ไม่มีรถยนต์ใช่ว่าเข้าไม่ถึงเทคโนโลยี แต่เป็นเพราะที่มีอยากมีสิ่งแวดล้อมที่ดีมากกว่า Chobrod พาสำรวจ 5 เมืองไร้รถยนต์ มาดูกันว่าพวกเขาเดินทางกันอย่างไร
ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 2.3ล้านปีก่อน ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์เชื่อกันว่ามนุษย์ถือกำเนิดขึ้นและวิวัฒนาการมาเรื่อยๆ ซึ่งนานมากๆเมื่อเทียบกับช่วงชีวิตคนๆหนึ่ง สมัยนั้นเรื่องการเดินทางแทบไม่ต้องพูดถึงมีแต่ใช้ 2เท้านี้เท่านั้น เพื่อหาอาหาร เดินทางและชื่นชมธรรมชาติ และอากาศบริสุทธิ์รอบตัว
ทุกวันนี้รถยนต์มีความสำคัญเป็นอย่างมาก
มาถึงปัจจุบันการเดินทางที่เคยเป็นสองเท้าในสมัยนั้น วันนี้เรามียานอวกาศบินไปนอกโลกได้ แต่ยานพาหนะที่ถูกใจสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์มากที่สุดคือ “รถยนต์” และปัจจุบันก็หาซื้อรถยนต์ได้ไม่ยาก รถยนต์ที่ถูกใช้งานอยู่ทั่วทั้งโลกปัจจุบันนี้มีเกิน 1 พันล้านคัน และจำนวนนั้นแตะ 1 พันล้านคันมาตั้งแต่ปี 2009 รถยนต์แต่ละคันก็ขับเคลื่อนด้วยพลังงาน และพลังงานเชื้อเพลิงส่วนใหญ่ของคนบนโลกนี้ก็คือ น้ำมัน ซึ่งหาได้ง่ายและสามารถนำมาเปลี่ยนเป็นพลังงานกลได้ไม่ยากเมื่อเทียบกับพลังงานรูปแบบอื่น มันจึงเป็นที่นิยมเรื่อยมา อย่างไรก็ตามเพราะความง่ายนั้นเอง ผลที่เกิดขึ้นจากการเผาไหม้ส่วนหนึ่งก็คือก๊าซพิษ และยิ่งนานวันมันก็มีแต่จะมากขึ้นๆ หากมนุษย์ยังคงใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงต่อไป
พูดกันตรง ๆ รถยนต์กับมนุษย์ ทุกวันนี้เป็นสิ่งที่แยกกันแทบไม่ได้แล้ว และผมเชื่อว่ามันก็จะอยู่คู่กับโลกนี้ต่อไป แต่ก็อาจจะเป็นเพราะแบบนั้นจึงมีชายผู้หนึ่งนามว่า เจ. เอช. ครอว์ฟอร์ด ได้เสนอแนวคิดขึ้นในปีค.ศ.1996 ว่าไหนๆโลกเราก็ยังคงต้องใช้รถยนต์กันต่อไป ถ้าอย่างนั้นลองสร้างเมืองบางเมืองเป็นเมืองที่ “ไร้รถยนต์” อย่างเป็นทางการดูว่าจะเป็นไปได้ไหม ซึ่งในวันนี้ก็มีหลายๆเมืองที่เป็นแบบนั้นและก็สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวได้มากมายด้วย
ฝรั่งเศสลองทำให้เมืองปารีสเป็นเมืองที่ไร้รถยนต์ดู 1 วัน ในวันที่ 27 กันยายน 2015 เพื่อทดสอบเรื่องมลภาวะและอุบัติเหตุบนท้องถนนและให้คนในเมืองได้สัมผัสประสบการณ์การไร้รถยนต์ในโซนหลักๆของปารีสรวมไปถึงบริเวณรอบหอไอเฟล, ช็องเซลีเซด้วย จากการทดลองในวันนั้นทำให้หมอกควัน ก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ โดยรวมของเมืองลดลงประมาณ 40% ดังนั้นคำว่าไร้รถยนต์จึงไม่มีรถยนต์ แต่ยังมียานพาหนะอื่นๆที่ไม่ส่งผลต่อมลภาวะทางอากาศ เช่นรถจักรยาน รถไฟฟ้า รถราง รถม้า เป็นต้น
