ผลวิจัยชี้ 1 ใน 6 คนมะกันหากจะซื้อรถใหม่ เลือก“รถไฟฟ้า” ลำดับแรก

องค์กรอิสระที่ทำการศึกษาเกี่ยวกับการบริโภครถยนต์ของคนในสหรัฐอเมริกาอย่าง American Automobile Association หรือ AAA ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจ เพราะระบุว่าคนอเมริกันถึง 1 ใน 6 คน จะตัดสินใจซื้อรถยนต์คันใหม่ในตลาดรถแล้วล่ะก็ จะพุ่งเป้าไปที่ตัวเลือกอย่าง "รถยนต์ไฟฟ้า" เป็นลำดับแรกหากถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนรถยนต์เพื่อไว้ใช้งาน

จำนวนชาวอเมริกันกว่า 40 ล้านคน พร้อมจะเปิดรับเอารถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV เข้ามาไว้ใช้งานหลังจากค่ายผู้ผลิตรถยนต์หลายค่ายต่างพัฒนาเรื่องรถยนต์ไฟฟ้าและโปรโมตพร้อมกับทำการตลาดอย่างคึกคัก แต่ในส่วนตลาดรถของสหรัฐฯ คาดว่าจะมีรถยนต์ไฟฟ้าออกมาสู่ตลาดมากยิ่งขึ้นกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอย่างเต็มรูปแบบในระยะเวลาอีก 2 ปีข้างหน้า

AAA องค์กรที่ออกมาเผยผลวิจัยตลาดรถไฟฟ้าของสหรัฐฯ 

ผลวิจัยระบุว่าคนอเมริกัน 1 ใน 6 คนจะหันมาหารถยนต์ไฟฟ้าหากจะต้องเปลี่ยนรถยนต์คันใหม่

ทั้งนี้ สาเหตุที่คนอเมริกันหันมาให้ความสนใจกับรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น และจะพิจารณาเป็นลำดับแรกหากจะต้องเปลี่ยนรถ นั่นเพราะสังคมอเมริกันผู้คนต่างได้รับผลกระทบอยู่ไม่น้อยจากปัจจัยความผันผวนของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง 

เกร็ก แบรนนอน ผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรมยานยนต์ของ American Automobile Association หรือ AAA ออกมาสะท้อนข้อมูลชุดนี้ว่า อุปสรรคเพียงอย่างเดียวในขณะนี้สำหรับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า หรือผู้ที่สนใจในกลไกการทำงานของรถยนต์ไฟฟ้า นั่นคือการขาดองค์ความรู้เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าของผู้บริโภค แต่ทั้งนี้ หากค่ายผู้ผลิตให้ข้อมูลต่อผู้ใช้มากยิ่งขึ้น หรือมากกว่าตัวผลิตภัณฑ์รถยนต์ไฟฟ้า ก็จะเป็นการดีไม่น้อยที่จะช่วยกระตุ้นการเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าในตลาดรถของสหรัฐฯ ด้วย

ดูเพิ่มเติม
>> นิสสันอเมริกาเหนือขอถอย ปีหน้าเลิกผลิต Nissan Note
>> หวังเป็นหนึ่งในอาเซียน "สิงคโปร์" ขอร่วมวงผลิต "รถยนต์ไฟฟ้า"

รถยนต์ไฟฟ้าแม้จะจำนวนน้อยในสหรัฐฯ ณ ขณะนี้ แต่ก็มีทิศทางจะเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต 

อย่างไรก็ตาม AAA ประเมินว่าปัจจุบันมีรถยนต์ไฟฟ้า 200,000 คันในสหรัฐอเมริกา แม้จะดูเหมือนว่าปริมาณรถยนต์ไฟฟ้าของสหรัฐฯ จะยังคงน้อยอยู่ แต่จากการศึกษาก็พบว่าทัศนคติของคนอเมริกันที่เกี่ยวกับรถไฟฟ้าก็มีความสนใจมากขึ้นอย่างเรื่อยๆ สอดรับกับการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าแต่ละรุ่นของค่ายผู้ผลิตต่างๆ ที่เริ่มทยอยออกมาสู่สาธารณะ ทั้งกลุ่มรถยนต์นั่ง รถยนต์ SUV รวมไปถึงรถบรรทุกแบบใช้พลังงานไฟฟ้าที่ออกสู่ตลาดรถจำนวนมาก

