วิธีเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ควรรู้อะไรก่อนซื้อ

ประสบการณ์ซื้อขายรถยนต์ | 9 มี.ค 2566
แชร์ 0

แม้รถยนต์ไฟฟ้าจะได้รับความนิยมขึ้นอย่างมากในไทย แต่ใช่ว่าถ้าอยากได้ ก็สามารถซื้อได้เลย เพราะรถไฟฟ้าไม่ได้เหมาะกับทุกคน ที่นี่มีวิธีเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาแนะนำ

ปัจจุบัน จะเห็นได้ว่ารถยนต์ไฟฟ้าได้รับความนิยมในไทยมากยิ่งขึ้น ด้วยข้อดีที่ไม่ต้องเติมน้ำมัน ลดการเผาไหม้ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทั้งยังสามารถชาร์จแบตได้ที่บ้าน มีความเงียบ และมอบอัตราเร่งที่ดี ทำให้ค่ายรถต่าง ๆ นำรถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาทำการตลาดในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง แต่แม้จะมีข้อดีล้นเหลือ ทว่า รถยนต์ไฟฟ้ากลับไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน จนอาจทำให้ผู้ขับขี่รู้สึกว่าซื้อมาแล้วใช้ลำบาก ในบทความนี้ จึงมีวิธีเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้า มาแนะนำกัน 

วิธีเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้า

ข้อควรรู้ก่อนเลือกซื้อรถ EV

จุดประสงค์ในการใช้งาน

ก่อนซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ต้องดูจุดประสงค์ในการใช้งานด้วยว่าซื้อรถไปเพื่ออะไร ? หากคุณเป็นคนที่มีตารางชีวิต มักทำสิ่งเดิม ๆ ซ้ำ ๆ เป็นประจำแทบทุกวัน เช่น ตอนเช้าขับออกไปเรียน ไปทำงาน หรือไปส่งลูก ตอนเย็นขับกลับบ้าน หรือมีเส้นทางการขับขี่ประจำ ฯลฯ การซื้อรถไฟฟ้ามาใช้ก็นับว่าตอบโจทย์ แต่ถ้าคุณเป็นสายท่องเที่ยว ชอบออกต่างจังหวัดเป็นประจำ ต้องบอกเลยว่า รถไฟฟ้าอาจไม่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณนัก เพราะระยะทางการขับขี่ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งนั้นยังจำกัด อีกทั้งความแพร่หลายของสถานีชาร์จไฟฟ้ายังไม่มากเท่าปั๊มน้ำมัน

วิธีเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้า

ประสิทธิภาพรถยนต์ไฟฟ้า

เช็กไลฟ์สไตล์และจุดประสงค์ในการใช้งาน แล้วดูว่าควรเลือกรถยนต์ไฟฟ้าแบบไหน เช่น หากคุณมีแผนจะใช้เดินทางไกล หรือออกต่างจังหวัดในบางครั้ง ควรเลือกรุ่นที่มีความจุแบตเตอรี่สูง ๆ มาใช้ แต่ถ้านำมาใช้ขับเพื่อไปทำงาน ไปเรียน แล้วขับกลับบ้าน ไม่เกิน 100 กิโลเมตรต่อวัน คุณสามารถเลือกรถไฟฟ้าได้ทุกรุ่น

ด้านขนาดมอเตอร์เองก็สำคัญ หากไม่ต้องการรถที่แรงมาก ใช้ขับในเมืองทั่วไป การเลือกรุ่นรถที่มีมอเตอร์ขนาดเล็ก ประหยัดพลังงาน อาจเป็นตัวเลือกที่ดี ส่วนรถที่มีมอเตอร์ขนาดใหญ่นั้น จะมีกำลังแรง มอบอัตราเร่งที่ดี แต่ก็กินพลังงานเยอะด้วยเช่นกัน

ข้อควรรู้ก่อนเลือกซื้อรถ EV

หัวชาร์จแบตเตอรี่

วิธีการเลือกหัวชาร์จแบตเตอรี่ จะขึ้นอยู่กับตู้ชาร์จแบตเตอรี่ตามสถานีให้บริการ ซึ่งจะมีอยู่ 3 รูปแบบหลัก ๆ ประกอบด้วย

  • AC Type 2 : หัวชาร์จกระแสสลับแบบมาตรฐาน รองรับการจ่ายกระแสไฟฟ้าสูงสุด 43 kW ซึ่งตู้ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในไทย มักจะใช้กำลังจ่ายไฟที่ 22 kW 
  • DC CCS2 : หัวชาร์จไฟฟ้ากระแสตรงแบบมาตรฐานยุโรป มีการใช้งานแพร่หลาย ทั้งในประเทศจีน โซนยุโรป รวมถึงรถที่ใช้มาตรฐานการชาร์จแบบ European Standard  รองรับการจ่ายกระแสไฟฟ้าสูงสุด 350 kW ส่วนตามสถานีชาร์จในไทย จะมีการจ่ายพลังงานไฟฟ้าสูงสุดที่ 50-120 kW  
  • DC CHAdeMO (CHArge de Move) : หัวชาร์จไฟฟ้ากระแสตรงที่ได้รับความนิยมในประเทศญี่ปุ่น ส่วนในประเทศไทยมีอยู่ 2 ยี่ห้อ ได้แก่ ตู้ชาร์จของ PTT EV และ PEA Volta รองรับการจ่ายกระแสไฟฟ้าสูงสุด 100 kW ซึ่งในไทย จะรองรับการจ่ายกระแสไฟฟ้าสูงสุดที่ 50-60 kW

ข้อควรรู้ก่อนเลือกซื้อรถ EV

ออปชันต่าง ๆ และการบริการ

ก่อนซื้อรถยนต์ไฟฟ้า อย่าลืมเช็กออปชัน หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ให้มาว่าเพียงพอต่อการใช้งาน และความต้องการของคุณหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นส่วนของ อุปกรณ์อำนวยความสะดวก ระบบความบันเทิง หรือเทคโนโลยีความปลอดภัย เพื่อให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด 

นอกจากนี้ ในเรื่องของบริการหลังการขาย การรับประกัน รวมถึงของแถมต่าง ๆ ก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน หากเป็นการรับประกันแบตเตอรี่ 10 ปี และการรับประกันที่ 5 ปี หรือ 100,000 กม. อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน หรือมากกว่านี้ จะดีกับคุณมาก ส่วนของแถมที่มากับรถยนต์ไฟฟ้า ส่วนใหญ่มักจะเป็น สายชาร์จฉุกเฉิน และ Home Charger 

วิธีเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ทำได้ไม่ยาก เพียงแค่เลือกรถยนต์ไฟฟ้าให้เหมาะกับลักษณะการใช้งาน ไลฟ์สไตล์ หรือจุดประสงค์ที่ต้องการใช้ ก็จะได้รถยนต์ไฟฟ้าที่เกิดประโยชน์และคุ้มค่ากับคุณมากที่สุดแล้ว 

ก่อนซื้อรถยนต์ไฟฟ้า

ขอบคุณข้อมูลจาก autospinn

อ่านเพิ่มเติม >>