต่ใช่ว่าไฟแนนซ์จะให้วงเงินนอกเหนือจากยอดดาวน์ได้เต็มจำนวน ยังมีอีกหลายกรณีที่จะเกิดขึ้นได้ดังนี้
ซึ่งกรณีทั้งสามนี้ก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข ปัจจัยต่าง ๆ ที่ทำให้มีผลต่อการพิจารณาวงเงิน มาดูกันว่ามีอะไรบ้างที่นำมาใช้ในการหายอดจัดรถมือสอง และเพราะอะไรถึงต้องนำปัจจัยเหล่านี้มาใช้ในการคำนวณ
>> สินเชื่อรถยนต์คืออะไร ? รู้เอาไว้สำหรับคนใช้รถ
>> ขอสินเชื่อรถยนต์มือสองต้องทำอย่างไร ? จัดมาให้ครบ จบในที่เดียว
ทำอย่างไรให้ จัดไฟแนนซ์รถมือสองได้วงเงินสูง
1. หากเราต้องการหาซื้อรถมือสอง อันดับแรกที่ต้องเป็นเกณฑ์ในการพิจารณาเลือกซื้อคือ ยี่ห้อรถเพราะถ้าเราเลือกซื้อรถตลาด จะทำให้เราได้วงเงินสินเชื่อ (ยอดจัดไฟแนนซ์) ที่สูง 85 – 100% และราคารถตกน้อย แต่ถ้าเราเลือกยี่ห้อที่ไม่ใช่รถตลาด จะทำให้เราได้วงเงินที่ต่ำลงมา และราคารถจะตกมากกว่ารถตลาด
2. หลังจากที่มองหารถได้แล้ว ลองหาข้อมูล เปรียบเทียบวงเงินสินเชื่อ แต่ละธนาคาร ลองเช็คอย่างน้อย 3 ธนาคารก็น่าจะพอทราบ วงเงินสินเชื่อรถคันนี้แล้วว่าที่ไหนให้ยอดจัดไฟแนนซ์สูงที่สุด
3. การเตรียมเอกสารสำหรับจัดไฟแนนซ์ให้ถูกต้อง ครบถ้วน เนื่องจากการขอสินเชื่อรถมือสอง การอนุมัติวงเงินสินเชื่อ หรือยอดจัดไฟแนนซ์ ส่วนนึงขึ้นกับเอกสารที่ใช้ขอกู้และเครดิตบูโร เพราะธนาคารอาจพิจารณาลดยอดจัดไฟแนนซ์ของเราได้ หากเอกสารของเราแสดงรายได้ที่ไม่ชัดเจน หรือ มีประวัติการผ่อนที่ล่าช้า
ลองหาข้อมูล เปรียบเทียบดอกเบี้ย แต่ละธนาคารลองเช็คอย่างน้อย 3 ธนาคารว่าเรทดอกเบี้ยธนาคารอะไรต่ำที่สุด
การจ่ายงวดเเรก หมายถึงการชำระค่างวด ๆ แรกทันที่ที่ออกรถ โดยทางธนาคารจะหักจากหน้าเช็คของเรา การจ่ายงวดแรก จะทำให้เราได้ส่วนลดดอกเบี้ยประมาณ 0.25 – 0.5 ทั้งนี้ขึ้นกับนโยบายของแต่ละธนาคาร
ระยะเวลาผ่อนชำระหากเราเลือกระยะเวลาผ่อนชำระ สั้นลง อัตราดอกเบี้ยการจัดไฟแนนซ์จะลดลง เช่น ผ่อน 48 งวด อัตราดอกเบี้ย 2.79% , ผ่อน 60 งวด อัตราดอกเบี้ย 2.99% , ผ่อน 72 งวด อัตราดอกเบี้ย 3.89%
1. หาดอกเบี้ยต่อปี = ยอดจัด X ดอกเบี้ย %
2. ได้ดอกเบี้ยต่อปี ก็หาดอกเบี้ยตลอดอายุสัญญา (ขึ้นกับจำนวนปีที่ผ่อน) = ดอกเบี้ยต่อปี X จำนวนปีที่ผ่อน
3. ได้ดอกเบี้ยตลอดอายุสัญญา ก็หายอดสินเชื่อรวมดอกเบี้ย = ดอกเบี้ยตลอดอายุสัญญา + ยอดจัดไฟแนนซ์
