รถ Compact SUV เป็นอีกเซกเมนต์หนึ่งที่เป็นที่นิยมในประเทศไทย ด้วยความหรูหราและฟังก์ชั่นต่างๆที่ตอบหลายๆโจทย์ของลูกค้าทำให้เป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่ผู้คนให้ความสนใจ ลองมาดูกันว่าในสองแบรนด์นี้แบรนด์ไหนมีมุมมองในการเลือกซื้ออย่างไรครับ
ถ้าคุณลองค้นหาคำว่า “Big3 Japan” ใน Search Engine ผลที่ได้จะออกมาเป็นชื่อบริษัทรถยนต์ 3ชื่อ คือ Toyota, Honda และ Nissan ซึ่งนับได้ว่าเป็นบริษัทผลิตรถยนต์รายใหญ่มากของญี่ปุ่นและก็เป็นรายใหญ่ระดับโลกด้วย ทีนี้ลองมาดูกันในรถยนต์ระดับ C-SUV ที่มีการทำตลาดในบ้านเราอย่างจริงจังขึ้นทุกปี จะมีแค่ Toyota เท่านั้นที่ยังไม่มีรถยนต์ในเซกเมนต์นี้ ส่วน Honda จะมีรถ Honda CRV 2018 และ Nissan จะมี Nissan X-Trail 2018 ในด้าน Toyota ก็คงพยายามอยู่และได้นำ C-HR เข้ามาทำตลาดแต่ก็ยังถือว่าอยู่คนละเซกเมนต์กัน (C-HR นับเป็น B-SUV ขนาดก็จะเล็กลงไปอีกสักหน่อย) ดังนั้นวันนี้เราจะมาดูกันถึงรถยนต์ของ 2ค่ายดังจากญี่ปุ่นที่อยู่ในระดับ Compact SUV ว่าถ้าจะต้องเลือกของดีกันจริงๆจะมีมุมมองไหนให้พิจารณาบ้าง
สำหรับในด้านยอดขายก็คงต้องยอมรับว่าทาง Honda เขาทำได้ดีมาตลอด ในเซกเมนต์นี้ก็เช่นกัน ยังคงนำเป็นอันดับหนึ่งในตลาดบ้านเรา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับความชอบของลูกค้าแต่ละคนด้วย อาจจะมีคนชอบแบรนด์ Honda มากเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็ได้ ถ้าเป็นคุณที่อยากจะมีรถยนต์ในเซกเมนต์ C-SUV สักคันลองมาดูกันที่ตัวรถยนต์กันบ้างว่าเป็นอย่างไรเพราะก็มีความแตกต่างกันพอสมควร
เปรียบเทียบราคา
สำหรับ Honda CR-V 2018 จะมีรุ่นย่อยทั้งหมด 4รุ่น และมีราคาตั้งแต่ 1,399,000 บาท – 1,699,000 บาท และมีสีให้เลือกทั้งหมด 5สี แต่ละสีจะออกไปทางโทนไม่ขาวก็เข้มแบบโทนดำ ซึ่งต้องการสื่อถึงความหรูหราของรถยนต์เซกเมนต์นี้ โดยมีสีให้เลือกคือ สีเขียวดาร์กโอลีฟ, สีเงินลูนาร์, สีเทาโมเดิร์นสตีล, สีขาวออร์คิด, สีดำคริสตัล
ใน Nissan X-Trail 2018 จะมีรุ่นย่อยทั้งหมดถึง 6 รุ่น มีราคาตั้งแต่ 1,250,000 บาท – 1,614,000 บาท สีที่มีให้เลือกก็จะคล้ายๆกับทาง Honda CR-V คือออกไปทางโทนหรูหรา แต่ที่โดดเด่นแตกต่างออกไปก็คือสี เรเดียนท์ เรด ที่เป็สีแดงดูสปอร์ตมาก
Honda CR-V 2018 ที่มีราคาอยู่ในช่วง 1,399,000 บาท – 1,699,000 บาท
Nissan X-Trail 2018 ที่ราคาขายอยู่ในช่วง 1,250,000 บาท – 1,614,000 บาท
เรื่องของราคา เรียกได้ว่าอยู่ในระดับเดียวกันแต่ทาง Nissan X-Trail จะมีรุ่นที่ราคาต่ำลงมาระดับ 1.2ล้านเป็นตัวเลือกให้แก่ลูกค้าด้วยแม้ฟังก์ชั่นต่างๆจะน้อยกว่าก็ตามแต่ก็ได้ตัวถังและสมรรถนะที่เป็น SUV มาครอบครองได้ แต่ถ้าจะเลือก Honda ก็ต้องไปแตะที่เกือบๆ1.4ล้านเลยทีเดียว
