เข้าใจสาเหตุว่าทำไมผู้ป่วยโรคหัวใจจึงต้องรักษาด้วยการผ่าตัดหัวใจ?

ตลาดรถยนต์ในประเทศ | 23 พ.ค 2568
แชร์ 0

เข้าใจสาเหตุว่าทำไมผู้ป่วยโรคหัวใจจึงต้องรักษาด้วยการผ่าตัดหัวใจ?

หัวใจเป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่สูบฉีดโลหิตเพื่อไปหล่อเลี้ยงทั่วร่างกาย แต่เมื่อเกิดภาวะของโรคหัวใจ การทำงานของหัวใจจะบกพร่อง และส่งผลกระทบต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย แต่ในปัจจุบันการรักษาโรคหัวใจมีอยู่หลายวิธีด้วยกัน ตั้งแต่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การใช้ยา ไปจนถึงการรักษาด้วยการผ่าตัด แต่ในกรณีที่ต้องผ่าตัดหัวใจ ผู้ป่วยมักจะเกิดภาวะเหล่านี้ 

  1. หลอดเลือดหัวใจตีบตันรุนแรง: สำหรับภาวะนี้เกิดจากการสะสมของไขมันและตะกรันในหลอดเลือดที่นำเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ ทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก กล้ามเนื้อหัวใจขาดออกซิเจนและอาจเกิดภาวะหัวใจวายเฉียบพลันได้ การผ่าตัดบายพาสหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Artery Bypass Grafting: CABG) เป็นหนึ่งในวิธีการผ่าตัดหัวใจที่นำมาใช้ในการรักษา เพื่อนำหลอดเลือดจากส่วนอื่นของร่างกายมาต่อเชื่อม ทั้งยังเป็นการสร้างทางเบี่ยงให้เลือดสามารถไหลเวียนไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้ตามปกติ

  2. ลิ้นหัวใจผิดปกติ: ลิ้นหัวใจมีหน้าที่ควบคุมการไหลเวียนของเลือดภายในหัวใจ หากลิ้นหัวใจตีบแคบหรือรั่ว จะทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้นและประสิทธิภาพในการสูบฉีดเลือดลดลง การผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจ (Valve Replacement) หรือซ่อมแซมลิ้นหัวใจ (Valve Repair) จะช่วยให้การทำงานของหัวใจกลับมาเป็นปกติ

  3. หัวใจโตหรือหัวใจวาย: ในบางกรณีที่หัวใจมีขนาดโตขึ้นมาก หรือเกิดภาวะหัวใจวายที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยา การผ่าตัดอาจเป็นทางเลือกในการรักษา เช่น การผ่าตัดเอากล้ามเนื้อหัวใจส่วนที่หนาตัวผิดปกติออก (Septal Myectomy) ในผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจหนาตัวผิดปกติ (Hypertrophic Cardiomyopathy) หรือการปลูกถ่ายหัวใจ (Heart Transplantation) ในผู้ป่วยหัวใจวายระยะสุดท้าย

  4. ความผิดปกติของหัวใจแต่กำเนิด: เด็กหรือผู้ใหญ่บางรายอาจมีความผิดปกติของโครงสร้างหัวใจมาตั้งแต่เกิด ซึ่งอาจส่งผลต่อการทำงานของหัวใจ การผ่าตัดหัวใจอาจสามารถแก้ไขความผิดปกติเหล่านี้ได้  

  5. ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะรุนแรง: ในบางกรณีที่การเต้นของหัวใจผิดจังหวะอย่างรุนแรงและไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยา การผ่าตัดใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจแบบฝัง (Implantable Cardioverter-Defibrillator: ICD) หรือการจี้ไฟฟ้าหัวใจ (Catheter Ablation) อาจจำเป็นเพื่อควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจ

สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคหัวใจมีอะไรบ้าง? 

แต่ถ้าถามว่า ทำไมคนเราถึงเป็นโรคหัวใจและในบางครั้งรุนแรงจนต้องเข้ารับการผ่าตัดหัวใจเพื่อช่วยรักษาให้หายดี ซึ่งสาเหตุของการเกิดโรคหัวใจมีอยู่หลากหลายด้วยกัน ได้แก่

1. ปัจจัยเสี่ยงที่ไม่สามารถควบคุมได้ 

  • อายุ: ความเสี่ยงของโรคหัวใจเพิ่มขึ้นตามอายุที่มากขึ้น
  • เพศ: ผู้ชายมีความเสี่ยงสูงกว่าผู้หญิงในวัยก่อนหมดประจำเดือน แต่ความเสี่ยงในผู้หญิงจะเพิ่มขึ้นหลังหมดประจำเดือน
  • ประวัติครอบครัว: หากมีบุคคลในครอบครัว (โดยเฉพาะญาติสายตรง เช่น พ่อ แม่ พี่น้อง) เป็นโรคหัวใจในอายุน้อย จะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรค
  • เชื้อชาติ: บางเชื้อชาติมีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจบางชนิดสูงกว่าเชื้อชาติอื่น

ปัจจัยเสี่ยงที่สามารถควบคุมได้ 

  • ความดันโลหิตสูง (Hypertension): แรงดันเลือดที่สูงเกินไปจะทำลายหลอดเลือดและเพิ่มภาระการทำงานให้หัวใจ
  • ระดับไขมันในเลือดผิดปกติ (Dyslipidemia): ระดับคอเลสเตอรอล LDL (ไขมันเลว) สูง และระดับคอเลสเตอรอล HDL (ไขมันดี) ต่ำ เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง
  • โรคเบาหวาน (Diabetes Mellitus): ระดับน้ำตาลในเลือดสูงเป็นเวลานานจะทำลายหลอดเลือดทั่วร่างกาย รวมทั้งหลอดเลือดหัวใจ
  • การสูบบุหรี่ (Smoking): สารเคมีในบุหรี่ทำลายหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดแข็งตัว และเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดลิ่มเลือด
  • ภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วน (Overweight and Obesity): น้ำหนักที่มากเกินไปเพิ่มภาระการทำงานให้หัวใจ และมักเกี่ยวข้องกับปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน และไขมันในเลือดผิดปกติ
  • การขาดการออกกำลังกาย (Physical Inactivity): การไม่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพิ่มความเสี่ยงของโรคหัวใจ
  • ความเครียด (Stress): ความเครียดเรื้อรังอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด
  • อาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ (Unhealthy Diet): การบริโภคอาหารที่มีไขมันอิ่มตัว ไขมันทรานส์ โซเดียม และน้ำตาลสูง เพิ่มความเสี่ยงของโรคหัวใจ

การทำความเข้าใจถึงสาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันและลดโอกาสของการเกิดโรค การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการควบคุมปัจจัยเสี่ยงที่สามารถแก้ไขได้ จะช่วยให้คุณมีสุขภาพหัวใจที่ดีและลดความจำเป็นในการรักษาด้วยการผ่าตัดหัวใจในอนาคต