Ford Everest 2022 เจเนอเรชันใหม่ ภายในสุดล้ำ เครื่องยนต์ให้เลือก 4 แบบ

ตลาดรถยนต์ต่างประเทศ | 1 มี.ค 2565
แชร์ 0

เปิดตัว Ford Everest 2022 เจเนอเรชันใหม่ ออกแบบให้ภายนอกแข็งแกร่ง ดุดัน ภายในห้องโดยสารหรูหรา ทันสมัย ปรับดีเทลดีไซน์ผ่าน 3 รุ่นย่อย รุ่นสปอร์ต รุ่นไทเทเนียมพลัส และรุ่นย่อยใหม่แพลทินัม

 Ford Everest 2022

 Ford Everest 2022

 Ford Everest 2022

ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี เปิดตัว Ford Everest 2022  (ฟอร์ด เอเวอเรสต์) เจเนอเรชันใหม่ครั้งแรกในโลก โดยทีมวิศวกรและนักออกแบบของฟอร์ดจึงกำหนดเป้าหมายในการพัฒนา คือการพัฒนารถที่ภายนอกแข็งแกร่งสะดุดตา ภายในหรูหราเป็นส่วนตัว พร้อมสมรรถนะดีเยี่ยมเพื่อทุกการผจญภัย

อ่านเพิ่มเติม - Ford Ranger Raptor 2022 เจเนอเรชันใหม่ สรุปข้อมูลให้ครบ ๆ

 Ford Everest 2022 รุ่นสปอร์ต
 Ford Everest 2022 รุ่นสปอร์ต

 Ford Everest 2022 มีโฉมที่แตกต่าง 3 รุ่นย่อย ได้แก่

  • รุ่นสปอร์ต
  • รุ่นไทเทเนียมพลัส
  • รุ่นแพลทินัม (รุ่นย่อยใหม่) - ยังไม่มีภาพ

 Ford Everest 2022 รุ่นไทเทเนียมพลัส
 Ford Everest 2022 รุ่นไทเทเนียมพลัส

ฟอร์ดจะวางจำหน่ายรุ่นย่อยต่าง ๆ แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ โดยรายละเอียดอื่น ๆ จะได้รับการเปิดเผยช่วงใกล้การเปิดตัวในประเทศนั้น ๆ

Ford Everest 2022 ภายนอกแข็งแกร่ง ภายในหรูหราเป็นส่วนตัว

ระยะฐานล้อที่กว้างและระยะระหว่างล้อหน้าและหลังที่เพิ่มขึ้นทำให้บึกบึนมากขึ้น ไฟหน้าใหม่รูปตัว C และลายเส้นกระจังหน้า มีการผสมผสานขององค์ประกอบที่มีทั้งแนวตั้งและแนวนอน สื่อถึงเสถียรภาพในการขับขี่

เส้นด้านข้างตัวถังทอดยาวจากด้านหน้าจรดท้ายรถเน้นการออกแบบตัวถังที่สะดุดตา ฐานล้อที่กว้างทำให้ซุ้มล้อใหญ่โดดเด่น 

 Ford Everest 2022 รุ่นไทเทเนียมพลัส
 Ford Everest 2022 รุ่นไทเทเนียมพลัส

การพัฒนาอุปกรณ์และการตกแต่งภายในห้องโดยสาร โดยนำแรงบันดาลใจมาจากบ้านสมัยใหม่ การใช้วัสดุตกแต่งที่ให้ความรู้สึกหรูหรา และติดตั้งไฟสร้างบรรยากาศในทุกส่วน

ความกว้างขวางในห้องโดยสาร เกิดจากการออกแบบที่สอดรับกันหลายส่วน ตั้งแต่แผงหน้าปัดด้านหน้าที่วางเต็มความกว้างของพื้นที่ คอนโซลกลางพร้อมที่วางแก้วน้ำ 2 ตำแหน่ง และที่วางแก้วน้ำแบบพับเก็บได้สำหรับเบาะคู่หน้า

บางรุ่นรถยังรองรับระบบการชาร์จแบบไร้สาย เกียร์อัตโนมัติแบบ Electronic Shifter หุ้มด้วยหนังสวยงามจับถนัดมือ พร้อมเบรกไฟฟ้า เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง สามารถปรับอุณภูมิและระบายอากาศได้ เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง รองรับการจดจำการตั้งค่าส่วนตัวของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร และเบาะนั่งแถว 2 ยังสามารถปรับอุณภูมิได้ ขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่นย่อย

