ไปดูรถยนต์คู่ใจสายลับ"เจมส์ บอนด์" ภาคใหม่ "Aston Martin Valhalla"

Aston Martin ค่ายรถซูเปอร์คาร์สัญชาติอังกฤษ ที่เป็นอีกหนึ่งรถยนต์อันเป็นที่ใฝ่ฝันของคอรถยนต์ทั้งโลก รวมไปถึงคนที่ชื่นชอบรถยนต์ชาวไทยด้วยเช่นกัน และกับการเคลื่อนไหวล่าสุด Aston Martin ก็พร้อมแล้วที่จะส่งซูเปอร์คาร์คันใหม่ของค่ายตัวเอง ไปประกบเป็นรถคู่ใจในภารกิจของสายลับชื่อก้องโลกกับภาพยนตร์007ซึ่งพระเอกของเรื่องที่อยู่ยงคงกระพันมาหลายสิบปีจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากชายผู้นี้ เจ้าของรหัสสายลับ 007 "เจมส์ บอนด์"

007 ถือเป็นภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง และหนึ่งในหนังเรื่องนี้ที่ "ต้องมี" และ "ขาดไม่ได้เด็ดขาด" นั่นคือรถยนต์คู่ใจของสายลับ 007 อย่างเจมส์ บอนด์ ซึ่งรถยนต์คันนั้นก็จะมีเพียงยี่ห้อเดียวที่เขาเลือกใช้ นั่นคือซูเปอร์คาร์แรงและหรูจากแดนผู้ดี Aston Martin

โฉมหน้าของ Aston Martin Valhalla ไฮเปอร์คาร์ของเจมส์ บอนด์ภาคใหม่ 

สำหรับภาคใหม่ของ "007 เจมส์ บอนด์" Aston Martin ส่งตัวใหม่ของค่าย และมันจะไม่ใช่แค่ซูเปอร์คาร์ หากแต่มันถูกยกระดับขึ้นมาเป็นถึง "ไฮเปอร์คาร์" รถระดับบนสุดบนห่วงโซ่กลุ่มรถยนต์ของโลกใบนี้ เพื่อให้เหมาะสมที่สุดกับพระเอกของเรื่องนั่นคือ รุ่น Aston Martin Valhalla 

ที่น่าสนใจคือ Aston Martin Valhalla มันผลิตจริงให้เศรษฐีที่ต้องการครอบครองมสีโอกาสได้เป็นเจ้าของด้วย และที่น่าสนใจคือผลิตขึ้นมาแค่ 500 คัน และพร้อมจะเปิดขายและส่งมอบให้กับเศรษฐีทั่วโลกที่จองมันได้จองมันทันในปี 2021 กับราคาค่าตัวที่ 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็นเงินไทยก็ตกราวเกือบๆ 40 ล้านบาท ซึ่งถือว่าแพงอย่างมากกับตลาดรถต่างประเทศ และไม่ต้องคิดถึงเลยว่าจะเข้าไทยมันจะราคาพุ่งไปเกือบๆ ร้อยล้านบาทเป็นแน่เพราะต้องบวกภาษีนำเข้ารถยนต์หรูที่มหาโหดตามกฎหมาย

ภายในที่สุดล้ำของความไฮเทค 

แต่กระนั้นก็ตามเจ้า Aston Martin Valhalla จะปรากฎตัวให้เห็นกันก่อนในหนังสายลับ 007 เจมส์ บอนด์ ในภาคที่ 25 ที่จะเข้าฉายทั่วโลกในไม่ช้านี้ ซึ่งสเป็กต์ของ Aston Martin Valhalla รถที่จะมาคู่ใจพระเอกฮอลลีวูดชื่อดังที่รับบทเจมส์ บอนด์  Daniel Craig คือ ตัวถังทั้งคันจะเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ที่เบาแต่แข็งแรงมากที่สุด และมันจะทำให้ Aston Martin Valhalla มีน้ำหนักรถทั้งหมดเพียงแค่ 1,350 กิโลกรัมเท่านั้น ความแรงของมันถูกรีดมาจากเครื่องยนต์แบบไฮบริด V6 แบบ Turbocharger ที่ให้แรงม้ามากถึง 1,000 ตัว ขับเคลื่อนด้วยเกียร์แพดเดิลชิฟ 8 สปีด อีกทั้งระบบขับเครื่องยังเอาแนวคิดมาจากรถยนต์สูตรหนึ่งฟอร์มูล่าวัน ด้วยเฟืองท้ายที่เป็นแบบ Limited Slip Differential แบบเดียวกับที่นักแข่งระดับโลกเข้าใช้ในรถสูตรหนึ่ง แถมด้วยระบบขับเคลื่อนยังเป็นแบบ AWD ความแรงที่ว่าส่งผลให้ Aston Martin Valhalla เร่งความเร็วจากจุดหยุดนิ่งทะยานไปแตะความเร็วที่ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงด้วยระยะเวลาแค่ 2.5 วินาที หรือหายใจเบาๆ แค่ 3-4 ครั้งก็แตะความเร็วระดับนี้ได้แล้ว ส่วนความเร็วสูงสุดของมันถูกเคลมเอาไว้ว่าทำได้สูงถึง 354 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยทีเดียว

ดูเพิ่มเติม
>> Aston Martin DBS 59 สปอร์ตรุ่นพิเศษรำลึกถึงแชมป์เลอม็องส์
>> Aston Martin Works สร้างระบบเปิด EV ในรถ ป้องกันปัญหารถคล่าสสิกวิ่งบนถนนไม่ได้ในอนาคต

Aston Martin Valhalla เวอร์ชั่นขายจริงกับค่าตัว 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ 

ไฮเปอร์คาร์อย่าง Aston Martin Valhalla นอกจากไฮไลท์ของมันที่จะได้โอกาสเข้าไปอยู่ในหนังฟอร์มยักษ์ที่ทั้งโลกติดตามแล้ว ที่ผ่านมาคอรถยนต์คงทราบกันดีว่า Aston Martin ได้ร่วมเป็นกำลังหลักในการสนับสนุนทีมแข่งรถยนต์ฟอร์มูล่าวันจากออสเตรียชื่อดังอย่างทีม Redbull Racing ซึ่งจากความร่วมมือนี้เอง ทาง Redbull Racing ก็ได้ส่งวิศวกรของทีมที่เป็น "หัวใจ" ของการออกแบบรถยนต์ฟอร์มูล่าวันของทีมมาทำงานพัฒนา คือ  Adrian Newey ซึ่งชายผู้นี้โดดเด่นอย่างมากกับเรื่องของหลักแอร์โร่ไดนามิกส์ในรถแข่ง และฝีมือของเขาก็การันตีแชมป์โลกฟอร์มูล่าวันให้กับทีม Redbull Racing ไปแล้วถึง 4 สมัยกับตำแหน่งนักขับ และกับอีก 3 สมัยในฐานะทีมผู้ผลิต และ Adrian Newey ก็เข้ามาพัฒนาออกแบบให้กับ Aston Martin  จนทำให้คลอด Aston Martin Valhalla ออกมาสู่โลกรถยนต์ และไม่ต้องคิดเลยว่ารถคันนี้จะแรงมากขึ้นแค่ไหน และจะแหวกอากาศเมื่อทำความเร็วสูงแต่มันยังหนึบอยู่กับพื้นโลกได้ดีเพียงใด เพราะฝีมือในอดีตเป็นเรื่องการันตีอยู่แล้ว

ทั้งนี้ แว่วว่านอกจาก Aston Martin Valhalla ที่จะเป็นตัวเอกในหนังเรื่อง 007 ภาคใหม่แล้ว  Aston Martin ก็ยืนยันด้วยว่าจะมีรถในค่ายอีกสองรุ่นเข้าร่วมฉากด้วย นั่นคือ Aston Martin DB5 และ Aston Martin V8 แต่ทั้งสองตัวยังสู้ไม่ได้กับเจ้าไฮเปอร์คาร์ชื่อแรกตัวแรงของค่ายที่พัฒนามาถึงขีดสุดแล้ว

 Daniel Craig ดาราชื่อดังผู้รับบทเจมส์ บอนด์ กับ Aston Martin คู่ใจในภาค Skyfall 

ส่วนเศรษฐีไทยใครอยากลองจะเป็นเจ้าของก็ต้องรีบหน่อย เพราะอย่างที่บอกเอาไว้ว่ามันผลิตมาแค่ 500 คันและต้องแลกกับภาษีนำเข้าอีกมหาศาล ซึ่งสะท้อนได้เลยว่าต้อง "รักจริง" ถึงอยากจะครอบครองแน่ๆ ส่วนคอรถยนต์ชาวไทยที่เงินไม่ถึงก็ไปดูเอาได้ในโรงภาพยนตร์พร้อมๆ กัน

NEW Aston Martin Valhalla (First Look)

Chobrodขอฝากความรู้เกี่ยวกับรถยนต์ไว้เพียงเท่านี้เเละคราวหน้าเรื่องอะไรติดตามไปพร้อมกันเลยนะครับ

ดูเพิ่มเติม
>> เลือกตั้งชัด Aston Martin โตตาม - หวังยอดขาย 15% ในประเทศ
>> Aston Martin DBS Superleggera ตัวแรงสุดระดับ 700 ม้า ที่ “เบากว่า” กับราคาเหยียบ 30 ล้าน

ติดตามข่าวสารรถยนต์ คลิกที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสองสภาพดี เชิญเข้าดูที่ตลาดรถตรงนี้