ปัจจุบันมีหลายหมู่บ้านที่ไม่ได้เดินทางโดยสารด้วยรถยนต์ Chobrod รวบรวมมาไว้ให้แล้วที่นี่ กับ 5 เมืองที่ไร้รถยนต์
เป็นหมู่บ้านหนึ่งซึ่งการเดินทางไม่ใช่ถนนแต่เป็นคลองต่างๆที่เชื่อมต่อถึงกัน จนได้ชื่อว่า เวนิสแห่งยุโรปเหนือ (คือในทวีปยุโรปแผ่นดินด้านนี้ติดทะเลเหนือส่วนเมืองเวนิสจริงๆในประเทศอิตาลีจะอยู่ด้านใต้ของยุโรปและติดทะเลเมดิเตอร์เรเนียน) เนื่องจากไร้รถยนต์ชาวเมืองได้สร้างคลองขึ้นมาอย่างเป็นระบบและทุกวันนี้ก็ยังใช้คลองเป็นเส้นทางเดินทางในชีวิตประจำวัน
กีธูร์น หมู่บ้านไร้ถนน โดยสารด้วยเรือ
แต่เดี๋ยวก่อนการเดินทางด้วยเรือทุกวันนี้ก็ไม่ใช่เอาน้ำมันดีเซลมาเป็นเชื้อเพลิง มิเช่นนั้นก็ทำถนนแล้วเอารถยนต์มาวิ่งดีกว่า แต่เรือที่แล่นบนผืนน้ำทุกวันนี้เป็นเรือเล็กที่ติดมอเตอร์ไฟฟ้าทำให้ไม่เกิดมลภาวะทางอากาศเลย แถมในฤดูหนาวคลองเหล่านี้จะกลายเป็นน้ำแข็งที่ส่องประกายแวววาวให้เหล่านักท่องเที่ยวนับพันได้มาชื่นชมพร้อมกับโลดแล่นบนผิวน้ำแข็งด้วยรองเท้าสเก็ต
ทั้ง ๆ ที่เป็นประเทศที่เริ่มผลิตรถยนต์ขึ้นมาแท้ ๆ แต่กลับสร้างเมืองที่ไร้รถยนต์ขึ้นมา เพราะประเทศเขาเองก็ใส่ใจในสิ่งแวดล้อม คุณลองใช้ Google Street View มันจะไม่สามารถเดินไปเรื่อยๆตามถนนเหมือนในกรุงเทพได้ คงเพราะรถยนต์ติดกล้องของ Google ไม่ได้ไปเก็บภาพไว้
เมืองโวบ็อง (Vauban) มีพื้นที่ใจกลางเมืองที่ไม่มีรถยนต์
รัฐบาลเยอรมนีวางแผนให้เมืองนี้เป็นเมืองแห่งสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และความยั่งยืนทางสังคม และต้องเป็นเมืองที่ไม่มีรถยนต์ในโซนใจกลางเมือง ส่วนด้านอื่นๆยังคงเหมือนเมืองอื่นๆทั่วไป มีการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ มีโรงเรียน มีบ้าน มีสวนสาธารณะ ประชากรของเมืองราว 40% หากยอมที่จะไม่มีรถยนต์ส่วนตัวใช้จะได้รับรางวัลและยังได้สิทธิ์ในการใช้รถรางฟรีอีกด้วย
นับเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงมากที่สุดเมืองหนึ่งของโลกในด้านการล่องเรือ เมืองเมืองนี้เกิดขึ้นตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 5 ในสมัยที่จักรวรรดิโรมันเริ่มเสื่อมสลาย เกิดการจลาจลและชาวโรมันก็ตัดสินใจทิ้งบ้านเมืองที่เกิดความวุ่นวายหนีไปตั้งรกรากบนดินแดนใหม่ซึ่งกลายเป็นเมืองเวนิสในปัจจุบัน
เมืองเวนิส เมืองในฝันที่ไม่มีเส้นทางให้รถวิ่ง