 Ford Everest 2022
 Ford Everest 2022

เบาะนั่งแถวที่ 3 เข้า-ออกได้ง่ายขึ้น ด้วยการออกแบบให้เบาะนั่งแถวที่ 2 ขยับมาด้านหน้ามากกว่าเดิม นอกจากนี้ ผู้โดยสารทุกคนยังมีพื้นที่เก็บสัมภาระ และชาร์จอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของตนเองได้ด้วยการติดตั้งปลั๊กไฟทั้ง 3 แถว

ฟอร์ดให้ความสำคัญกับเบาะนั่งที่ปรับได้หลายแบบ โดยเบาะนั่งแถวที่ 2 ปรับเลื่อนได้ และพับได้แบบแบ่ง 60:40 ส่วนเบาะนั่งแถวที่ 3 ซึ่งทำให้รถจุผู้โดยสารได้ 7 คน แบ่งที่นั่งในอัตราส่วน 50:50 และพับได้แบบไฟฟ้าสำหรับบางรุ่น ที่สำคัญเบาะแถวที่ 2 และ 3 ยังพับได้แบบแบนราบเพื่อการบรรทุกสัมภาระยาว ๆ ได้อย่างปลอดภัย

ทีมออกแบบคิดค้นวิธีการป้องกันไม่ให้ของตกเมื่อเปิดประตูท้ายรถ โดยสร้างขอบเล็ก ๆ ที่เรียกกันเองในทีมว่า “จุดดักแอปเปิ้ล” (Apple catcher) บริเวณด้านหลังของที่เก็บสัมภาระ และยังมีที่เก็บของใต้พื้นรถเพื่อความเป็นระเบียบของห้องโดยสาร

 Ford Everest 2022

แผงหน้าปัดดิจิทัลขนาด 8 หรือ 12.4 นิ้วขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่นย่อย และยังมีหน้าจอแบบสัมผัสความคมชัดสูงขนาด 10.1 หรือ 12 นิ้ว เชื่อมต่อการสื่อสาร SYNC 4A พร้อมรองรับการสั่งงานด้วยเสียง ติดตั้งโมเด็มมาจากโรงงานเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันฟอร์ดพาส (FordPass™) เพื่อสามารถในการสตาร์ทรถจากระยะไกล การตรวจเช็คสถานะต่าง ๆ ของรถ รวมไปถึงการล็อค และปลดล็อคผ่านโทรศัพท์มือถือ หน้าจอทัชสกรีนแนวตั้งยังเชื่อมต่อกับกล้อง 360 องศา โดยมีหน้าจอแยกส่วน 

 Ford Everest 2022
เครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร V6 เทอร์โบ

 Ford Everest 2022
เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่

Ford Everest 2022 กับขุมกำลังทั้ง 4 แบบ

  • เครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร V6 เทอร์โบ
  • เครื่องยนต์เบนซิน 2.3 ลิตร EcoBoost 
  • เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่
  • เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบเดี่ยว 

เพื่อความต้องการสำหรับการลากจูง การบรรทุกของหนัก ทีมพัฒนาจึงเลือกนำเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร V6 เทอร์โบ มาปรับจูนให้เหมาะกับฟอร์ด เอเวอเรสต์ เพื่อเป็น 1 ใน 3 ตัวเลือกของเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลสำหรับบางประเทศ

ตัวเลือกเครื่องยนต์มีตั้งแต่เครื่องยนต์เบนซิน 2.3 ลิตร EcoBoost และเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบ อีก 2 แบบ ทั้งที่จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติแบบซีเล็กชิฟท์ 10 สปีด

เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบเดี่ยวเน้นให้พละกำลัง แรงบิด และการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ขณะที่เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบคู่ เป็นเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพสูง

ฐานล้อที่กว้างขึ้น 50 มิลลิเมตร มอบการควบคุมบนถนนได้ดียิ่งขึ้น ในขณะที่การปรับแต่งโช้คอัพใหม่ ช่วยให้การควบคุมรถทั้งบนถนนและเส้นทางออฟโรดง่าย

ระบบการขับขี่ 4 ล้อทั้ง 2 รูปแบบ ประกอบด้วย เกียร์ทรานสเฟอร์แบบ 2 จังหวะ พร้อมการเปลี่ยนโหมดการขับขี่ขณะรถเคลื่อนที่ด้วยระบบไฟฟ้า (Electronic Shift-On-The-Fly) หรือเรียกว่าระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบพาร์ทไทม์

กับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่มาพร้อมเทคโนโลยีขั้นสูงแบบฟูลไทม์ ที่มาพร้อมเกียร์ทรานสเฟอร์แบบ 2 จังหวะ (On-Demand Two-Speed Electromechanical transfer case - EMTC) ควบคุมด้วยไฟฟ้าพร้อมโหมดการขับขี่ที่เลือกใช้งานให้เหมาะกับสภาพถนนได้ และในบางประเทศ เอเวอเรสต์ ยังมาพร้อมตัวเลือกระบบการขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อด้วย

 Ford Everest 2022

หน้าจอแสดงผลสำหรับการขับขี่แบบออฟโรด แสดงผลข้อมูลเกี่ยวกับรถและสภาพเส้นทางด้านหน้าจากกล้องหน้าพร้อมกับแนวเส้นกะระยะ ช่วยผู้ขับขี่ฝ่าทุกอุปสรรคได้ง่ายขึ้น เพียงกดปุ่มเพียงปุ่มเดียว ผู้ขับขี่สามารถเลือกดูข้อมูลได้ครบครัน ทั้งระบบส่งกำลังและระบบล็อกเฟืองท้าย มุมการบังคับควบคุมพวงมาลัย และระดับความเอียงของรถ

รถลุยน้ำได้สูงสุดถึง 800 มิลลิเมตร มีความสามารถในการลากจูงถึง 3,500 กิโลกรัม (พร้อมเบรก) ออกแบบห้องเครื่องมีพื้นที่เพียงพอสำหรับแบตเตอรี่สำรองอีกลูกให้กับอุปกรณ์เสริม

ราวหลังคาออกแบบมาเพื่อการผจญภัยโดยเฉพาะ รองรับน้ำหนักได้มากถึง 350 กิโลกรัมขณะรถจอดอยู่กับที่ สามารถนอนแคมป์บนหลังคารถได้

รับน้ำหนักได้มากถึง 100 กิโลกรัมขณะรถเคลื่อนที่ มอบการใช้งานแบบอเนกประสงค์ พร้อมจุดยึดที่รองรับการใช้งานหลากหลายเหมาะสำหรับการติดตั้งหรือใช้อุปกรณ์เสริมต่าง ๆ 

 Ford Everest 2022

Ford Everest 2022 กับความปลอดภัย

ถุงลมนิรภัยใหม่ติดตั้งระหว่างผู้ขับและผู้โดยสารด้านหน้า เพิ่มการป้องกันในกรณีที่มีการชนจากด้านข้าง และถุงลมนิรภัยคู่ด้านหน้าป้องกันเข่าและขา ทำให้เอเวอเรสต์มาพร้อมถุงลมนิรภัยสูงสุดถึง 9 ตำแหน่ง รวมถึงถุงลมนิรภัยด้านคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า ถุงลมนิรภัยด้านข้างระดับหน้าอกทั้ง 2 ฟาก และม่านถุงลมนิรภัยคู่ด้านข้างครอบคลุมถึงที่นั่ง 3 แถว ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับรุ่นและประเทศที่จำหน่าย

ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ 2.0 จอดรถแบบขนานหรือเข้าช่องจอดดีขึ้น และระบบจะนำรถออกจากที่จอดรถแบบขนานเมื่อได้รับคำสั่ง

ไฟหน้าแบบเมทริกซ์ แอลอีดี ปรับระดับแสงไฟตามความเร็วอัตโนมัติ

ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติใหม่ มีทั้งหมด  3 แบบ ขึ้นอยู่กับรุ่นและประเทศที่วางจำหน่าย ประกอบด้วย

  • ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชัน Stop and Go (Adaptive cruise control with stop and go) ช่วยผู้ขับขี่รักษาความเร็วตามที่ตั้งไว้และรักษาระยะห่างจากรถด้านหน้า พร้อมเบรกให้รถจอดสนิทเมื่อจำเป็น
  • ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชัน Stop and Go และควบคุมรถให้อยู่กลางช่องทาง (Adaptive cruise control with stop and go and lane centering) จับเส้นแบ่งช่องทางและช่วยควบคุมให้รถอยู่ตรงกลางช่องทางได้
  • ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัจฉริยะ (Intelligent adaptive cruise control) อ่านป้ายจราจรและปรับความเร็วอัตโนมัติตามที่กำหนดได้

