ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย เอเอเอส กรุ๊ป จัดงานพิเศษครบรอบ 50 ปีของแบรนด์ Porsche Design โดยการเปิดตัว Porsche 911 Targa 4 GTS Edition 50 Years Porsche Design คันเดียวในไทย และมีเพียง 750 คันในโลก โดยสามารถชมคันจริงได้ 22 ก.ค.- 21 ส.ค. 2565 ที่ Porsche Studio Bangkok ศูนย์การค้า ICONSIAM
Porsche 911 Targa 4 GTS Edition 50 Years Porsche Design เป็นรถยนต์รุ่นพิเศษจากแผนก Porsche Design (ปอร์เช่ ดีไซน์) เพื่อฉลองครบรอบ 50 ปี โดยใช้พื้นฐานจากรุ่น ปอร์เช่ 911 ทาร์กา โฟร์ จีทีเอส (911 Targa 4 GTS)
อ่านเพิ่มเติม - Audi RS3 Sportback 2022 ซูเปอร์คาร์ เปิดจำหน่าย 5.399 ล้านบาท
แรงบันดาลใจจากการหวนรำลึกถึงผลงานการออกแบบอันเปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์ของ Ferdinand Alexander (F.A.) Porsche ไม่ว่าจะเป็นตัวถังภายนอกรถสีดำ เบาะที่นั่งหุ้มด้วยวัสดุ Sport-Tex ลายตารางหมากรุกสุดคลาสสิค และนาฬิกาจับเวลา Porsche Design Subsecond clock และชุดแต่งเพิ่มสมรรถนะ Sport Chrono Package
นอกจากนี้ผู้ตัดสินใจครอบครองรถเวอร์ชั่นพิเศษรุ่นนี้ จะได้รับสิทธิในการสั่งซื้อนาฬิกาข้อมือระดับตำนาน Chronograph I จากแบรนด์ Porsche Design (ปอร์เช่ ดีไซน์) อีกด้วย โดยรถปอร์เช่ 911 Targa 4 GTS Edition 50 Years Porsche Design รุ่นพิเศษนี้ถูกผลิตขึ้นเพียง 750 คันเท่านั้น
ตัวถังภายนอกสีดำ หรือสี Jet Black Metallic ที่สง่างาม ทรงพลัง เพื่อสะท้อนภาพลักษณ์ของแบรนด์ Porsche Design (ปอร์เช่ ดีไซน์) โดย Roland Heiler กรรมการผู้จัดการ และหัวหน้าทีมออกแบบของ Studio F.A. Porsche ใน Zell am See ได้กล่าวเอาไว้ว่า
“สีดำ คือสีที่ถูกนำมาใช้ในช่วงแรกของการผลิตนาฬิกาข้อมือรุ่น Chronograph I จากแบรนด์ปอร์เช่ ดีไซน์ (Porsche Design) และนั่นคือเหตุผลที่เราเลือกใช้เฉดสีดำสำหรับรถสปอร์ตลิมิเต็ด อิดิชั่น (limited-edition) ของเรารุ่นนี้ พร้อมกับชิ้นงานตกแต่งแพลทตินั่ม (Platinum) อีกทั้งสีดำช่วยเสริมและยกระดับความดุดันให้แก่ตัวถังภายนอก เหมือนกับการตกแต่งด้วยโครเมียมในแบบที่เคยใช้มา”
โดยหลังคา Targa bar นั้นพ่นด้วยสีแพลทตินั่ม (Platinum) satin finish พร้อมติดตั้งฟิล์มที่ตกแต่งด้วยคำว่า Porsche Design (ปอร์เช่ ดีไซน์) บนบานประตูทั้งสองฝั่ง ซึ่งใช้สีที่ตัดกับสีตัวถังของรถสปอร์ตรุ่น limited-edition
ล้ออัลลอยด์ลายเดียวกันกับรถปอร์เช่ 911 เทอร์โบ เอส (911 Turbo S) ที่ล้อหน้ามีขนาด 20 นิ้ว และล้อหลังมีขนาด 21 นิ้ว ขอบวงล้อพ่นด้วยสีแพลทตินั่ม (Platinum) satin finish และตกแต่งฝาครอบดุมล้อรถด้วยตราสัญลักษณ์ของปอร์เช่
คาลิเปอร์เบรกนั้นพ่นด้วยสีดำเงา (high-gloss) สีเดียวกันกับอุปกรณ์มาตรฐานที่มาพร้อมกับชุดแต่ง Sport Design package นอกจากนี้รถ special edition รุ่นนี้ยังได้ตกแต่งด้วยตราสัญลักษณ์พิเศษ ‘Porsche Design 50th Anniversary Edition’ บริเวณกระจังดักอากาศท้ายรถ พร้อมตัวอักษร 911 สีดำบนกันชนท้าย
การตกแต่งห้องโดยสารภายใน นักออกแบบยังคงได้รับแรงบันดาลใจจากงานดีไซน์อันเปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์ของ F.A. Porsche กับการตกแต่งด้วยวัสดุ Sport-Tex พร้อมหนังแท้สุดพิเศษสีดำ ตัดด้วยสีเทา Slate Grey
บริเวณกึ่งกลางเบาะที่นั่งหุ้มด้วยผ้าลายตารางหมากรุกสีดำเทาสุดคลาสสิค ซึ่งเป็นเบาะที่นั่งแบบ Adaptive Sports Seats Plus ที่ปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้าได้ถึง 18 ทิศทาง มาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานกับหน่วยความจำที่สามารถระบุตำแหน่งของเบาะที่นั่งได้