4. ได้ยอดสินเชื่อรวมดอกเบี้ย ก็หา VAT = ยอดสินเชื่อรวมดอกเบี้ย X 7%
5. ได้ VAT ก็หายอดรวมสินเชื่อหลัง VAT = ยอดสินเชื่อรวมดอกเบี้ย + VAT
6. ได้ยอดรวมสินเชื่อหลัง VAT ก็หายอดผ่อนต่อเดือน = ยอดรวมสินเชื่อหลัง VAT / จำนวนเดือนที่ผ่อน
เพียงเท่านี้ ก็จะได้ค่างวดที่ต้องจ่ายต่อเดือน ทั้งที่ความจริงหรือ ทั้งหมด อยู่ที่การดูแลรักษา ของเจ้าของรถทั้งนั้น รถไมล์เยอะดูแลดี ก็ดีกว่าแน่นอน
ยกตัวอย่างเช่น
รถยนต์ Toyota Fortuner 2.4 V ปี 2019 ราคาขายอยู่ที่ 999,000 บาท หากคุณเลือกผ่อน 60 งวด ในอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 3.75% เมื่อดาวน์ไป 100,000 บาท จะคงเหลือยอดจัดไฟแนนซ์อยู่ที่ 899,000 บาท สามารถคำนวณได้ดังนี้
1. 999,000 X 3.75% = 22,750 –> ดอกเบี้ยต่อปีเท่ากับ 37,462 บาท
2. 37,462 X 5 = 187,310 –> ดอกเบี้ยตลอดอายุสัญญาเท่ากับ 187,310 บาท
3. 187,310 + 899,000 = 1,086,310 –> ยอดสินเชื่อรวมดอกเบี้ย
4. 1,086,310 x 7% = 76,041.70 บาท ปัดเศษเป็น 76,042 บาท –> VAT ตลอดอายุสัญญา
5. 1,086,310 + 76,042 = 1,162,352 –> ยอดสินเชื่อหลัง VAT
6. 1,162,352 / 60 = 19,372.50 บาท –> ยอดผ่อนต่อเดือน
*การคำนวณนี้ใช้เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจเบื้องต้นเท่านั้น ไม่สามารถนำมาเป็นหลักฐานอ้างอิงได้
เริ่มจากสิ่งแรกที่ใช้พิจารณานั่นก็คือยี่ห้อขอรถยนต์ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญมากที่มีผลต่อวงเงิน ถ้าเป็นรถยอดนิยมอย่างเช่นรถจากค่ายญี่ปุ่นบ้านเรา Toyota, Honda หรือ Mazda เป็นต้น จะมีโอกาสที่ทางไฟแนนซ์จะจัดยอดให้ได้วงเงินที่ดี
รถยอดนิยมทั่วไปจะมีราคามาตรฐานที่คำนวณได้ง่ายและมีราคาดี
เพราะรถเหล่านี้ขายออกง่ายและมีราคาเป็นมาตรฐาน เช่นเดียวกันถ้าเป็นรถที่ไม่ค่อยติดตลาด แบรนด์ไม่ค่อยได้รับความนิยม อาจจะได้ยอดที่ต่ำกว่าที่ขอเพราะอาจจะมีเรตราคาที่ลดหลั่นไม่เป็นมาตรฐาน มีความเสี่ยงสูง ทำให้กำหนดยอดได้ยากนั่นเอง
แม้จะเป็นยี่ห้อรถติดตลาด แต่ถ้าเป็นรุ่นรถที่คนไม่ค่อยนิยมหรือเป็นรถนอกกระแสหายากก็จะมีผลต่อวงเงินด้วย หรือหากเป็นรถที่มีรุ่นย่อยเดียวกันก็มีความแตกต่างของราคาได้เช่นกันหากรถคันนั้นเป็นคนละโฉมอาจเป็นคันที่มีการไมเนอร์เชนจ์ซึ่งจะให้ออปชั่นที่มากกว่า ทำให้อาจจมีราคาสูงกว่า โดยสามารถดูรุ่นย่อยได้ที่เล่มทะเบียนรถ หรือพิจารณาจากส่วนประกอบของรถที่มีการปรับเปลี่ยนเช่น ไฟหน้า กระจังหน้า เป็นต้น