ดูเพิ่มเติม
>> 5 ข้อควรรู้เกี่ยวกับระบบไฮบริดของ Nissan X trail 2018
>> Five Fact : Nissan X-Trail ครบบริบทในความเป็น SUV
เปรียบเทียบขุมกำลัง
เรื่องเครื่องยนต์เป็นสิ่งหนึ่งเลยที่ทั้ง Honda CR-V 2018 และ Nissan X-Trail 2018 มีความแตกต่าง เริ่มกันที่ Honda จะมีเครื่องยนต์2แบบคือ เครื่องยนต์เบนซินและเครื่องยนต์ดีเซล สำหรับเครื่องยนต์เบนซินจะเป็นเครื่องยนต์4สูบ ความจุ2,356ซีซี ให้กำลังสูงสุด 173 แรงม้าที่6,200รอบต่อนาที และใช้ระบบเกียร์อัตโนมัติแปรผันต่อเนื่อง CVT พร้อม Shifting Control of Cornering Gravity & G-design Shift เครื่องยนต์ดีเซลจะเป็นเครื่องยนต์4สูบแบบไดเร็คอินเจ็คชั่นคอมมอนเรล ความจุ 1,597ซีซี ให้กำลัง 160 แรงม้าที่ 4,000รอบต่อนาที
Honda CR-V 2018 ใช้เครื่องยนต์ที่มาพร้อมกับ Earth Dreams Technology
Nissan X-Trail จะมีเครื่องยนต์ที่เอาใจคนรักษ์โลกคือเครื่องยนต์ไฮบริด ที่ผสมผสานกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซินและมอเตอร์ไฟฟ้า โดยไม่มีเครื่องยนต์ดีเซลให้เลือก เริ่มกันที่เครื่องยนต์ดีเซลที่เป็นเครื่องยนต์4สูบ ที่ความจุ 1,977 และ 2,488 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 144 และ 171 แรงม้าตามลำดับ ส่วนเครื่องยนต์ไฮบริดจะยกเครื่องพื้นฐานจากตัวความจุ 1,977 ซีซีมา แล้วเสริมด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่ความจุ 887วัตต์-ชั่วโมง ที่ให้กำลังมอเตอร์ 41 แรงม้า รวมแล้วเครื่องยนต์รุ่นที่เป็นไฮบริดจะให้กำลังถึง 179 แรงม้าเลยทีเดียว
Nissan X-Trail 2018 มีเครื่องยนต์รุ่นไฮบริดให้เลือก
หน้าจอในรถยนต์ Nissan X-Trail 2018แสดงผลการไหลของพลังงานในขุมพลังไฮบริด
ด้วยเครื่องยนต์ไฮบริดของ Nissan X-Trail นี้เองที่ทำให้กำลังแรงม้าของเครื่องรวมถึงความประหยัดน้ำมันมีประสิทธิภาพเหนือกว่าเครื่องของ Honda CR-V เล็กน้อย แม้ในเรื่องของแรงบิดทอร์ค Nissan X-Trail Hybrid ก็จะมีแรงบิดสูงกว่าเครื่องยนต์ดีเซลของ Honda CR-V เล็กน้อยประมาณ 10 นิวตัน-เมตร
เปรียบเทียบภายนอก
Honda CR-V 2018 ภายนอกออกแบบเน้นความหรูหราโฉบเฉี่ยวพร้อมกระจังหน้าในแบบฉบับของ Honda เพิ่มความทันสมัยด้วยระบบไฟหน้าที่สามารถปรับสูงต่ำได้อัตโมมัติและยังเป็นระบบเปิดปิดแบบอัตโนมัติด้วย ด้านล่างของไฟหน้าเป็นไฟตัดหมอกคู่ที่ตกแต่งด้วยโครเมียม ระบบปัดน้ำฝนเป็นแบบอัตโนมัติ ฝาประตูท้ายเป็นแบบเปิดปิดด้วยระบบไฟฟ้าและแฮนด์ฟรี (ใช้เซนเซอร์ตรวจสอบเท้าด้านล่างของท้ายรถยนต์) ทำให้ไม่ต้องวางสัมภาระลงเมื่อต้องการเปิดท้ายรถ ล้อรถยนต์เป็นอัลลอยมีทั้งขนาด17นิ้วและ18นิ้ว
