Five Fact : 5 เรื่องที่คุณต้องรู้ก่อนจะซื้อ Honda CR-V 1.6 Turbo 2019

ประสบการณ์ซื้อขายรถยนต์ | 1 ก.พ 2562
แชร์ 4

แม้จะเปิดตัวมาได้สักระยะแล้วสำหรับโฉมนี้ของ Honda CR-V เจ็น 5 ที่การมาในรอบนี้สร้างความน่าสนใจด้วยการเปิดตัวรุ่นเครื่องยนต์ที่เป็นดีเซลในรุ่นย่อย 1.6 Turbo เพิ่มทางเลือกในเรื่องของรูปแบบเครื่องยนต์ที่แตกต่างออกไป ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในบ้านเรา ! ที่ขุมกำลังในแบบดีเซลนี้ถูกนำมาใช้กับโมเดล CR-V และอะไรบ้างที่น่าสนใจสำหรับ SUV ขายดีที่สุดในไทยที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์แบบดีเซลคันนี้ ไปดูกันเลยกับ Chobrod Five Fact ประจำสัปดาห์ใน “5 เรื่องที่คุณต้องรู้ก่อนจะซื้อ Honda CR-V 1.6 Turbo 2019 ”

Five Fact : 5 เรื่องที่คุณต้องรู้ก่อนจะซื้อ Honda CR-V 1.6 Turbo 2019

นับเป็นนิมิตรหมายอันดี (สักที) ที่คนไทยจะได้สัมผัสเก๋งที่มากับเครื่องยนต์ดีเซลจากสัญชาติญี่ปุ่นหรือไม่ก็เป็นแบรนด์ระดับ “เบอร์ต้น” ของไทย ที่ก่อนหน้าเรามักจะเห็นได้ว่ารถยุโรปชื่อดังที่หลาย ๆ คนรู้จักดีไม่ว่าจะเป็น Benz หรือ BMW ก็ต่างพกพามากับเครื่องยนต์ดีเซลหลาย ๆ รุ่น “นานแล้ว !”  แต่ปรากฎว่ายี่ห้อรถอันเป็นที่นิยมขับกันส่วนใหญ่ก็จะเป็นรถญี่ปุ่น และค่ายรถเหล่านั้นก็จะมีน้อยมาก ที่จะมากับทางเลือกในรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล (ถ้าไม่ใช่รถกระบะ)  ในที่สุด ค่ายเก๋งที่ถือว่าขายดีที่สุดในเมืองไทยอย่าง Honda ก็เปิดหัวรุ่นแรกกับรถที่วางเครื่องยนต์ในแบบดีเซลมาให้ โดยมาในเก๋ง SUV ที่ขายดีที่สุดตลอดกาลอย่าง CR-V ในรุ่น Honda CR-V 1.6 Turbo 2019 

และนี่คือ 5 เรื่องที่คุณต้องรู้ก่อนจะซื้อรถรุ่นนี้ 

1. แรงม้าน้อยกว่า แต่ให้มาดีในเรื่องแรงบิด  
โฉมปัจจุบันของ Honda CR-V จะมีทั้งรุ่นเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.4L i-VTEC DOHC แบบ 4 สูบแถวเรียง ให้กำลังสูงสุดอยู่ที่ 173 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดที่ 224 Nm ส่วนในรุ่นที่เป็นเครื่องยนต์ดีเซลนั้น จะเป็นเครื่องยนต์ดีเซล i-DTEC Turbo Commonrail 4 สูบแถวเรียง “เทอร์โบคู่” ให้กำลังสูงสุด 160 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 350 Nm 


ถ้าเน้นเรื่องความแรง อัตราเร่งเร้าใจ มองไปที่รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2.4L ดีกว่า

Mazda CX-5 2018 vs Honda CR-V 2018 เลือกคันไหนดีกว่ากัน !!

