การประกาศตัวออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ ได้สร้างแรงสะเทือนอย่างหนักมายังอุตสาหกรรมรถยนต์ของญี่ปุ่น โดยสามค่ายผู้ผลิตทั้ง Toyota Nissan Honda เสี่ยงขาดทุนหนักหลังภาษีส่งออกรถยนต์ในยุโรปเตรียมเบ่งบานเกินควบคุม
จากปมทะเลาะกันแถวๆ ทวีปยุโรป กับปม "เบร็กซิต" (Brexit) ที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นหัวหอกหลักของสหภาพยุโรป หรือ EU ประกาศก้องเมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมาว่าตัดสินใจลาออกจากสหภาพยุโรป เพื่อขอเป็นเอกเทศในการจัดการบริหารด้วยตัวเอง ทั้งด้านเศรษฐกิจ สภาพคล่องทางการเงิน และความเป็นอยู่ของพลเมือง
แรงสั่นสะเทือนเกิดขึ้นทันที และสร้างความแตกตื่นไปทั่วโลกด้วย เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าอังกฤษเป็นชาติมหาอำนาจไม่ใช่แค่ในทวีปยุโรป แต่ยังเป็นเสืออีกตัวของโลกที่สามารถกำหนดเศรษฐกิจของโลกได้ และแน่นอนว่าการประกาศแยกตัวจากสหภาพยุโรป มันก็สั่นสะเทือนและมีผลกระทบกับการค้า เศรษฐกิจ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ปัญหาเกิดแล้วจากผลพวงของ Brexit ที่กระทบกับค่ายรถยนต์ไปเต็มๆ
การส่งออกรถยนต์ไปยังสหภาพยุโรปจะมีปัญหาทันที
กับประเด็น "ตลาดรถยนต์" ก็ใช่ว่าจะรอดไปได้จากผลพวงของการเบร็กซิต เพราะการส่งออกรถยนต์ไปขาย หรือการผลิตรถยนต์มันเลี่ยงไม่ได้ที่จะไร้ผลกระทบใดๆ ตามมากับปรากฎการเบร็กซิตของอังกฤษ
ดูเพิ่มเติม
ล่าสุดแรงกระเพื่อมก็ส่งมายังเกาะญี่ปุ่นเป็นที่เรียบร้อย ในฐานะดินแดนแห่งค่ายผลิตรถยนต์ของโลกอีกแหล่งหนึ่ง เพราะข้อมูลจาก บริษัทหลักทรัพย์ มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ มอร์แกน สแตนเลย์ ซีเคียวริตีส์ คาดการณ์ไว้ว่า 3 บิ๊กผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น ทั้ง Toyota Honda และ Nissan จะเจอภาวะสุ่มเสี่ยงที่จะขาดทุนถึง 1.5 แสนล้านเยน หรือคิดเป็นเงินไทยที่ราว 4.3 หมื่นล้านบาท/ปีเลยทีเดียว เพราะสถานการณ์เบร็กซิตทำให้ค่ายผู้ผลิตรถยนต์จะต้องเสียภาษีส่งออกรถยนต์ที่ผลิตจากประเทศอังกฤษไปยังสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้น
และทั้ง 3 บิ๊กเนมข้างต้นก็มีฐานผลิตรถยนต์เพื่อส่งออกในตลาดทวีปยุโรปอยู่ในฐานที่มั่นที่อังกฤษเสียด้วย
3บิ๊กโรงงานผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่นที่มีถิ่นฐานในอังกฤษ เจอภาวะเสี่ยงขาดทุนเข้าแล้ว
