มีการศึกษากันมาอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับ รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ถึงการส่งผลกระทบรุนแรง ต่อระบบนิเวศน์ เช่นเดียวกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง แตกต่างกันเพียงรูปแบบและกระบวนการ อย่างไรก็ตาม เราต่างก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ยุคของระบบขับเคลื่อนไฟฟ้านั้นต้องมาถึง มารู้กันสักนิดว่า ด้านมืดของรถยนต์พลังงานไฟฟ้านั้น มีอะไรซ่อนอยู่บ้าง
รถยนต์พลังงานไฟฟ้า
เว็บไซท์ Digital Trends ได้ทำการยกตัวอย่างรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดในยุคปัจจุบัน นั่นก็คือ ความสำเร็จของบริษัท Tesla โดยที่ไม่สนใจด้วยซ้ำว่า มันสร้างผลกระทบอย่างไรบ้าง ล่าสุด Tesla Model 3 ก็สามารถทำยอดจองได้สูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ เกือบ 500,000 คัน คาดการณ์กันว่า Tesla Model 3 น่าจะยังคงสถานะ “รถยนต์ขายดี” ต่อไป และจะเป็นรถยนต์ที่ขายดีที่่สุดในประวัติศาสตร์รุ่นหนึ่งเลยทีเดียว
ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องเข้าใจรถยนต์พลังงานไฟฟ้า “ทุกยี่ห้อ” ที่กำลังจำหน่าย รวมทั้ง ที่กำลังจะลงสู่ตลาดโลก ในอนาคตด้วย
ผลเสียรถยนต์พลังงานไฟฟ้า
รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ทั้งแบบแบตเตอรี่ล้วน , รถไฮบริด, รถปลั๊ก-อิน ไฮบริด หรือแม้แต่ฟิวเซลล์ ล้วนเป็นรถที่ใช้แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ในการสำรองพลังงานทั้งสิ้น ซึ่งส่วนประกอบสำคัญ ก็คือ แร่ลิเธียม ซึ่งเป็นแร่หายากที่อาจหมดไปจากโลกได้ หากมีการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้น
มีการประเมินว่า ภายในปี 2020 ตลาดซัพพลายเออร์แบตเตอรี่ประเภทนี้ จะมีมูลค่าสูงขึ้นถึง 45,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราวๆ 1.48 ล้านล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการแย่งชิงทรัพยากรกันมากขึ้น ในอนาคต
ปัจจุบัน ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์รายใหญ่สุด ก็คือ ประเทศจีน ที่นอกจากจะเป็นเจ้าของแหล่งแร่ลิเธียมที่ใหญ่ที่สุด ยังเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่มากที่สุดอีกด้วย ดังนั้น หากมีอะไรไปกระทบผลประโยชน์ มีหรือที่จีนจะไม่ลุกขึ้นมาคำราม? รวมถึง จีน ยังเป็นประเทศที่ปล่อยมลพิษสูงที่สุดของโลก ดังนั้นถ้ารถยนต์พลังงานไฟฟ้าได้รับความนิยมมากขึ้น จีนย่อมปล่อยมลพิษทำลายระบบนิเวศน์มากกว่าเดิม จนปัญหาโลกร้อนที่ทุกคนกำลังกังวล อาจส่งผลร้ายเร็วกว่าที่คาดเอาไว้ก็เป็นได้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน์อย่างรุนแรงแน่นอน ขัดกับภาพลักษณ์ทั่วไป ที่จัดให้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าเป็น “รถที่สะอาดทุกแง่มุม”
รถยนต์พลังงานไฟฟ้า
ด้านสุขภาพ ลิเธียมแบตเตอรี่ ที่ใช้สำรองไฟให้กับรถ มีสารหลายตัวที่ก่อให้เกิดโรค ตั้งแต่มะเร็งไปจนถึงโรคที่เกี่ยวกับสมอง และสารร้ายแรงที่สุดก็คือ สารโคบอลท์ ซึ่งมนุษย์ไม่ควรสัมผัสอย่างยิ่ง นอกจากนี้ ยังมีโอกาสที่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าจะเกิดเพลิงลุกไหม้ขึ้นง่าย โดยเฉพาะในกรณีของ Tesla นั้น ทุกครั้งที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ต้องเป็นข่าวใหญ่ ทั้งที่จริงๆ แล้ว รถยนต์พลังงานไฟฟ้า มีความเสี่ยงต่อการเกิดเพลิงไหม้สูงมาก เพราะแร่ลิเธียมไวไฟพอๆ กับน้ำมัน มีคุณสมบัติที่ติดไฟง่าย และมีความร้อนจำเพาะที่สูงมากด้วยตัวของมันเอง
อย่างไรก็ตาม บรรดาบริษัทผู้ผลิตก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามมองหาหนทางลดการใช้พลังงานในการผลิตรถหน่วยต่อหน่วย เช่น โรงงาน Gigafactory ของ Tesla ที่เริ่มดำเนินงานไป ในช่วงต้นปี 2016 ที่ผ่านมา โรงงานแห่งนี้สามารถผลิตแบตเตอรี่ให้กับรถในเครือ ได้ราว 5 แสนคันต่อปี จุดเด่น คือ ฟาร์มโซลาร์เซลล์ (Solar Farm) ขนาด 70 เมกะวัทท์ บนหลังคาโรงงาน ที่ผลิตกระแสไฟฟ้าหล่อเลี้ยงโรงงานได้เกือบทั้งโรงงาน
แต่ถึงจะมีผลเสียมากขนาดไหน ยังไงยุคของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าก็ต้องมาถึง เพียงแต่เราควรตระหนักรู้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง ย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสีย
>> ดูเพิ่มเติม:
คลังประกาศภาษีสรรพสามิต เพิ่มกลุ่มรถไฟฟ้าภาษีแค่ 2% ไอบริดปรับลดกว่าครึ่ง
รถยนต์ไฟฟ้า 3 รุ่นเด็ด เตรียมเข้ามาขายในไทยแล้ว คาดเปิดตัวปีหน้า เตรียมเงินรอไว้ได้เลย