และด้วยความเคยชินที่ไม่ใช้รถยนต์มาตั้งแต่สมัยนั้นทุกวันนี้ มันจึงเป็นอีกเมืองที่ไร้รถยนต์ เมืองเวนิสจึงสัญจรโดยการใช้เรือล่องไปตามคลองต่างๆ ที่รายล้อมไปด้วยเกาะเล็กๆมากมายกว่า 100 เกาะ ถึงแม้ตอนนี้จะอยากใช้รถยนต์ก็ไม่มีถนนให้วิ่งมีแต่เรือล่องไปตามคลองที่แสนโรแมนติกโดยเฉพาะในยามค่ำคืน
เป็นเมืองหนึ่งในเกาะปาเกต้า มีถนนหนทางเหมือนเมืองปกติทั่วไป ถ้าไม่ได้ไปสัมผัสดูจากแผนที่ก็แทบไม่มีทางรู้เลยว่าเมืองนี้ไม่มีรถยนต์ การสัญจรไปมาภายในเมืองส่วนใหญ่จะใช้รถจักรยานเป็นหลัก ซึ่งแต่เดิมเป็นถิ่นฐานของชาวพื้นเมืองมาก่อน ต่อมาถูกรุกรานโดยชาวฝรั่งเศส เกิดการสู้รบกันของทั้งสองฝ่าย ภายหลังสงครามสงบลงชาวพื้นเมืองก็แทบไม่เหลือ
เมือง Paqueta เน้นใช้การสัญจรด้วยจักรยานเป็นหลัก
ทุกวันนี้การเดินทางภายในเกาะก็จะเน้นใช้จักรยานและรถม้าเป็นหลัก ถนนก็มีทั้งแบบเป็นก้อนกรวดก้อนใหญ่ที่ให้กลิ่นอายย้อนยุคโดยที่ไร้รถยนต์แล่นไปมา หรือเป็นพื้นทรายแข็งปนๆกันไป เป็นการรักษาเสน่ห์ของเมืองเก่าไว้ได้เป็นอย่างดีและก็เป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวของประเทศบราซิลอีกด้วย
เมืองที่เป็นเมืองเมืองหนึ่งบนเกาะไฮดราทางตอนใต้ของประเทศกรีซ ผืนน้ำที่ล้อมรอบเกาะคือทะเลเมดิเตอร์เรเนียน สถาปัตยกรรมของตึกรามบ้านช่องต่าง ๆ จะเป็นไสตล์กรีกโบราณ ตัวบ้านสีขาว ๆ ถูกปลูกคลุมไปทั่วเนินเขาที่เบื้องหน้าเป็นท้องฟ้าและทะเลสีครามสด
Hydra เกาะทางตอนใต้ของกรีซ ใช้การโดยสารทางเรือ
ความงดงามของธรรมชาติและสถาปัตยกรรมที่เกิดขึ้นนี้ถูกควบคุมด้วยกฎหมายที่ห้ามสร้างสิ่งก่อสร้างที่จะทำลายทัศนียภาพแบบกรีกย้อนยุค ทำให้ทุกวิวในที่แห่งนี้ยังคงเหมือนถูกสต๊าฟไว้แบบเดียวกับเมื่อ 50 ปีก่อน เรียกว่าอนุรักษนิยมเต็มรูปแบบ ขนาดบ้านทรงแปลก ๆ ยังสร้างใหม่ไม่ได้ รถยนต์ก็ไม่ต้องพูดถึงมันจึงกลายเป็นเมืองไร้รถยนต์ที่น่าไปสัมผัสดูสักครั้งในชีวิต
เห็นเมืองไร้รถยนต์แบบนี้แล้วหากคุณตัดสินใจจะเป็นเจ้าของรถยนต์สักคันก็ไม่จำเป็นต้องลังเลเลย เพราะการคมนาคมขนส่งของมนุษย์เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ไปแล้ว และการใช้รถยนต์ยังสะดวกสบายเมื่อเทียบระหว่างประโยชน์ที่ได้รับต่อค่าใช้จ่ายที่เสียไป การซื้อรถยนต์มาใช้ก็ไม่ใช่เรื่องผิดขอแค่คุณดูแลรักษามันได้ตลอดด้วยเรื่องราวที่มีประโยชน์จาก Chobrod ปล่อยให้การไร้รถยนต์เป็นสิ่งจำเพาะเมืองต่อเมืองเพื่อสร้างจุดเด่นในการท่องเที่ยวไว้ดีกว่า
ดูเพิ่มเติม
>> สายเกมรถแข่งต้องไม่พลาด เห็นรถปุ๊บ รู้ปั๊บ มาจากเกมนี้แน่นอน!
>> Scooter ไฟฟ้า ผิดกฎหมายหรือเปล่า? วิ่งบนถนนหลวงได้ไหม?
เข้าดู รถบ้านมือสอง ได้ที่นี่