Mercedes-Benz ได้เปิดตัว รถยนต์พลังงานไฟฟ้าสาย SUV/Crossover พลังไฟฟ้าล้วนใหม่ล่าสุดภายใต้รหัส EQC ไปเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2018 ที่ผ่านมา ณ แกลเลอรี่ Artipelag กรุง Stockholm ประเทศสวีเดน โดยถือเป็นรถรุ่นแรกของ Sub-brand ” EQ ” โดยเตรียมขายจริงในปี 2019
Mercedes-Benz EQC 400 4MATIC 2019
New Mercedes-Benz EQC 400 โดยแนวคิดในการออกแบบของ EQC คือ การสร้างความรู้สึกให้ผู้ใช้รถ Mercedes-Benz สำหรับคนยุคใหม่ ทีมออกแบบของ Mercedes-Benz ก็ยังต้องการให้รถรุ่นนี้มีเอกลักษณ์ทางเส้นสายที่เชื่อมสัมพันธ์กับรถ SUV/Crossover ด้านเทรน ของผู้ใช้รถในปัจจุบันเป็นไปในทิศทาง suv มากขึ้น
รถยนต์พลังไฟฟ้า Mercedes-Benz EQC 400 4MATIC
ดูเพิ่มเติม
>> Isuzu King of Trucks ประเทศไทย เปิดตัวรถบรรทุก 6 ล้อขนาดกลางรุ่นใหม่ Isuzu FRR 2018
>> เมื่อ Alexa มาอยู่ในรถยนต์ SEAT
การดีไซน์ภายในห้องโดยสารเลือกใช้โทนสีดำเป็นหลัก แผงควบคุมบริเวณคอนโซลกลางค่อนข้างใกล้เคียงกับรถ Mercedes รุ่นปัจจุบัน โดยที่นั่งฝั่งคนขับให้คำนิยามว่า “Cut-out” เพื่อแยกพื้นที่เป็นเหมือนค๊อกพิตต์ควบคุมพิเศษ ติดตั้งหน้าจอแสดงข้อมูลขับขี่จะเป็นแผงยาวต่อกับหน้าจอตรงกลางให้ความรู้สึกล้ำสมัยมากขึ้น
การดีไซน์ภายในห้องโดยสารของ Mercedes-Benz EQC 400 4MATIC
New Mercedes-Benz EQC จะขับเคลื่อนด้วยพลังงานแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 80 กิโลวัตต์ชั่วโมง (น้ำหนักรวม 650 กิโลกรัม) ส่งกำลังผ่านมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ Asynchronous Motors ด้วยระบบขับเคลื่อนที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่แยกการควบคุมเพลาแต่ละข้างเพื่อให้ได้อารมณ์การขับแบบ All-wheel Drive มีกำลังสูงสุด 300 กิโลวัตต์หรือ 408 แรงม้า และแรงบิด 765 นิวตันเมตร โดยจำกัดความเร็วสูงสุดไว้ที่ 180 กม./ชม. ใช้เวลา 5.1 วินาทีทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม.
การดีไซน์ของ Mercedes-Benz EQC 400 4MATIC
ระยะทางในการขับขี่ Mercedes เคลมเอาไว้ว่า EQC วิ่งได้ไกลเกิน 450 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง โดยจะกินไฟราว 22.2 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อการขับ 100 กิโลเมตร แต่ตัวเลขทั้งหมดนี้ยังเป็นข้อมูลชั่วคราวภายใต้มาตรฐานการทดสอบ NEDC ของยุโรป
ความเร็วในการชาร์จไฟของ Mercedes EQC ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ และกำลังไฟเช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์อื่นๆ โดยจะมีปลั๊กชาร์จไฟแบบปกติ (Onboard Charger-OBC) เหมือนกับโมเดล Plug-in Hybrid ของพวกเขาเพื่อใช้งานที่บ้าน รองรับกำลังไฟฟ้าสูงสุด 7.4 กิโลวัตต์ แต่หากใช้ Mercedes-Benz Wallbox จะชาร์จเร็วขึ้นประมาณ 3 เท่า เช่นเดียวกับการใช้บริการที่สถานีชาร์จไฟที่จ่ายไฟฟ้ากระแสตรง (DC Charging)
ทีมวิศวกร Mercedes ติดตั้งโหมดการขับขี่ให้ใช้งานถึง 5 รูปแบบไล่เรียงจาก Comfort, ECO, Max Range, Sport และการปรับแต่งตามความชอบ Individually Adaptable
Max Range เป็นโหมดการขับที่เพิ่มเข้ามาจากรถ Mercedes ที่ขายอยู่ในปัจจุบัน โดยจะช่วยควบคุมให้ขับได้ระยะทางไกลที่สุดเท่าที่กำลังไฟฟ้าของแบตเตอรี่หลงเหลืออยู่ แต่ที่สำคัญคือระบบช่วยเหลือ ECO Assist ที่จะส่งสัญญาณเตือนคนขับว่าตอนไหนควรยกเท้าออกจากคันเร่งเพื่อสะสมพลังไฟฟ้ากลับสู่แบตเตอรี่ รวมทั้งเตือนไม่ให้ขับเกินความเร็วที่กฎหมายกำหนด รวมทั้งประมวลผลจากเนวิเกเตอร์, ป้ายสัญญาณจราจร และเรดาห์ตรวจจับเพื่อช่วยเลือกเส้นทางสู่จุดหมายที่สั้นที่สุดอีกด้วย
>>> ดูเพิ่มเติม รถเบนซ์มือสอง
การดีไซน์ภายนอกของ Mercedes-Benz EQC 400 4MATIC
Source: Mercedes
Chobrodขอฝากความรู้เกี่ยวกับรถยนต์ไว้เพียงเท่านี้และ คราวหน้าจะเป็นเรื่องอะไร ติดตามกันได้ต่อเนื่องเลยนะคะ เเละ อย่าลืมแชร์ความรู้เกี่ยวกับเรื่องรถยนต์ของคุณให้เราด้วยโดยการให้ Comment ด้านล่างนี้ได้เลย
ดูเพิ่มเติม
>> PHEV กำลังโต! Mercedes ไทยประกาศเพิ่มที่ชาร์จไฟ 200 จุด
>> รถยนต์คันแรกของโลกหน้าตาเป็นอย่างไร