น้ำกัดเท้าเกิดจากอะไร วิธีรักษาให้หาย และไม่กลับมาเป็นซ้ำ

น้ำกัดเท้าเป็นหนึ่งในปัญหาผิวหนังที่หลายคนต้องเจอ โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนหรือผู้ที่ต้องลุยน้ำบ่อย ๆ ซึ่งนอกจากจะสร้างความรำคาญจากอาการคัน แสบ และลอกของผิวแล้ว ยังเป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น เดินไม่สะดวก ต้องหลีกเลี่ยงรองเท้าบางประเภท หรือรู้สึกไม่มั่นใจเวลาต้องเผยผิวเท้าออกมา วันนี้เราจะพาไปทำความเข้าใจว่าน้ำกัดเท้าเกิดจากอะไร พร้อมวิธีรักษาให้หายขาด และเคล็ดลับป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำอีก

น้ำกัดเท้าเกิดจากอะไร ?

น้ำกัดเท้า หากอยากรักษาให้หาย ต้องเข้าใจสาเหตุกันก่อน โดยเกิดจากการติดเชื้อราที่ผิวหนัง โดยเฉพาะเชื้อราชนิด Dermatophyte ซึ่งชอบอยู่ในที่ชื้นและอับ เช่น ในรองเท้าที่เปียก เหงื่อที่เท้า หรือพื้นที่มีน้ำขัง เมื่อเท้าสัมผัสกับสิ่งเหล่านี้เป็นเวลานาน เชื้อราจะเจริญเติบโตและเริ่มทำลายผิวหนังบริเวณนิ้วเท้าหรือฝ่าเท้า ทำให้เกิดอาการคัน แดง ผิวลอกหรือแตกระแหง และบางรายอาจมีตุ่มน้ำใส ๆ หรือกลิ่นไม่พึงประสงค์ร่วมด้วย

สาเหตุที่พบบ่อย ได้แก่

• เดินลุยน้ำหรืออยู่ในรองเท้าที่อับชื้นเป็นเวลานาน
• ใช้รองเท้าหรือถุงเท้าร่วมกับผู้อื่น
• ไม่เช็ดเท้าให้แห้งหลังอาบน้ำหรือล้างเท้า
• ภูมิคุ้มกันอ่อนแอหรือเป็นโรคเบาหวาน

น้ำกัดเท้า รักษาอย่างไร ให้หายเร็ว

หากเป็นน้ำกัดเท้าระยะเริ่มต้น การดูแลรักษาด้วยตนเองสามารถช่วยให้อาการดีขึ้นได้ แต่หากมีอาการรุนแรงควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับยารักษาอย่างเหมาะสม โดยวิธีดูแลและรักษาที่แนะนำ ได้แก่

1. ล้างเท้าให้สะอาดและเช็ดให้แห้งทุกครั้ง โดยเฉพาะบริเวณซอกนิ้วเท้า เพราะความชื้นเป็นตัวกระตุ้นให้เชื้อราเติบโต
2. ใช้ยาทารักษาเชื้อรา เช่น ครีมหรือสเปรย์ที่มีตัวยา Clotrimazole, Miconazole หรือ Terbinafine ทาบริเวณที่เป็นวันละ 1–2 ครั้ง จนกว่าอาการจะหายสนิท
3. เปลี่ยนรองเท้าและถุงเท้าให้แห้งเสมอ หลีกเลี่ยงรองเท้าที่อับหรือเปียก และควรซักถุงเท้าเป็นประจำ
4. งดเกาแม้จะคันมาก เพราะอาจทำให้ผิวหนังถลอกและติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนได้
5. หากมีตุ่มน้ำหรือแผลเปิด ควรหลีกเลี่ยงการแช่น้ำ และควรใช้ยาฆ่าเชื้อร่วมกับยาทาราเพื่อป้องกันการติดเชื้อเพิ่ม

วิธีป้องกันไม่ให้น้ำกัดเท้ากลับมาเป็นซ้ำ

การป้องกันน้ำกัดเท้าสำคัญไม่แพ้การรักษา เพราะน้ำกัดเท้ามักกลับมาเป็นได้ง่าย หากไม่ดูแลอย่างถูกวิธี ดังนี้

• รักษาความสะอาดเท้าและเช็ดให้แห้งทุกครั้งหลังล้างหรืออาบน้ำ
• หลีกเลี่ยงการใส่รองเท้าคู่เดิมติดต่อกันหลายวัน ควรมีรองเท้าสำรองเพื่อสลับใช้
• ซักถุงเท้าให้สะอาดและตากแดดก่อนใช้งาน
• ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น รองเท้า ถุงเท้า หรือผ้าเช็ดตัว
• หากต้องลุยน้ำ ควรสวมรองเท้าบู๊ตกันน้ำ และล้างเท้าด้วยสบู่ทันทีหลังกลับถึงบ้าน

น้ำกัดเท้าแม้จะไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่สร้างความรำคาญและอาจลุกลามได้หากละเลยการดูแล การรักษาความสะอาด รักษาให้ถูกวิธี และป้องกันความอับชื้นคือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้เท้ากลับมาสุขภาพดี ไม่คัน ไม่ลอก และไม่กลับมาเป็นซ้ำอีกแน่นอน