คนเยอรมันอาจตกงานเพราะรถพลังไฟฟ้า

รถพลังไฟฟ้ามีการเติบโตและพัฒนาอย่างรวดเร็ว

การที่รถพลังงานไฟฟ้าเข้ามีบทบาทในปัจจุบัน นั่นส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในเยอรมนี เมื่อสหภาพแรงงานและอุตสาหกรรมยานยนต์ในเยอรมันออกมาเผยว่า การเติบโตของเทคโนโลยีรถพลังงานไฟฟ้าอาจทำให้พนักงานในตำแหน่งผลิตเครื่องยนต์ และระบบเกียร์กว่า 75,000 คนเสี่ยงที่จะตกงาน 

ทาง Fraunhofer Institute of Industrial Engineering ได้ทำการวิจัยจากบริษัทรถยนต์ต่างๆ ได้แก่ Daimler, Volkwagen, BMW, Bosch, ZF และ Schaeffler และได้เผยว่ารถพลังงานไฟฟ้านั้นใช้เวลาการผลิตเร็วกว่าเครื่องยนต์สันดาปประมาณ 30% เนื่องจากรถพลังงานไฟฟ้ามีส่วนประกอบน้อยกว่าเครื่องยนต์สัปดาป อีกทั้งยังพบว่าอุตสาหกรรมยานยนต์เยอรมนีนั้นมีการจ้างงานกว่า 840,000 คน อยู่ในแผนกผลิตระบบส่งกำลัง 210,000 คน

การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าใช้แรงงานน้อยกว่ารถยนต์แบบสันดาป

ดูเพิ่มเติม
>>แดนผู้ดีเลือกรถไฮบริดมากกว่าดีเซลแล้ว
>>รัฐสั่งลุย! จัดซื้อรถยนต์พลังไฟฟ้า ทั้งราชการ-รัฐวิสหกิจร่วมสร้างตลาดรอบด้าน

คาดการณ์ว่ารถยนต์พลังไฟฟ้าจะมีอัตราสูงขึ้น ซึ่งส่งผลต่อแรงงาน​

ทั้งนี้จากการคาดการณ์พบว่าหากภายในปี 2030 รถยนต์พลังงานไฟฟ้าในเยอรมนีมีเพิ่มเป็น 25% รถยนต์ไฮบริด 15% รถเครื่องยนต์เบนซิน และดีเซล 60%  นั่นหมายความว่า 75,000 คนอาจเสี่ยงตกงาน และถ้ารถพลังงานที่ได้จากแบตเตอรี่มีอัตราเพิ่มขึ้น 100,000 คนอาจจะตกงาน เนื่องจากโรงงานผลิตแบตเตอรี่ต้องการคนงานเพียง 1 ใน 5 ของโรงงานที่ผลิตเครื่องยนต์แบบเดิม

นอกจากนี้จากการศึกษาวิจัยดังกล่าว ก็ยังพบว่าเยอรมนีต้องระวังการส่งมอบเทคโนโลยีให้ค่ายรถต่างชาติที่เป็นผู้นำการผลิตรถยนต์ เช่น จีน เกาหลี และญี่ปุ่น โดยแนะว่าควรขายเทคโนโลยีแทนการร่วมมือ 

รถยนต์พลังงานไฟฟ้าก็ยังคงเติบโตได้เรื่อยๆ ซึ่งถือว่าเป็นเทคโนโลยีนวัตกรรมในโลกปัจจุบันที่กำลังมาแรง ส่วนไทยก็เริ่มมีรถพลังไฟฟ้าบ้างแล้ว และหลายภาคส่วนก็พร้อมสนับสนุนเต็มที่ ชาว Chobrod ว่ายังไงกันบ้างมีความเห็นกับเรื่องนี้ยังไง ก็มาบอกกันได้นะ 

ดูเพิ่มเติม
>>อนาคตรถพลังไฟฟ้าในไทยแรง หลายค่ายเริ่มขายจริง
>>เยอรมนีเอาจริง!! ห้ามรถดีเซลเก่าควันดำวิ่งในเขตเมือง