ภายนอกของ Honda CR-V ที่หรูหราโฉบเฉี่ยว
Honda CR-V 2018 เปิดประตูท้ายด้วยระบบแฮนด์ฟรี
Nissan X-Trail 2018 ภายนอกจะมีจุดต่างแบบชัดๆคือพาโนรามิคซันรูฟที่ใช้ระบบเปิดปิดแบบ One-Touch และมีราวหลังคาเอาใจคนชอบความโดดเด่น ไฟหน้าเป็นแบบเปิดปิดอัตโนมัติเช่นกัน ส่วนประตูท้ายเป็นแบบเปิดปิดอัตโนมัติ ส่วนในรุ่นที่เป็นเครื่องยนต์ไฮบริดจะมีการตกแต่งกระจังหน้า คิ้วขอบกันชนหน้า และคิ้วขอบประตูท้ายด้วยโครมสีพิเศษเพื่อบ่งบอกถึงความแตกต่าง และล้อรถยนต์เป็นอัลลอยมีทั้งขนาด17นิ้วและ18นิ้วให้เลือก
ภายนอก Nissan X-Trail 2018 ที่หรูหราไม่แพ้กัน
Sunroof ใน Nissan X-Trail 2018 ที่สร้างความหรูหรา
ภายนอกเรียกได้ว่ามีเอกลักษณ์แตกต่างกันไปตามไสตล์ของแบรนด์ที่เห็นชัดๆคือ ไสตล์Hondaจะมีเทคโนโลยีล้ำสมัยมาให้ได้ใช้กันคือระบบเปิดประตูท้ายด้วยแฮนฟรีด์ ซึ่งด้วยข้อมูลภายนอกนี้ก็น่าจะทำให้ชาวChobrodเลือกรถที่ตรงกับข้ามต้องการได้
เปรียบเทียบภายใน
Honda CR-V 2018 ยังคงคุมโทนภายในให้เป็นสีดำในทุกรุ่นย่อยเพื่อความหรูหราพร้อมชุดตกแต่งภายในที่มีทั้งแบบ Piano Black และลายไม้ เบาะนั่งจะเป็นหนังแท้และวัสดุสังเคราะห์ในบางส่วน พร้อมกับแถวนั่งแถวที่3 ทำให้โดยสารได้มากสุดถึง 7คน และก็ยังมีระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลังแถวที่2ด้วย ส่วนใน Nissan X-Trail 2018 ภายในจะมีให้เลือกสองสีตามไสตล์Nissanคือ สีเบจ และสีดำ เบาะเป็นหนังแท้และวัสดุสังเคราะห์บางส่วน และก็มีเบาะนั่งแถวที่3เช่นกัน ทำให้ภายในของรถยนต์ทั้ง2คันนี้มีการออกแบบที่ไม่ต่างกันมากนัก
ภายใน Honda CR-V 2018 ที่มีโทนสีดำ
ภายใน Honda CR-V 2018 โดยสารได้ถึง 7 ที่นั่ง
ภายใน Nissan X-Trail 2018 เป็นโทนดำและโทนสีเบจให้เลือกตามไสตล์ Nissan
เพิ่มเติม
เปรียบเทียบสิ่งอำนวยความสะดวก
Honda CR-V 2018 มีระบบเครื่องเสียงสองรุ่นคือรุ่นที่เป็นจอแสดงผลแบบสัมผัสขนาด5นิ้วและ7นิ้ว โดยในจอแสดงผลขนาด7นิ้วจะมีระบบนำทางติดมาให้ด้วย และสามารถรองรับการทำงานของระบบ AppleCarPlay ส่วนเรื่องการเชื่อมต่อมิลติมีเดียอื่นๆทาง Honda CR-V ก็จัดมาให้เต็มเม็ดเต็มหน่วยไม่ว่าจะเป็น HDMI, AUX, Bluetooth และช่องต่อ USB ที่ให้มามากถึง 4จุด พร้อมด้วยลำโพงที่จะขับกล่อมความสุนทรีย์ตลอดการเดินทางถึง 8ตัว
หน้าจอ 7 นิ้วใน Honda CR-V 2018
Honda CR-V 2018 รองรับระบบ Apple CarPlay
Nissan X-Trail 2018 มีเครื่องเสียงที่ไม่แพ้กันคือจอสัมผัสขนาด5และ7นิ้ว โดยขนาด7นิ้วจะมีระบบนำทางมาด้วย ส่วนเรื่องมัลติมีเดียไม่แพ้กันคือมี Bluetooth, AUX, USB มาให้จะขาดก็แต่ HDMI แต่ก็ยังรองรับการเล่นแผ่น CD พร้อมด้วยเสียงจากลำโพงทั้ง6จุด