แต่อีกประเด็นสำคัญจากผลการศึกษาวิจัยของ AAA พบว่าชาวอเมริกันถึง 57% ทีเดียวเชื่อว่ารถยนต์ไฟฟ้ายังไม่เหมาะสำหรับการใช้เพื่อเดินทางไกล นั่นอาจเพราะจุดสถานีชาร์จพลังงานไฟฟ้าอาจไม่ครอบคลุมในบางพื้นที่ของสหรัฐฯ และรวมไปถึงประเทศอื่นๆ ในแถบอเมริกาเหนือ กระนั้นก็ตาม หากเป็นเพราะปัญหานี้ก็เริ่มจะได้รับการแก้ไขเหมือนกัน เพราะทางการสหรัฐฯ เองก็เริ่มจะเพิ่มสถานีชาร์จพลังงานไฟฟ้าไว้ตามจุดต่างๆ ในหลายพื้นที่ รวมไปถึงค่ายผู้ผลิตก็พัฒนาระบบแบตเตอรี่ อันเป็นหัวใจของรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อให้มีระยะการใช้งานหรือการเดินทางที่ยาวนานขึ้นนั่นเอง

และอีกกว่า 42% ของคนอเมริกันเชื่อว่าอีก 10 ปีข้างหน้าบนถนนจะมีแต่รถยนต์ไฟฟ้า 

นอกไปจากนี้แล้ว อย่างที่บอกเอาไว้ในตอนต้นว่าอีกหนึ่งปัจจัยทำให้คนอเมริกันเปลี่ยนใจหันมามองรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นนั่นเพราะราคาเชื้อเพลิงที่ผันผวน ซึ่งเรื่องนี้ผลการวิจัยก็ตอกย้ำเอาไว้ว่า คนหนุ่มสาวของสหรัฐฯ เริ่มให้ความสนใจกับรถยนต์ไฟฟ้าก็เพราะปัจจัยจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงนี่เอง เพราะเรื่องราคาน้ำมันถูกพูดถึงอย่างแพร่หลายว่ามันอาจจะกระโจนไปแตะ 5 เหรียญสหรัฐฯ ต่อแกลลอน ซึ่งบางพื้นที่ก็ขยับเข้าใกล้ราคานี้เข้าไปในทุกขณะแล้ว

แต่อีกหนึ่งตัวเลขที่น่าสนใจ คือมีคนอเมริกันถึง 42% ที่มองว่าในระยะเวลาอีก 10 ปีข้างหน้า ยานพาหนะส่วนใหญ่ที่ขายจะถูกขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า และก็ยังเชื่ออีกว่ารถยนต์ที่จะวางจำหน่ายสำหรับอนาคตจะต้องมีระบบการขับเคลื่อนด้วยตัวเอง หรือรถยนต์ไร้คนขับ ซึ่งระบบนี้จะเป็นมาตรฐานของรถยนต์ที่จะวางขายในตลาดรถสำหรับอนาคตอีกด้วย เพราะขณะนี้เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV ก็น่าจะเป็นตัวนำร่องเพื่อนำไปสู่เทคโนโลยีรถยนต์ในด้านอื่นๆ

เพราะราคาน้ำมันที่ผันผวน จึงทำให้ตลาดรถไฟฟ้าของสหรัฐฯ น่าจับตามองมากขึ้นเรื่อยๆ 

อย่างไรก็ตาม ยังมีคนอเมริกันบางส่วนมองว่ากลุ่มรถยนต์พลังงานเชื้อเพลิงก็น่าจะเดินหน้าได้ต่อไป หากว่าค่ายผู้ผลิตลดราคาผลิตภัณฑ์หรือรถยนต์นั้นๆ ลงมาบ้างเพื่อดึงดูดผู้บริโภค

กระนั้นก็ตาม ปัจจัยเรื่องของการอนุรักษ์ และรักษาซึ่งสิ่งแวดล้อมผ่านตัวรถยนต์ ก็ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่คนอเมริกันจะเลือกซื้อหารถยนต์มาไว้ใช้งานด้วย ยิ่งกับรถยนต์ไฟฟ้าซึ่งถือว่าเป็นรถยนต์อีกประเภที่จะช่วยโลกเอาไว้สำหรับอนาคต ก็ไม่ยากเกินไปที่คนอเมริกันจะเลือกพิจารณาซื้อหามาใช้งาน

ดูเพิ่มเติม
>> เนเธอแลนด์ทำเจ๋งอีก 10 ปี “แบน” รถยนต์น้ำมันในกรุงอัมสเตอร์ดัม
>> Cruise พร้อมเสกมนต์ดัน "แท็กซี่ไร้คนขับ" ให้เกิดขึ้นจริงในปีนี้

ติดตามข่าวสารรถยนต์ คลิกที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสองสภาพดี เชิญเข้าดูที่ตลาดรถตรงนี้