เทคโนโลยีใหม่ ช่วยในการขับขี่ ประกอบด้วย

  • (ใหม่) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางผสานระบบตรวจจับขอบถนน (Lane-keeping system with road-edge detection) ช่วยป้องกันรถออกจากเส้นทางในพื้นที่ชนบท
  • (ใหม่) ระบบช่วยหักพวงมาลัยเพื่อเลี่ยงการปะทะ (Evasive steer assist) ออกแบบให้ทำงานขณะขับขี่ในเมืองหรือบนทางด่วน โดยใช้เรดาร์และกล้องตรวจจับรถที่ขับด้วยความเร็วต่ำหรือหยุดนิ่งด้านหน้า และส่งแรงช่วยผู้ขับขี่บังคับพวงมาลัยหลบเพื่อลดความเสี่ยงจากการชน
  • (ใหม่) ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง (Reverse brake assist) ช่วยให้ถอยหลังเพื่อเข้าซองจอดหรือจอดในพื้นที่แคบๆ ด้วยการเตือนด้วยเสียงและภาพ ระบบสามารถตรวจจับรถ จักรยาน และคนเดินถนนที่ผ่านมาด้านหลังได้ และยังช่วยเบรกให้รถจอดสนิทได้ด้วยหากผู้ขับขี่ไม่ตอบสนองอย่างทันท่วงที 
  • (ใหม่) ระบบตรวจจับรถในจุดบอดครอบคลุมส่วนต่อพ่วง (Blind spot information system with trailer coverage) ตรวจจับจุดบอดรอบคันรวมถึงส่วนต่อพ่วง โดยจะแจ้งเตือนผู้ขับขี่เมื่อระบบคาดว่าอาจเกิดอันตราย ระบบนี้รองรับเทรลเลอร์ที่มีความกว้างสูงสุด 2.4 เมตร และยาว 10 เมตร x
  • ระบบป้องกันการชนเพื่อป้องกันการชนบริเวณทางแยก (Pre-collision assist with intersection functionality) ช่วยส่งแรงเบรกรถอัตโนมัติเพื่อหลีกเลี่ยงหรือลดผลกระทบจากอุบัติเหตุ ขณะที่ผู้ขับขี่กำลังเลี้ยวรถผ่านช่องทางที่มีรถวิ่งสวน เมื่อระบบประเมินว่าอาจเกิดการชนได้

Ford Everest 2022 เชื่อมต่อรถกับอินเทอร์เน็ต

รถตะถูกติดตั้งโมเดลสำหรับเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไว้ สามารถตรวจสอบสถานะต่าง ๆ ของรถ เชื่อมต่อสั่งสตาร์ทรถจากระยะไกล ทำงานผ่านแอปพลิเคชัน ฟอร์ดพาส บริการต่างๆ ขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศ ประกอบด้วย การจองรถผ่านระบบออนไลน์, ผู้เชี่ยวชาญผลิตภัณฑ์ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ พร้อมตอบทุกคำถามเกี่ยวกับการใช้งานอุปกรณ์ต่าง ๆ ในรถ, ฟังก์ชัน 'รอบรู้รถฟอร์ด' (Master your vehicle) บนแอปฯ ฟอร์ดพาส ช่วยให้ลูกค้าใช้รถได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ, อุ่นใจกับบริการตรวจสอบสถานภาพการทำงานของรถผ่านแอปฯ มีทีมเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกลูกค้า

เอียน ฟอสตัน หัวหน้าวิศวกร แพลตฟอร์ม ฟอร์ด เอเวอเรสต์ กล่าว

“เมื่อเราเริ่มนึกถึงการพัฒนารถฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ เราไม่ได้เริ่มตามขั้นตอนแบบเดิมๆ แต่เราเริ่มจากปลายทางคือลูกค้าของเรา” 

“ลูกค้าฟอร์ด เอเวอเรสต์ คือคนที่รักการผจญภัย ชอบทำกิจกรรมสนุกๆ และได้เดินทางไปกับครอบครัวและเพื่อนฝูง ลูกค้ากลุ่มนี้ล้วนให้ความสำคัญกับการใช้งานแบบอเนกประสงค์ สมรรถนะ และพื้นที่ที่กว้างขวางแบบรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ ไม่ว่าพวกเขาจะบุกตะลุยไปบนผืนทราย พื้นหิน หรือในเมืองก็ตาม”