> Honda CR-V 2018 พร้อมข้อเสนอและเงื่อนไขการดาวน์-ผ่อน สุดพิเศษสำหรับคุณ

จากตัวเลขในเรื่องของกำลังม้าของเครื่องยนต์ทั้งสองแบบที่มีมาให้ สำหรับใครที่เน้นการขับขี่ที่ตอบสนองเร้าใจกว่า กระแทกคันเร่งทันใจกว่า รู้ไว้เลยว่า ! การเลือกรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลนั้นอาจไม่ตอบโจทย์เรื่องนี้สักเท่าไร แม้จะมากับแรงบิดที่มากกว่าถึง 350 Nm แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เรื่องของอัตราเร่งในรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลน่าประทับใจสักเท่าไรนัก 
เปรียบเทียบอัตราเร่งของ Honda CR-V 2019 รุ่น 2.4L เบนซิน กับ 1.6L ดีเซล 

  • อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (วินาที) : รุ่น 2.4(11.15), รุ่น 1.6(11.24)
  • ความเร็วสูงสุด (กิโลเมตรต่อชั่วโมง) : รุ่น 2.4(200), รุ่น 1.6(200)

2. แต่เรื่องราคาของดีเซลกลับ “แรง” กว่า  
สิ่งหนึ่งที่น่าผิดหวังสำหรับในรุ่น Honda CR-V 1.6 Turbo 2019 ดีเซล นั่นก็คือเรื่องของ “ราคาขาย” ที่ตีออกมาสูงปรี๊ด ! จนทำให้คนที่อยากสัมผัสเก๋งดีเซลต่างต้องพากันถอยหนี เพราะราคาของรุ่นนี้เริ่มต้นในประเภทดีเซล “1.6DT-E” ถูกตั้งไว้สูง.. เท่าราคาตัวท็อปของรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2.4L เลยทีเดียว ไม่เชื่อไปดูราคาของแต่ละรุ่นย่อยกันดีกว่าว่าอยู่ที่ราคาเท่าไรบ้าง 

  • Honda CR-V 2019 2.4E 1,359,000 บาท (แบบ 5 ที่นั่ง)
  • Honda CR-V 2019 2.4E 1,499,000 บาท (แบบ 5 ที่นั่ง)
  • Honda CR-V 2019 2.4E 1,409,000 บาท
  • Honda CR-V 2019 2.4EL 4WD 1,549,000 บาท
  • Honda CR-V 2019 1.6DT-E 1,559,000 บาท
  • Honda CR-V 2019 1.6DT-EL 4WD 1,699,000 บาท


ราคาแรงไปนิดสำหรับรุ่นเริ่มต้นของแบบดีเซล อีกทั้งยัง “ให้ไม่เต็ม” 
อุปกรณ์มาตรฐานไม่สมราคาเท่าที่ควร

จะเห็นได้ว่าราคาตัวท็อปขับสี่ของรุ่น 2.4EL 4WD ที่อุปกรณ์ฟีเจอร์ต่าง ๆ ให้มาระดับ “จัดเต็ม” ที่สุด และมากกว่ารุ่นแรกราคาเริ่มต้นของตัวดีเซล 1.6DT-E ที่ราคาใกล้เคียงกัน ซึ่งถ้าราคานี้ของรุ่นดีเซล อาจจะขายได้สำหรับใครที่หมายมั่นตั้งใจจะซื้อ Honda CR-V แบบดีเซลอยู่แล้ว ในทางกลับกันถ้าไม่ใช่ ! ผู้ซื้อเป็นแค่แฟน CR-V ที่ต้องการรถ SUV ที่ดีที่สุด อุปกรณ์ต่าง ๆ สำหรับผู้ขับขี่ครบครันที่สุด เรื่องปัจจัยของประเภทเครื่องยนต์เป็นแค่เรื่องรอง ก็ไม่แปลกที่คนซื้อจะหันไปเลือกรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ที่ช่วยประหยัดงบได้มากกว่า แถมได้อุปกรณ์ต่าง ๆ ในการใช้งานสูงสุดเท่าที่รุ่นรถจะมอบให้ได้อีกด้วย 

