รถยนต์ไฟฟ้ามาเร็วไป ผู้ผลิตส่วนใหญ่อาจจะเจ๊ง จาก ประธาน Toyota

ตลาดรถยนต์ต่างประเทศ | 30 พ.ย 2560
แชร์ 2

ประธานแห่ง Toyota และเจ้าพ่อรถยนต์ไฮบริด Toyota Prius ออกโรงเตือนวงการรถยนต์ว่า ถ้ารถยนต์ไฟฟ้ามาเร็วไป จะเป็นผลเสียต่ออุตสาหกรรม เพราะต้นทุนในการผลิตยังสูง ถ้ารถยนต์ไฟฟ้ามาเร็วไป ผู้ผลิตหลายรายไม่รอดแน่ แม้แต่ Toyota

Takeshi Uchiyamada ประธานแห่ง Toyota
Takeshi Uchiyamada ประธานแห่ง Toyota

ประธาน Toyota ฟันธงรถยนต์ไฟฟ้ายังไม่มาเต็มตัวแน่ก่อนปี 2030 Takeshi Uchiyamada ประธานแห่ง Toyota เจ้าพ่อรถยนต์ไฮบริด Toyota Prius  ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Nikkei Asian Review โดยพูดถึงประเด็นเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าไว้อย่างน่าสนใจว่า “หากรถยนต์ไฟฟ้ามาเร็วเกินไป ผู้ผลิตรถยนต์ส่วนใหญ่จะเจ๊งกันหลายราย ไม่เว้นแม้แต่แบรนด์ยักษ์ใหญ่อย่าง Toyota” โดยเขากล่าวเพิ่มเติมว่า เป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นที่จะต้องลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2)  โดยการใช้พลังงานทดแทนไม่ว่าจะเป็นพลังงานแสงอาทิตย์หรือพลังงานลม สำหรับในวงการรถยนต์แล้ว รถยนต์ไฮบริดก็ยังตอบโจทย์เรื่องสิ่งแวดล้อมทุกประการ ไม่จำเป็นจะต้องเป็นรถยนต์ไฟฟ้าแต่อย่างใด

ถ้าผู้ผลิตรถยนต์แต่ละรายต้องหันมาผลิตรถยนต์ไฟฟ้ากันหมด จะทำให้ต้องแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้นหลายเท่า เอาให้เห็นภาพ รถยนต์ Prius ที่เป็นปลั๊กอิน-ไฮบริดซึ่งท่านประธาน Uchiyamada เชียร์อยู่นั้นก็ต้องฟังหูไว้หูเพราะเจ้าพ่ออุตสาหกรรมรถยนต์ก็ต้องมองที่ผลลัพธ์ของภาพรวมทั้งหมดอยู่แล้วแต่คาดว่าการแข่งขันจะเน้นไปที่การแข่งกันลดต้นทุนการผลิตเป็นสำคัญ ในเมื่อทิศทางรถยนต์ไฟฟ้าต้องมาแน่นอนอยู่แล้วการออกมากล่าวแบบนี้ต้องมีนัยแฝงเป็นเรื่องธรรมดาของโลกการค้าและการแข่งขัน ท่านประธาน Uchiyamada เน้นย้ำเกี่ยวกับการผลิตแบตเตอรี่ใน Prius ต้องใช้ต้นทุนเพิ่มขึ้น 3 เท่าเมื่อเทียบกับแบตเตอรี่ในรถยนต์ทั่วไป แต่สำหรับแบตเตอรี่ในรถยนต์ไฟฟ้า ต้องใช้ต้นทุนเพิ่มขึ้นอีก 5 เท่าเมื่อเทียบกับการผลิตแบตเตอรี่ในรถยนต์ไฮบริด

Takeshi Uchiyamada มองทิศทางรถยนต์ไฟฟ้า
Takeshi Uchiyamada มองทิศทางรถยนต์ไฟฟ้า

ท่านประธานแห่ง Toyota ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า “เร็วเกินไป … Toyota ขายรถยนต์อยู่ที่ 9 ล้านคันต่อปี และประมาณ 15% หรือ 1.4 ล้านคันเป็นรถยนต์ไฮบริด เราใช้เวลาตั้ง 20 ปีในการมาถึงจุดนี้ได้ เพราะฉะนั้นที่บอกว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะครองตลาด 30% ในปี 2030 มันแทบจะเป็นไปไม่ได้ แต่ต่อให้เป็นไปได้ ก็ต้องมาจากการผ่อนปรนข้อกฎหมายในแต่ละประเทศ ซึ่งนั่นจะทำให้เกิดความวุ่นวายและผู้บริโภคจะไม่มีความสุขอย่างแน่นอน เพราะจะมีปัญหาที่ต้องตามแก้ไขกันอีกเพียบ เช่น ระยะเวลาในการชาร์ตแบตเตอรี่ อายุขัยของแบตเตอรี่ และอีกมากมายหลายประการ”

ขอบคุณข้อมูลจาก brandinside

ดูเพิ่มเติม :
>>Toyota ส่งออกรถยนต์ครบ 3 ล้านคันในโครงการไอเอ็มวี (IMV) และส่งออกไฮลักซ์ไปญี่ปุ่น
>>Toyota วางแผนประหยัดเงินได้ $879 ล้าน เพื่อวิจัยและพัฒนาระบบ
>>
‘ตามให้ทันโลก’ เรื่องรถยนต์ไฟฟ้ากับประเทศไทย ที่ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป