“Shell” ครองเจ้าตลาดน้ำมันหล่อลื่นโลกติดต่อกันนับ 10 ปี

เชลล์สร้างความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ครองตำแหน่งผู้นำอันดับหนึ่งของตลาดน้ำมันหล่อลื่นทั่วโลก

นายจอห์น แอ็บบอท กรรมการบริหารและผู้อำนวยการธุรกิจดาวน์สตรีม รอยัล ดัชท์ เชลล์  กล่าวว่า “ในสภาวะที่ตลาดมีการแข่งขันสูง การบรรลุเป้าหมายครั้งนี้นับเป็นความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจ สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยี ใส่ใจความต้องการของผู้บริโภคเป็นหลักและนำมาสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์และการบริการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแน่นอนว่าเราจะเดินหน้าลงทุนเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นของตลาดทั่วโลก และต่อยอดความสัมพันธ์อันดีระหว่างผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรม และไม่หยุดยั้งในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และการบริการใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง และเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานในอนาคต”

Shell (Zhuhai) Lubricants Co. Ltd. Laboratory

ในประเทศไทยยังมีอัตราการความต้องการเติบโตสูงสุดที่ 2.4% ตามด้วยเกาหลีใต้ (2.1%) เม็กซิโก (2%) อินโดนีเซีย (1.8%) และอินเดีย (1.1%) โดยเชลล์ได้ทุ่มทุนหลายพันล้านบาท เดินหน้าปรับเปลี่ยนและเสริมสร้างความแข็งแกร่ง ให้แก่เครือข่ายน้ำมันหล่อลื่นอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของกลุ่มธุรกิจยานยนต์และกลุ่มอุตสาหกรรม ปัจจุบันเชลล์มีโรงงานผลิตน้ำมันหล่อลื่น 40 แห่ง โรงกลั่นน้ำมัน 5 แห่ง และโรงงานผลิตจาระบี 10 แห่งทั่วโลก เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มาขึ้นในภูมิภาคเอเชีย ล่าสุดเชลล์จึงได้ดำเนินการเปิดโรงงานผลิตน้ำมันหล่อลื่น และโรงงานผลิตจาระบีที่บริเวณทูแอสประเทศสิงคโปร์

ด้วยการพัฒนากระบวนการผลิตเชลล์สามารถผลิตน้ำมันหล่อลื่นเกรดพรีเมี่ยม

ผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นของเชลล์ยังเป็นผู้นำตลาดน้ำมันหล่อลื่นสำหรับรถยนต์โดยสารในประเทศสหรัฐอเมริกา (22%) ฟิลิปปินส์ (32%) มาเลเซีย (31%) แคนาดา (19%) และสาธารณรัฐประชาชนจีน (14%) โดยมีเทคโนโลยีใหม่ในการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงจากก๊าซธรรมชาติ (GTL) ที่นำมาใช้พัฒนากระบวนการผลิตน้ำมันหล่อลื่นเกรดพรีเมี่ยม และเป็นหนึ่งในองค์ประกอบหลักในการขับเคลื่อนสู่ความสำเร็จ นอกจากนี้ เชลล์ได้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นสำหรับใช้ในอุตสาหกรรม ตั้งแต่ กังหันลม อุปกรณ์การทำเหมืองและเครื่องจักรกลสำหรับการผลิต โดยในภาคน้ำมันหล่อลื่นสำหรับใช้ในอุตสาหกรรม เชลล์ครองตลาดในประเทศฟิลิปปินส์ (29%) ไทย (24%) มาเลเซีย (20%) สหราชอาณาจักร (18%) ส่วนในตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ เชลล์เป็นผู้นำในตลาดมาเลเซีย (31%) แคนนาดา (20%) และสหรัฐอเมริกา (18%) 

อีกทั้งปัจจุบันเชลล์ยังมีการพัฒนาการบริการทางเทคนิค ทำให้ช่วยลดค่าใช้จ่ายกว่าหลายร้อยล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ โดย “การบริการผู้ช่วยเสมือน (Virtual Assistant)” ซึ่งเป็นการบริการแบบครบวงจรที่ขับเคลื่อนโดยระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการดูแลรับผิดชอบเกี่ยวกับการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันหล่อลื่น รวมถึงการตอบคำถามที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทำให้ลูกค้าสามารถเลือกใช้น้ำมันหล่อลื่นอย่างเหมาะสมในการดูแลรักษาเครื่องยนต์และอุปกรณ์ต่างๆ 

ดูเพิ่มเติม :
>>รถกินน้ำมันเครื่อง!! สาเหตุของน้ำมันเครื่องหาย เกิดจากอะไร?
>>เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ทุก 5,000 กิโลเมตร เครื่องจะไม่โทรม จริงหรือ??
>>เลือกเติมน้ำมันเครื่องยังไงให้เหมาะกับรถของคุณ กับ 5 เรื่องที่ต้องพิจารณา