Honda Jazz (Fit) Comfort Edition 2018 รุ่นใหม่ไม่ง้อฟิล์ม

ตลาดรถยนต์ต่างประเทศ | 29 ส.ค 2561
แชร์ 0

เมื่อพูดถึง Honda Jazz เชื่อแน่ว่าคงเป็นรุ่นที่หลายคนกำลังใช้ และกำลังเล็งอยู่ไม่น้อยเลย ซึ่งด้วยการเตอบโตด้านรถยนต์อย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้ Honda ได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบโจทย์ลูกค้า

Honda Jazz (Fit) Comfort Edition 2018 รุ่นใหม่ไม่ง้อฟิล์ม

Honda Jazz (Fit) Comfort Edition 2018 รุ่นใหม่ไม่ง้อฟิล์ม

Honda Jazz 2018 หรือในญี่ปุ่นคือ Honda Fit 2018 ได้เพิ่มความโดดเด่นด้วยการเพิ่มรุ่นย่อยพิเศษชื่อว่า Comfort Edition 2018 ที่มาพร้อมกับกระจกตัดแสง UV/IR รอบคัน พร้อมมีสีพิเศษใหม่เพิ่มถึง 3 สี ที่ตอบสนองผู้ที่ไม่ได้อยากได้ความสปอร์ตหรือหรูหราแต่เน้นใช้งานมากกว่า ซึ่งราคาก็ขยับขึ้นไปด้วย

Honda Fit Comfort Edition 2018 นี้เป็นการนำเอา Honda รุ่นย่อย F มาเพิ่มอุปกรณ์กระจกกันรังสียูวีได้ถึง 99% และลดปริมาณรังสีอินฟาเรดได้ ทั้งมาพร้อมกับระบบอุ่นเบาะคู่หน้า และมีกล่องเก็บของระหว่างเบาะคู่หน้าที่สามารถวางแขนได้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน 

Honda Jazz (Fit) Comfort Edition 2018 กันรังสีรอบคัน

Honda Jazz (Fit) Comfort Edition 2018 กันรังสีรอบคัน

ส่วนขุมพลังนั้นก็มีให้เลือกทั้งแบบเครื่องยนต์เบนซินและเครื่องยนต์ไฮบริด โดยที่รุ่นเบนซินจะเป็นเบนซิน 4 สูบขจชนาด 1.3 ลิตร i-VTEC ทำงานประสานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT และในเครื่องยนต์เบนซินก็จะพิเศษตรงที่มีกล่องเก็บของและที่เท้าแขนบริเวณคอนโซลกลางเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน  ส่วนในรุ่นไฮบริดจะเป็นเบนซิน 4 สูบขนาด 1.5 ลิตร i-VTEC ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า i-CDC และประสานงานกับเกียร์อัตโนมัติแบบคลัชคู่ ทั้ง 2 ขุมพลัง จะมีระบบขับเคลื่อนให้เลือกทั้งแบบ 2 ล้อหน้า และ 4 ล้อ AWD

ดูเพิ่มเติม
>>Honda Jazz กับ Toyota Yaris ซื้อคันไหนดีกว่ากัน ?
>>Five Fact : Honda Jazz 2018 ดีไหม ? กับ 5 เรื่องต้องรู้ก่อนตัดสินใจซื้อ

ภายใน Honda Jazz (Fit) Comfort Edition 2018

ภายใน Honda Jazz (Fit) Comfort Edition 2018

Honda Jazz (Fit) Comfort Edition 2018 ที่มาพร้อมเทคโนโลยี

Honda Jazz (Fit) Comfort Edition 2018 ที่มาพร้อมเทคโนโลยี

Honda Jazz (Fit) 2018 มีให้เลือกทั้งเบนซินและไฮบริด

Honda Jazz (Fit) 2018 มีให้เลือกทั้งเบนซินและไฮบริด

นอกจากนี้ Honda Fit 2018 Comfort Edition ก็จะมีตัวถึงเพิ่มขึ้นเข้ามาอีก 3 สีได้แก่ สีเขียว บริติช กรีน เพิร์ล (British Green Pearl) สีฟ้า มอร์นิ่ง มิสต์ บลู เมทัลลิก (Morning Mist Blue Metallic) สีขาว พรีเมียม ไอวอรี่ เพิร์ล (Premium Ivory Pearl) ในรุ่นย่อยอื่นก็มีให้เลือก 6 สีได้แก่ สีแดง อะเมทิสต์ เมทัลลิก (Rouge Amethyst Metallic) สีดำ คริสตัล แบล็ก (Crystal Black) สีแดง พรีเมียม คริสตัล เรด เมทัลลิก (Premium Crystal Red Metallic) สีขาว แพลทตินั่ม ไวท์ เพิร์ล (Platinum White Pearl) สีน้ำเงิน มิดไนท์ บลู บีม เมทัลลิก (Midnight Blue Beam Metallic) และสีเงิน ลูนาร์ ซิลเวอร์ เมทัลลิก (Luna Silver Metallic) 

ส่วนราคานั้นเริ่มต้นที่ 1,461,240 เยน หรือประมาณ 424,000 บาทในรุ่นเครื่องยนต์ 1.3 ลิตร ในขณะที่รุ่นไฮบริด เริ่มต้นที่ 1,847,880 เยน หรือประมาณ 535,400 บาท 

เป็นยังไงบ้างกับรถที่ฮอนด้าได้พัฒนา นับว่าเป็นรถที่เหมาะกับโลกในยุคปัจจุบันอย่างแท้จริง กรองแสงป้องกันยูวีและอินฟาเรด แบบไม่ต้องไปติดตั้งเพิ่ม เพราะใส่มาให้แล้ว บอกเลยว่าตอบโจทย์บ้านเราอย่างมากเลย แล้วชาว Chobrod ล่ะว่ายังไงบ้าง คอมเม้นท์กันมาได้ หรืออยากบอกอะไรก็บอกทางนี้ได้เลย 

ดูเพิ่มเติม
>>All New Honda Jazz Hybrid จะเปิดตัวช่วงปี 2019 พร้อมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าช่วย 2 ตัว
>>Honda Jazz EV เตรียมกลับมาอีกครั้งในโฉม GK ปี 2020 เพื่อลุยตลาดแดนมังกร

ติดตามข่าวสารรถยนต์ เชิญที่นี่  
ต้องการซื้อรถมือสองสภาพดีและน่าเชื่อถือ เชิญที่นี่