แม้รถยนต์ไฟฟ้าจะได้รับความนิยมขึ้นอย่างมากในไทย แต่ใช่ว่าถ้าอยากได้ ก็สามารถซื้อได้เลย เพราะรถไฟฟ้าไม่ได้เหมาะกับทุกคน ที่นี่มีวิธีเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาแนะนำ
ปัจจุบัน จะเห็นได้ว่ารถยนต์ไฟฟ้าได้รับความนิยมในไทยมากยิ่งขึ้น ด้วยข้อดีที่ไม่ต้องเติมน้ำมัน ลดการเผาไหม้ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทั้งยังสามารถชาร์จแบตได้ที่บ้าน มีความเงียบ และมอบอัตราเร่งที่ดี ทำให้ค่ายรถต่าง ๆ นำรถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาทำการตลาดในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง แต่แม้จะมีข้อดีล้นเหลือ ทว่า รถยนต์ไฟฟ้ากลับไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน จนอาจทำให้ผู้ขับขี่รู้สึกว่าซื้อมาแล้วใช้ลำบาก ในบทความนี้ จึงมีวิธีเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้า มาแนะนำกัน
ก่อนซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ต้องดูจุดประสงค์ในการใช้งานด้วยว่าซื้อรถไปเพื่ออะไร ? หากคุณเป็นคนที่มีตารางชีวิต มักทำสิ่งเดิม ๆ ซ้ำ ๆ เป็นประจำแทบทุกวัน เช่น ตอนเช้าขับออกไปเรียน ไปทำงาน หรือไปส่งลูก ตอนเย็นขับกลับบ้าน หรือมีเส้นทางการขับขี่ประจำ ฯลฯ การซื้อรถไฟฟ้ามาใช้ก็นับว่าตอบโจทย์ แต่ถ้าคุณเป็นสายท่องเที่ยว ชอบออกต่างจังหวัดเป็นประจำ ต้องบอกเลยว่า รถไฟฟ้าอาจไม่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณนัก เพราะระยะทางการขับขี่ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งนั้นยังจำกัด อีกทั้งความแพร่หลายของสถานีชาร์จไฟฟ้ายังไม่มากเท่าปั๊มน้ำมัน
เช็กไลฟ์สไตล์และจุดประสงค์ในการใช้งาน แล้วดูว่าควรเลือกรถยนต์ไฟฟ้าแบบไหน เช่น หากคุณมีแผนจะใช้เดินทางไกล หรือออกต่างจังหวัดในบางครั้ง ควรเลือกรุ่นที่มีความจุแบตเตอรี่สูง ๆ มาใช้ แต่ถ้านำมาใช้ขับเพื่อไปทำงาน ไปเรียน แล้วขับกลับบ้าน ไม่เกิน 100 กิโลเมตรต่อวัน คุณสามารถเลือกรถไฟฟ้าได้ทุกรุ่น
ด้านขนาดมอเตอร์เองก็สำคัญ หากไม่ต้องการรถที่แรงมาก ใช้ขับในเมืองทั่วไป การเลือกรุ่นรถที่มีมอเตอร์ขนาดเล็ก ประหยัดพลังงาน อาจเป็นตัวเลือกที่ดี ส่วนรถที่มีมอเตอร์ขนาดใหญ่นั้น จะมีกำลังแรง มอบอัตราเร่งที่ดี แต่ก็กินพลังงานเยอะด้วยเช่นกัน
วิธีการเลือกหัวชาร์จแบตเตอรี่ จะขึ้นอยู่กับตู้ชาร์จแบตเตอรี่ตามสถานีให้บริการ ซึ่งจะมีอยู่ 3 รูปแบบหลัก ๆ ประกอบด้วย
ก่อนซื้อรถยนต์ไฟฟ้า อย่าลืมเช็กออปชัน หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ให้มาว่าเพียงพอต่อการใช้งาน และความต้องการของคุณหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นส่วนของ อุปกรณ์อำนวยความสะดวก ระบบความบันเทิง หรือเทคโนโลยีความปลอดภัย เพื่อให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด
นอกจากนี้ ในเรื่องของบริการหลังการขาย การรับประกัน รวมถึงของแถมต่าง ๆ ก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน หากเป็นการรับประกันแบตเตอรี่ 10 ปี และการรับประกันที่ 5 ปี หรือ 100,000 กม. อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน หรือมากกว่านี้ จะดีกับคุณมาก ส่วนของแถมที่มากับรถยนต์ไฟฟ้า ส่วนใหญ่มักจะเป็น สายชาร์จฉุกเฉิน และ Home Charger
วิธีเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ทำได้ไม่ยาก เพียงแค่เลือกรถยนต์ไฟฟ้าให้เหมาะกับลักษณะการใช้งาน ไลฟ์สไตล์ หรือจุดประสงค์ที่ต้องการใช้ ก็จะได้รถยนต์ไฟฟ้าที่เกิดประโยชน์และคุ้มค่ากับคุณมากที่สุดแล้ว
ขอบคุณข้อมูลจาก autospinn
อ่านเพิ่มเติม >>