3. มาพร้อมกับเทอร์โบคู่ 
ในรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 1.6 Turbo ที่ว่ามากับระบบเทอร์โบนั้น หาได้เป็นแค่เทอร์โบตัวเดียวไม่แต่ Honda CR-V คันนี้จัดมาให้ “ถึงสอง” โดยมีการติดตั้งเทอร์โบไว้ให้ถึง 2 ลูก แต่ไม่ได้ทำงานพร้อมกันในทีเดียว เป็นการแบ่งช่วงจังหวะกันทำงาน เทอร์โบลูกแรกรับแรงดันไอเสียเต็ม ๆ เพื่อใช้ทำงานในช่วงรอบเครื่องต่ำ ส่วนเทอร์โบอีกลูกนั้นจะรับแรงดันช่วยจากไอเสียมาน้อยกว่า ไว้สำหรับทำงานในช่วงรอบเครื่องยนต์สูงตอนที่ขยี้คันเร่งหนัก ๆ และมีตัว Wastegate เพื่อไว้สำหรับช่วยคุม Boost ไล่คายแรงดันไอเสียที่เกินความจำเป็น

4. คันเกียร์ที่หายไป แทนไว้ด้วยสวิตช์เปลี่ยนเกียร์
Honda CR-V ถ้ามองที่ภายในห้องโดยสาร จะไม่มีความแตกต่างอะไรที่ชัดเจนว่ารุ่นนี้เป็นรุ่นเบนซินหรือดีเซล นอกจากส่วนนี้ที่บริเวณคันเกียร์เดิม ในรุ่นเครื่องยนต์เบนซินจะมีมาให้ซึ่งคันเกียร์ปกติ แต่ในรุ่นดีเซลนั้นตัวคันเกียร์จะหายไป ! แล้วกลายมาแทนไว้ด้วยสวิตช์เปลี่ยนเกียร์ ซึ่งเป็นเกียร์อัตโนมัติ ZF 9 Speed ที่อาจจะทำให้คุณรู้สึกแปลตาไปสักหน่อย รวมไปถึงอาจยังไม่คุ้นชินในการใช้งานแรก ๆ แต่ก็ไม่ยากเกินไปที่จะปรับตัวด้วยเหมือนกัน 



ในรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลจะไม่มีคันเกียร์มาให้ใช้เหมือนทั่วไป 
แต่จะเป็นการกดสวิตช์เพื่อเปลี่ยนเกียร์แทน

5. ถ้าเน้นความประหยัดต้องรุ่นนี้ 
เมื่อทำการตรวจสอบในเรื่องของอัตราการสิ้นเปลืองของรถรุ่นนี้ทั้ง 2 ประเภทเครื่องยนต์ ผ่านมาตรฐานของ ECO Sticker  ปรากฎว่า ในรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลมีอัตราสิ้นเปลืองในสภาวะรวมอยู่ที่ 18.9 กิโลเมตรต่อลิตร ส่วนในรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2.4L นั้นอยู่ที่ 12.5 กิโลเมตรต่อลิตร เห็นได้ชัดว่า “แตกต่าง” ค่อนข้างมากสำหรับในเรื่องการบริโภคเชื้องเพลิงของรถทั้งสองรุ่น และใครที่ประเด็นหลักในการขับขี่ใช้งานเรื่องความประหยัดถือเป็นสำคัญ การเลือกรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 1.6 Turbo นี่แหละคือคำตอบที่ใช่สำหรับคุณมากที่สุด 


ถ้าเน้นความประหยัด เลือกรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลนี้จะตอบโจทย์คุณมากที่สุด 

และทั้งหมดนี้คือ Chobrod Five Fact ประจำสัปดาห์ของ Honda CR-V 1.6 Turbo 2019 ที่เรานำมาฝาก เผื่อใครที่กำลังเล็งรุ่นย่อยในแบบดีเซลนี้ไว้อยู่จะได้รู้ก่อนซื้อ แล้วสัปดาห์ Chobrod Five Fact จะมากับเรื่องรถอะไร รอติดตามได้เลยที่นี่ Chobrod.com ที่เดียวเท่านั้น 

ดูเพิ่มเติม

> Honda CR-V 2018 และ Nissan X-Trail 2018 เลือกซื้อคันไหนดี ???

> Honda CR-V 2018 ซื้อต่อ หรือรอก่อน?

ที่นี่  
อ่านรีวิวรายละเอียดเกี่ยวกับรถยนต์  เชิญ
ที่นี่

pranut