รถที่มีอายุการใช้งานอยู่ในช่วงไม่ตกรุ่นก็จะได้ราคาที่ดีและดอกเบี้ยที่ประหยัดกว่า เพราะมีความเสี่ยงน้อยกว่ารุ่นเก่า โดยดูวันที่จดทะเบียนของรถเป็นหลักจากเล่มทะเบียน เพื่อพิจารณาหาค่าเสื่อมและคำนวณยอดที่ถูกต้องแม่นยำมากขึ้น เป็นอีกหนึ่งทริคที่แนะนำสำหรับผู้ที่อยากซื้อรถมือสองผ่านไฟแนนซ์ หากอยากได้อัตราดอกเบี้ยที่ถูกกว่าลองดูรถที่ยังไม่เก่ามากนักเอาไว้จะดีกว่า
รถที่เป็นเกียร์อัตโนมัติจะได้ราคาที่ดีกว่า
ระบบเกียร์ของรถก็มีผลต่อการจัดราคา ถ้าเป็นเกียร์ธรรมดาก็จะได้ยอดจัดที่น้อยกว่าของเกียร์อัตโนมัติ เหมือนรถใหม่ทั่วไปที่จะมีการตั้งราคาของรถเกียร์อัตโนมัติไว้สูงกว่าเกียร์ธรรมดา การคิดยอดจัดเช่นเดียวกัน เป็นการลดหลั่นไปตามสัดส่วนของราคาตั้งต้นของรถมือสองที่แตกต่างกันไป ถ้ามีเวลาก็ลองใช้เวลาหารถสักนิด บางทีคุณเองอาจจะโชคดีเจอรถเกียร์อัตโนมัติที่ตั้งราคาไว้ถูกกว่าเกียร์ธรรมดาก็ได้
ข้อนี้สำคัญ หากรถที่เลือกซื้อเป็นรถตลาดรุ่นใหม่ โฉมพิเศษ มีเกียร์อัตโนมัติแต่กลับมาสภาพยับเยินที่เหมือนผ่านการใช้งานมาแล้วอย่างหนักหน่วง รถก็จะถูกตีให้ราคาต่ำกว่าที่ควรจะได้ กลับกันหากเป็นรถรุ่นเก่า แต่มีการดูแลใช้งานที่ดี มีสภาพสมบูรณ์ทั้งภายนอก ภายใน ทั้งตัวเครื่อง ก็อาจจะตีราคาได้เต็มจำนวนก็ได้ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับสภาพของรถว่าเป็นแบบไหน
รถเก่าบางคันมีสภาพที่ดี ก็มีโอกาสสูงที่จะได้ยอดจัดเต็มวงเงิน
เพราะไฟแนนซ์เองก็จะประเมินความเสี่ยง ค่าเสื่อมของรถเอาไว้อยู่แล้วเช่นกันนั่นเอง สำหรับผู้ซื้อเองก่อนจะตัดสินใจเลือกรถสักคันก็ควรตรวจสอบให้รอบคอบด้วยเพื่อผลประโยชน์ของคุณเอง อย่ามองแค่ว่าเป็นรถรุ่นใหม่ยอดนิยม แต่ภายในเละกว่าที่คิดก็ไม่ควรจะเสี่ยงไปซื้อเหมือนกัน
และทั้งหมดนี่ก็คือหลักการเช็กยอดจัดไฟแนนซ์รถมือสอง ที่คนมองหารถราคาประหยัดและเลือกซื้อผ่านระบบสินเชื่อควรรู้เอาไว้ หากมองหารถยนต์มือสองราคาประหยัด มีรุ่นหลากหลาย เลือกได้ทุกช่วงราคา เข้าเลือกซื้อได้ที่ Chobrod.com ตลาดรถยนต์มือสองออนไลน์ชั้นนำของไทย
ดูเพิ่มเติม
>> ดีกว่าอย่างไร ? กับการเลือกซื้อรถมือสองผ่านไฟแนนซ์รถยนต์
>> ซื้อรถมือสอง จ่ายเงินสดหรือขอสินเชื่อรถยนต์ใช้แล้ว แบบไหนดีกว่า ?
เข้าดู รถยนต์มือสองราคาถูก ได้ที่นี่