“เอเวอเรสต์เป็นรถอเนกประสงค์ที่ได้รับการยอมรับมาโดยตลอดว่ามีช่วงล่างที่ดีเยี่ยมทั้งสำหรับการขับบนทางเรียบและออฟโรด แต่ฐานล้อที่กว้างขึ้น ทำให้ทีมไดนามิกส์เชื่อมโยงรถเข้ากับผู้ขับขี่ได้ดียิ่งกว่าเคย ทำให้การขับขี่สนุกและควบคุมรถได้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะขับในเมืองหรือบนทางหลวงนอกเมือง” ฟอสตัน กล่าว

 แมกซ์ วูล์ฟ ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบ ฟอร์ด ประเทศจีน และตลาดนานาชาติ กล่าว

“เราเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้เห็นฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ ระหว่างการพัฒนาในขั้นตอนต่าง ๆ และพวกเขาต่างแสดงความคิดเห็นไปในทางเดียวกัน คือความชอบรูปลักษณ์ที่ดูแข็งแรง สมบุกสมบัน โดยที่ยังคงความเรียบหรู และทันสมัย”

“ลูกค้าบอกกับเราว่าฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ ทำให้รู้สึกมั่นใจและพร้อมที่จะลุยพื้นที่ออฟโรด เพราะรถคันนี้มีคุณสมบัติเพียบพร้อมสำหรับการเป็นรถยนต์นั่งแบบอเนกประสงค์อย่างแท้จริง”

“สิ่งแรกๆ ที่คุณจะสังเกตได้เมื่อขึ้นไปนั่งในรถคือความเงียบของห้องโดยสาร เราอาจจะคุ้นเคยกับการนั่งในรถที่มีที่นั่งหลายแถว ทำให้ต้องหันไปตะโกนคุยกับผู้โดยสารที่นั่งแถวหลัง”

“นี่คือสิ่งที่เราต้องการปรับให้ดีขึ้นสำหรับฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ ให้ภายในห้องโดยสารเงียบพอที่จะพูดคุยกับครอบครัวหรือเพื่อนฝูงได้ง่าย ๆ และใช้เวลาอันมีค่าระหว่างเดินทางไปด้วยกัน”

ปริติกา มหาราช ผู้จัดการโครงการฟอร์ด เอเวอเรสต์ กล่าว

“เครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร V6 เทอร์โบ ให้กำลังและแรงบิดในแบบที่ลูกค้าต้องการจากเครื่องยนต์ขนาดใหญ่” 

“เครื่องยนต์แข็งแกร่งมากในแง่ของพละกำลังและแรงบิดที่มหาศาล แต่ยังคงไว้ซึ่งความเงียบเมื่ออยู่บนถนน”

ไดแอน เครก ประธานตลาดนานาชาติ ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี กล่าว

“เสียงตอบรับจากลูกค้าของเรา ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ชอบและสิ่งที่ต้องปรับปรุงในฟอร์ด เอเวอเรสต์ รุ่นปัจจุบัน ช่วยให้เราพัฒนารถที่เหนือระดับ อัดแน่นด้วยสมรรถนะ ความปลอดภัย เทคโนโลยีอัจฉริยะ และขุมพลังที่เหนือชั้นยิ่งกว่าเดิม” 

“และที่สำคัญไม่แพ้กันคือเสียงจากลูกค้ายังช่วยให้เราสร้างประสบการณ์การเป็นเจ้าของรถที่ดีเยี่ยมอีกด้วย”

“ผู้ขับขี่รถฟอร์ด เอเวอเรสต์ มีกิจกรรมมากมายที่ต้องทำ ทั้งแบ่งเวลาทำงาน ใช้เวลากับครอบครัวและเพื่อน และทำกิจกรรมเพื่อผ่อนคลาย”

“พวกเขาต้องการประสบการณ์การเป็นเจ้าของรถที่ง่ายขึ้นและเสริมสร้างความรู้สึกที่ดี ฟอร์ดจึงพัฒนาบริการมากมายซึ่งแตกต่างกันในแต่ละประเทศ เพื่อส่งมอบประสบการณ์การเป็นเจ้าของอันเหนือระดับที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า”

“เรามองว่าการซื้อรถเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางไปด้วยกันกับเรา” 

“เราจึงมุ่งมั่นที่จะอยู่เคียงข้างลูกค้าตลอดทุกช่วงเวลาในการเป็นเจ้าของรถฟอร์ด”

ตลาดรถมือสอง มีรถมากมายให้เลือกในราคาที่ถูกใจ
ดูเพิ่มเติม: ราคาฟอร์ด

แท็ก Ford Ford Everest