หากว่าในแง่เทคโนโลยีการพัฒนายานยนต์สำหรับอนาคต ประเทศไทยกับเรื่องความเก่งกาจก็ใช่ว่าจะน้อยหน้าใครในโลก
ขณะที่หลายชาติกำลังพัฒนาในประเด็นรถยนต์ไฟฟ้า และอีกเรื่องที่สำคัญคือ "รถยนต์ไร้คนขับ" ที่หวังจะใช้เทคโนโลยีของระบบกลไกต่างๆ มาควบคุมความปลอดภัยบนท้องถนนแทนมนุษย์หลังพวงมาลัย แต่สำหรับประเทศไทยก็ไม่ได้ปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดลอยในการกระโดดเข้าร่วมวงพัฒนาด้วยเช่นกัน โดยล่าสุดกับการใช้ "สัญญาณอินเตอรเน็ต" เพื่อบังคับรถยนต์ ก็สำเร็จและได้ผลที่น่าประทับใจ
AIS หนึ่งในยักษ์ใหญ่ผู้ให้บริการสัญญาณอินเตอร์เน็ต ก็กระโดดเข้ามาใช้ระบบ 5G ในการทดลองบังคับรถยนต์ไร้คนขับ ด้วยเส้นทางระยะไกลไม่น้อย คือจากกรุงเทพมหานคร สู่หาดใหญ่ จ.สงขลาบนระยะทางกว่า 700 กิโลเมตร
การทดลองดังกล่าว AIS ร่วมกันกับ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ทดลอง ทดสอบ ศักยภาพของเทคโนโลยี 5G ในสภาพแวดล้อมจริง บนคลื่นความถี่ 28 GHz ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการทดสอบ 5G ในภาคใต้ด้วยการบังคับรถยนต์ไร้คนขับข้ามภูมิภาคของไทย ซึ่งรูปแบบการทดลองดังกล่าวถูกเรียกว่า Remote Control Vehicle AIS 5g
5G Remote Control Vehicle (การบังคับรถไร้คนขับข้ามภูมิภาค) ด้วยศักยภาพของเครือข่าย 5G ในด้านความเร็วในการรับส่งสัญญาณ (Throughput) ความเร็วในการตอบสนอง (Latency) และความเสถียรของระบบ (Stability) ทำให้สามารถนำมาประยุกต์ใช้ เพื่อใช้บังคับรถยนต์ไร้คนขับทางไกลข้ามภูมิภาคได้
การทดลองคือการบังคับรถยนต์ให้เดินทางโดยที่ ผู้ควบคุมรถไม่จำเป็นต้องอยู่ในตัวรถ แต่สามารถบังคับรถให้เคลื่อนที่ไปยังพื้นที่ต่างๆ ตามต้องการ ผ่านการสั่งงานระยะไกลแบบเรียลไทม์ บนเครือข่าย 5G ซึ่งข้อมูลต่างๆ จะถูกส่งต่อผ่านระบบ Video Analytics และสามารถ Streaming Video ที่มีความละเอียดสูง ผ่านเครือข่าย 5G กลับมาหาผู้ควบคุมรถได้ทันที จึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการนำไปประยุกต์ใช้ในหลายๆ ส่วนของสังคม เช่น การสัญจรโดยสาร, การขนส่งสินค้าในภาคอุตสาหกรรม และโลจิสติกส์ในอนาคต
ดูเพิ่มเติม
>> โฮ่งเหล็ก Delivery! ยาง Continental ผสานเทคโนโลยีไร้คนขับกับหุ่นยนต์ส่งของในงาน CES 2019
นอกจากนี้ ยังมีนวัตกรรม V2V (การสื่อสารระหว่างรถต่อรถ ผ่าน 5G)ที่เป็นการสื่อสารระหว่างรถต่อรถ (Vehicle to Vehicle) ผ่านเครือข่าย 5G สามารถรับ-ส่งข้อมูลความเร็วสูง มีการตอบสนองที่รวดเร็วและมีความเสถียรของระบบสูง ทำให้รถยนต์ 2 คัน สามารถสื่อสารข้อมูลการขับขี่ ข้อมูลความปลอดภัย และข้อมูลการจราจรไปมาระหว่างกันเองได้อย่างแม่นยำและปลอดภัย ซึ่งจะช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการจราจรในเส้นทาง
ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ในบ้านเราเองก็เริ่มทดสอบกับรูปแบบระบบรถยนต์ไร้คนขับ แม้จะไม่ใช่การพัฒนาที่ตัวรถยนต์ออกมา แต่ก็ใช้ระบบสัญญาณอินเตอร์เน็ตมาช่วยในการขับเคลื่อน ไม่แน่ว่าในอนาคตอาจจะมีการต่อยอดพัฒนาไปมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องความปลอดภัยบนท้องถนนที่เทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น รวมไปถึงการขนส่งเชิงพานิชย์ หรือระบโลจิสติกส์ต่างๆ
ดูเพิ่มเติม
>> Cruise พร้อมเสกมนต์ดัน "แท็กซี่ไร้คนขับ" ให้เกิดขึ้นจริงในปีนี้
>> “เสี่ยงตาย-ชนกันง่าย”คนมะกันกังวล “รถยนต์ไร้คนขับ”
ติดตามข่าวสารรถยนต์ คลิกที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสองสภาพดี เชิญเข้าดูที่ตลาดรถตรงนี้