รถยนต์พลังงานไฟฟ้า กำลังจะเริ่มเข้ามา
รถ EV หรือ Electric Vehicle ที่ใช้พลังงานขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเต็มระบบถูก เป็นประเภทรถที่ถูกเพิ่มขึ้นสำหรับการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต มีอัตราภาษีของรถประเภทนี้อยู่ที่เพียง 2% เท่านั้น
ยกตัวอย่างรุ่นรถประเภทนี้ได้แก่: Nissan Leaf
, รถจากค่าย Tesla ทุกรุ่น , Chevrolet Bolt EV
Tesla ผู้นำเทคโนโลยีด้านรถยนต์ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในทุกรุ่น
ซึ่งรถรุ่นดังกล่าวแม้จะยังไม่ถูกนำมาจำหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการ แต่ทางกระทรวงการคลังก็ได้ออกกฎหมายเพื่อเตรียมรองรับรถประเภทนี้ในอนาคต โดยต้องปฎิบัติตามเงื่อนไขต่างๆสำหรับการจดทะเบียนรับการลดอัตราภาษี
รถ PPV และ Double Cap ภาษีก็เตรียมพร้อมสำหรับเครื่องยนต์ไฮบริด
กลุ่มรถตรวจการ PPV และรถกระบะ Double Cap แม้ยังไม่มีแบบเครื่องยนต์ไฮบริดออกมา แต่กฎหมายก็เพิ่มประเภทการเรียกเก็บอัตราภาษีที่เป็นเครื่องยนต์ไฮบริดด้วยเช่นกัน โดยกลุ่มรถ PPV จากที่มีเพียงเก็บตามอัตราการปล่อยค่าไอเสียที่มาจากแค่เครื่องยนต์ปกติเท่านั้น ถูกเพิ่มกลุ่มเป็นกลุ่มรถ PPV เครื่องยนต์ไฮบริดที่ปล่อยค่าไอเสียต่ำกว่า 175 กรัมต่อกิโลเมตรจะเสียค่าภาษีสรรพสามิตเหลือเพียง 10% จากที่เคยเสีย 12-15%
Fortuner เครื่องไฮบริดอาจจะมีให้เห็นอีกไม่นาน
ส่วนรถกระบะสี่ประตูหรือที่เรียกันกว่ากระบะ Double Cap ก็เช่นกัน มีการเพิ่มกลุ่มประรถที่เป็นเครื่องยนต์ไฮบริดโดยเครื่องยนต์ที่ปล่อยค่าไอเสียต่ำกว่า 175 กรัมต่อกิโลเมตรจะเสียค่าภาษีสรรพสามิตที่ 10% เช่นกัน
อาจได้เห็นเครื่องยนต์ดีเซล ไฮบริดจากกระบะ Isuzu ในไม่ช้า
รถยนต์นั่งก็ลดภาษีให้ครึ่งหนึ่ง
ส่วนทางด้านรถยนต์ไฮบริดไม่ว่าจะเป็น Sedan, Hatchback หรือ SUV กระทรวงก็ใจดีปรับลดค่าภาษีให้กว่าครึ่งเพื่อเป็นการกระตุ้นหรือเย้ายวน!! ให้ผู้ผลิตนำรถประเภทดังกล่าวออกมาขายมาขึ้น โดยคิดภาษีตามอัตราการปล่อยค่าไอเสียเช่นกัน มีดังนี้
- รถที่ปล่อยค่าไอเสียมาน้อยกว่า 100 กรัมต่อกิโลเมตรจะคิดค่าภาษีสรรพสามิตจาก 10% เหลือเพียง 5%
- รถที่ปล่อยค่าไอเสียมามากกว่า 100 กรัมต่อกิโลเมตรจะคิดค่าภาษีสรรพสามิตจาก 20% เหลือเพียง 10%
- รถที่ปล่อยค่าไอเสียมาน้อยกว่า 150 กรัมต่อกิโลเมตรจะคิดค่าภาษีสรรพสามิตจาก 20% เหลือเพียง 10%
- รถที่ปล่อยค่าไอเสียมาน้อยกว่า 200 กรัมต่อกิโลเมตรจะคิดค่าภาษีสรรพสามิตจาก 25% เหลือเพียง 12.5%
รถที่ปล่อยค่าไอเสียมาน้อยกว่า 200 กรัมต่อกิโลเมตรจะคิดค่าภาษีสรรพสามิตจาก 30% เหลือเพียง 15%
กรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือ BOI
Plug-In Hybrid คือการนำมอเตอร์มาใช้ในการขับเคลื่อนหลักของรถซึ่งบางรุ่นในประเภทนี้เป็นรถนำเข้ามาทั้งคัน อาจจะไม่ได้รับสิทธิจากประกาศลดอัตราภาษีครั้งนี้ เพราะตัวรถไม่เข้าข่ายตามข้อกำหนดของคณะ
ถูกลงหรือเปล่าต้องไปลุ้นอีกที
จากการปรับลดอัตราภาษีครั้งนี้ซึ่งเป็นการประกาศปรับอัตราภาษีอีกครั้งนับแต่แต่เคยปรับไปแล้วเมื่อต้นปี 2559 ที่ปรับภาษีตามสัดส่วนค่าไอเสียที่รถแต่ละรุ่นปล่อยออกมา เคยทำให้เกิดกระแสสังคมเกรงว่าราคาของรถป้ายแดง จะปรับเพิ่มขึ้น แต่การประกาศครั้งนี้เป็นการประกาศปรับลดอัตราภาษีจึงไม่ค่อยมีการวิพากษ์มากนัก แต่ก็อย่างที่เห็นแม้ตอนที่ปรับค่าภาษีครั้งนั้น รถบางรุ่นถึงจะได้ปรับลดอัตราภาษี เพราะได้เข้าข่ายเป็นรถ อีโค คาร์บ้าง รถปล่อยก๊าซพิษน้อยเพราะเครื่องยนต์ถูกปรับให้เล็กลงบ้าง แต่ราคารถก็ไม่ได้ถูกกว่าตอนก่อนประกาศสักเท่าไร ครั้งนี้ก็ว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะการปรับอัตราภาษีสรรพสามิตคนที่จ่ายคือค่ายรถ และค่ายรถก็ค่อยมา
คำนวนอีกทีว่าจะตั้งราคารถเท่าไรกับภาษีที่จ่ายไป ซึ่งหมายความว่าราคารถจะถูกลง ( ซึ่งไม่ค่อยถูกลงเท่าไร ) หรือเท่าเดิมก็ได้ อาจจะเพิ่มออฟชั่นให้ดีขึ้นแทนแต่ยังคงราคารถไว้เท่าเดิม ไม่ถูกลง เป็นได้ทั้งสองกรณี
>> อ่านเพิ่มเติม :
- "ภาษีรถนำเข้า" ดูให้ดีก่อนซื้อรถ
- Honda CR-V Hybrid เครื่องยนต์ไฮบริด ที่แรกของโลก บุกตลาดจีนอย่างเป็นทางการ