Nissan X-Trail 2018 กับหน้าจอสัมผัส 7นิ้ว
เรียกได้ว่าสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆมีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ว่าเลือกข้างไหนก็แทบได้ไม่ต่างกัน สิ่งที่เห็นชัดๆก็คือหน้าตาของเครื่องเสียงที่ทาง Honda จะเน้นเรียบหรูทำปุ่มให้น้อยที่สุดส่วนทาง Nissan จะเน้นดูมีมิติซับซ้อนกว่าด้วยปุ่ม Hard Switch ที่มีมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด
เปรียบเทียบระบบความปลอดภัย
ระบบความปลอดภัยใน Honda CR-V 2018 ที่เห็นชัดๆในทุกรุ่นย่อยก็คือระบบถุงลมนิรภัยทั้งคู่หน้า ด้านข้างและม่าน ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ ระบบช่วยทรงตัวเมื่อเข้าโค้ง และกล้องมองหลังที่ปรับมุมมองได้3ระดับ ในรุ่นท็อปจะมีระบบที่เสริมความปลอดภัยให้มั่นใจยิ่งขึ้นด้วยระบบ Honda Lane Watch ที่มีกล้องด้านข้างเพื่อให้เห็นมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลนและระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่
กล้องมองหลังปรับได้ 3ระดับใน Honda CR-V
ระบบ Honda LaneWatch ที่ช่วยให้มองเห็นมุมอับในรถยนต์ Honda CR-V 2018
ใน Nissan X-Trail 2018 จะมีระบบที่สำคัญๆคือระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง (Around View Monitor) ที่ถึงแม้จะมีกล้องมองหลังให้แล้วก็ยังมีกล้องมองภาพรอบคันให้ด้วย นับว่าระบบนี้เป็นจุดเด่นหลักของระบบความปลอดภัยใน Nissan X-Trail 2018 ได้เลย จุดด้อยกว่าอีกอันหนึ่งของ Nissan X-Trail 2018 ก็คือถุงลมนิรภัยที่ไม่มีชนิดที่เป็นถุงลมม่านมาให้
ระบบกล้องมองภาพรอบคันใน Nissan X-Trail 2018
ระบบความปลอดภัยของทั้ง2รุ่นนี้ก็เรียกได้ว่าดีกันคนละแบบขึ้นกับความชอบ จุดเด่นคือ Honda มีม่านถุงลมและระบบช่วยมองเลนด้านข้างแต่ทาง Nissan จะมีระบบกล้องมองภาพรอบคัน ก็ลองดูว่าพฤติกรรมการขับรถของตนเองนั้นเน้นไปทางการเปลี่ยนเลนแล้วไม่ค่อยมองเห็นจุดอับหรือว่าไม่เห็นจุดอับขณะถอยจอดมากกว่ากัน
เพื่อนๆชาว Chobrod คงพอเห็นภาพความแตกต่างที่มีอย่างละนิดละหน่อยในแต่ละมุมมองของรถยนต์ Honda CR-V 2018และ Nissan X-Trail 2018กันไปแล้วนะครับ ขึ้นอยู่กับตัวเราแล้วว่าพฤติกรรมการขับขี่และความชอบของเราเหมาะกับรถยนต์คันไหนมากกว่ากัน หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้เพื่อนๆตัดสินใจได้ง่ายขึ้นนะครับ
ดูเพิ่มเติม
>> Honda CR-V 2018 ซื้อต่อ หรือรอก่อน?
>> ส่อง Honda CR-V รุ่นดีเซล มีอะไรดี??
ติดตามข่าวสารรถยนต์ เชิญที่นี่
อ่านรีวิวรายละเอียดเกี่ยวกับรถยนต์ เชิญที่นี่