รายงานดังกล่าวยังเน้นไปที่ Nissan ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบมากที่สุด คืออาจต้องเสียภาษีมากถึง 9.4 หมื่นล้านเยน หรือราว 2.7 หมื่นล้านบาท ตามมาด้วย Toyota ที่อาจมีค่าเสียหาย 5.3 หมื่นล้านเยน หรือ 1.5 หมื่นล้านบาท และท้ายสุดคือ Honda ด้วยตัวเลขความเสียหายราว 9,000 ล้านเยน หรือ 2,600 ล้านบาท
"ภาษีการส่งออกรถยนต์จากอังกฤษของค่ายรถยนต์จากญี่ปุ่น จะอยู่ที่ราว 10% หรือหักลบคิดเป็นสัดส่วน 4% ของการคาดการณ์ผลกำไร ซึ่งจะสะท้อนถึงแผนงบประมาณด้านการเงินของผู้ผลิตรถยนต์ทั้งสามค่ายถึงเดือนมีนาคม 2563" รายงานของ มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ มอร์แกน สแตนเลย์ ระบุการคาดการณ์
แต่กระนั้น ผลกระทบของรายได้ทั้ง 3 ค่ายผู้ผลิตรถยนต์จะยิ่งรุนแรงขึ้นกว่าการคาดการณ์ หากว่าผลลัพธ์สุดท้ายของการเจรจา ระหว่างอังกฤษ และสหภาพยุโรป ไม่สามารถมีข้อตกลงกันได้ เพราะนั่นหมายถึงว่าระบบโลจิสติกส์ทุกอย่างจะหยุดชะงักลง และมันก็ส่งผลมายังการส่งออกรถยนต์ของค่ายรถยนต์จากญี่ปุ่นด้วย
Nissan อาจเจอภาวะหนักสุด ด้วยการเสี่ยงขาดทุนถึง 2.7 หมืี่นล้านบาท
โคอิจิ สุกิโมโตะ นักวิเคราะห์จากมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ มอร์แกน สแตนเลย์ ให้ข้อมูลในเชิงว่า เป็นไปได้ว่าค่ายผู้ผลิตรถยนต์อาจจะย้ายฐานการผลิตออกจากอังกฤษ เพราะกำแพงภาษีจะบีบให้ทุกค่ายอยู่ไม่ได้ ซึ่งผลวิเคราะห์ดังกล่าว ก็สอดรับกับสำนักข่าวจากญี่ปุ่นที่รายงานว่า Honda อาจจะตัดสินใจ ระงับแผนการผลิตรถยนต์ในโรงงานที่ประเทศอังกฤษไว้ชั่วคราว หากผลเบร็กซิตออกมาไม่เป็นผลดีนักกับองค์กร
ไม่ต่างจาก Toyota ก็ยอมรับเช่นกันว่า อาจจะย้ายฐานการผลิตในทวีปยุโรไปยังตุรกีแทนที่อังกฤษ รวมถึง Nissan ที่สื่อหลายสำนักรายงานว่า กำลังศึกษาถึงความเป็นไปได้ร่วมกับพันธมิตรในทวีปยุโรป เพื่อตัดสินใจย้ายฐานการผลิตเช่นกัน
Brexit จะมีผลอย่างมากต่อการส่งออกรถยนต์จากอังกฤษ
ทั้งนี้ ผลรวมของการส่งออกรถยนต์ทั้ง 3 ค่ายผู้ผลิตในห้วงปัจจุบันไปยังสหภาพยุโรปมีอยู่รวมกันทั้งสิ้นประมาณ 5.3 แสนคัน ซึ่ง Nissan ผลิตรถยนต์ในดินแดนผู้ดีมากที่สุดราว 5 แสนคัน/ปี
ผลสะท้อนของอังกฤษ ก็ช่างรุนแรงหนักหน่วงน่าดูกับปม "เบร็กซิต"ที่เกิดขึ้น น่าสนใจว่า ค่ายรถยนต์ทั้ง 3 ค่ายที่เป็นบิ๊กเนมของโลก ไมใช่แค่เพียงญี่ปุ่นถิ่นฐานบ้านเกิดเท่านั้น จะมีการปรับกลยุทธ์เข้าสู้อย่างไร เพราะตลาดยุโรปที่ไม่อาจทิ้งได้ในการแย่งชิงส่วนแบ่งการขายรถยนต์ แต่กำแพงภาษีที่มหาศาลก็ไม่อาจสูญเสียรายได้ไปด้วยเช่นกัน
ดูเพิ่มเติม
ติดตามข่าวสารรถยนต์ เชิญที่นี่
ค้นหาข้อมูลรายละเอียดสามารถเข้าดูวีวิวรถ เชิญที่นี่