หัวใจใหม่คือไฮไลท์ของรุ่นนี้
MG ขยาดตลาดใส่เครื่องยนต์ที่เล็กลงแต่พละกำลังที่ได้ไม่แตกต่างจากเดิมเท่าไรนัก ด้วยเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรเบนซินรหัส 15E4E ซึ่งเป็นคนละบล็อกกับรุ่น MG5 ให้กำลังสูงสุด 167 แรงม้า (PS) ที่ 5,600 รอบต่อนาทีแบบ DOHC 4 สูบ Turbo TGI-TECH ระบบจ่ายน้ำมันแบบฉีดตรง GDI ( Gasoline Direct Injection ) แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร ที่ 1,700-4,400 รอบต่อนาที ทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ TST ( Twin Clutch Sportronic Transmission ) แบบ 7 Speed ซึ่งรุ่น 1.5 นี้มีแต่ตัวขับเคลื่อนสองล้อเท่านั้น รองรับน้ำมันแบบครบวงจรทั้ง E85 เบนซิน 95 แก็สโซฮอลล์ 95 E10 E20
เครื่องยนต์ 1.5 TURBO ให้กำลังไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ารุ่น 2.0 TURBO
มาดูที่ความแตกต่างของเครื่องยนต์ระหว่าง 2.0 TURBO VS 1.5 TURBO
แรงม้า
รุ่น 2.0 =218 แรงม้า รุ่น 1.5 = 167 แรงม้า
แรงบิดสูงสุด
รุ่น 2.0 = 350 นิวตัน รุ่น 1.5 = 250 นิวตันเมตร
กำลังช่วงต้นของเครื่อง 1.5 แสดงผลออกมาได้ไวกว่ารุ่น 2.0 เพราะถูกทางโรงงานเซ็ทรอบเครื่องมาให้ต่ำกว่า ทำให้อัตราเร่งสามารถตอบสนองผู้ใช้ได้ดีกว่า สามารถทำเวลาเร่ง 0-100 ได้ดีกว่าพวกรุ่น Mazda CX-5 2.0, Subaru XV 2.0 และรุ่นอื่นๆ ที่บล๊อกใหญ่กว่าอีกหลายๆรุ่น เรียกว่าเล็กพริกขี้หนูก็คงไม่ผิด
ช่วงล่าง แม็คเฟอร์สันสตรัตในด้านหน้าและด้านหลังเป็นแบบ Multi-Link บวกกับเหล็กกันโคลงหน้าหลัง ที่ใช้อยู่ในรุ่น 2.0 เมื่อนำเครื่องยนต์ที่ขนาดเล็กกว่ามาใช้ ทำให้ความสามารถของช่วงล่างทำได้ดีขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย ล้อและยางที่ขนาดเปลี่ยนไปจากรุ่น 2.0 ก็ช่วยทำให้ช่วงการขับขี่ดี หนึบ เกาะถนนได้มากกว่าเดิม อีกทั้งระบบความปลอดภัยที่ช่วยในการขับขี่ ทั้ง
ระบบควบคุมการทรงตัว SCS, ระบบป้องกันการลื่นไถลเมื่อเกียร์ลดต่ำ MSR, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และลดการลื่นไถล TCS, ระบบควบคุมการเบรคในขณะเข้าโค้ง CBC, ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรคค้างไว้ AVH, ระบบเบรคมือไฟฟ้า EPB, ถุงลมนิรภัยคู่หน้า และม่านถุงลมนิรภัย
ช่วงล่างมีการปรับเพิ่มเติมเพื่อให้เข้ากับเครื่องยนต์ที่เล็กลง