ชุดตกแต่ง Sport Chrono Package ด้วยนาฬิกาจับเวลา Porsche Design Subsecond clock ที่ได้รับการติดตั้งให้อยู่บริเวณตรงแผงคอนโซลหน้า ซึ่งมีสไตล์การตกแต่งหน้าปัดด้วยเข็มนาฬิกาสีแดงสไตล์เดียวกันกับหน้าปัดนาฬิกาข้อมือ Chronograph I ของรุ่นปี 1972 จากแบรนด์ Porsche Design (ปอร์เช่ ดีไซน์)
พวงมาลัย GT sports หุ้มด้วยหนังแท้ และตัดคาดด้วยหนังสีเทา Slate Grey เช่นดียวกับมาร์คบอกตำแหน่ง 12 นาฬิกาบนหน้าปัดนาฬิกาข้อมือ ยิ่งทำให้กลมกลืนเข้ากับสายเข็มขัดนิรภัยที่มีเฉดสีเดียวกัน บริเวณที่รองศรีษะของเบาะที่นั่งคนขับประทับด้วยตราสัญลักษณ์ ‘Porsche Design 50th Anniversary’ ซึ่งเป็นการตกแต่งแบบเดียวกับขอบประตูรถสีดำ แทรกด้วยอะลูมิเนียมปัดเงา
นอกจากนี้อุปกรณ์พิเศษอื่น ๆ ที่ได้รับการตกแต่งลงไปในรุ่นพิเศษนี้ประกอบไปด้วย ตราสัญลักษณ์ 911 สีเงิน พร้อมหมายเลขลำดับการผลิต limited edition number บนแผงคอนโซล และลายเซ็นต์ของ F.A. Porsche ประทับลงบนฝาปิดลิ้นชักเก็บของบริเวณคอนโซลกลาง
เครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ ขนาดความจุ 3.0 ลิตร 6 สูบนอน ให้พละกำลังขับเคลื่อนถึง 480 แรงม้า (353 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุด 570 นิวตันเมตร ระบบเกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะคลัทช์คู่ 8 จังหวะ (PDK) หรือเกียร์ธรรมดา 7 จังหวะอัตราทดชิด ที่ให้การเปลี่ยนเกียร์ทำได้อย่างรวดเร็วฉับไว
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว Porsche Active Suspension Management (PASM) เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่ได้รับการติดตั้งลงในปอร์เช่ 911 ทาร์กา โฟร์ จีทีเอส (911 Targa 4 GTS) และให้คุณมั่นใจได้อย่างเต็มพิกัดด้วยระบบเบรกที่มีสมรรถนะสูงซึ่งถูกยกมาจากรถปอร์เช่ 911 เทอร์โบ (Turbo)
ระบบระบายไอเสียที่ถูกติดตั้งแบบสปอร์ตที่ได้รับมาตรฐาน พร้อมปลุกเร้าอารมณ์ความรู้สึกด้วยประสบการณ์แห่งเสียงคำรามจากขุมพลังเครื่องยนต์สุดแรง ที่ได้รับการปรับแต่งเสียงท่อรวมไปถึงการลดปริมาณฉนวนกั้นเสียงในบางตำแหน่งของตัวรถเป็นพิเศษสำหรับรุ่น GTS โดยเฉพาะ
นาฬิกาข้อมือสีดำด้านทั้งตัวเรือน ที่มาพร้อมฟังก์ชั่นจับเวลาอันแม่นยำคือการพลิกโฉมโลกของนาฬิกาสู่วิวัฒนาการใหม่ในปี 1972 ด้วยเข็มนาฬิกาบอกตำแหน่งชั่วโมงสีแดงสดเรืองแสงบนหน้าปัดสีดำ และกระจกหน้าปัดลดแสงสะท้อน anti-reflective ที่ให้การอ่านค่าชัดเจน คือคุณลักษณะที่ F.A. Porsche เลือกสรรให้เป็นนาฬิกาที่เหมาะสำหรับการติดตั้งในห้องโดยสารของรถแข่งที่ต้องการลดแสงสะท้อนให้น้อยที่สุด
และเนื่องในวาระเฉลิมฉลองการครบรอบในครั้งนี้ของแบรนด์ Porsche Design (ปอร์เช่ ดีไซน์) ได้เปิดตัวนาฬิการุ่นพิเศษระดับตำนานอีกครั้ง โดยเจ้าของผู้ตัดสินใจครอบครองยนตกรรมสปอร์ต limited-edition พิเศษรุ่นนี้ จะได้รับสิทธิในการสั่งซื้อนาฬิกาข้อมือรุ่นดังกล่าวเพื่อใช้งานร่วมกับตัวรถ พร้อมหมายเลขลำดับการผลิตประทับไว้บริเวณฝาตัวเรือนของนาฬิกา โดยจะเป็นหมายเลขเดียวกันกับที่ถูกประทับไว้บนตัวรถนั่นแองอีกด้วย
Porsche Design ยังคงไว้ซึ่งสไตล์การออกแบบดั้งเดิมทั้งหมดของนาฬิกาข้อมือรุ่น Chronograph I ตั้งแต่แผง bilingual date display จนถึงกรอบแผงหน้าปัดวงในสีแดง ที่เหมือนการตกแต่งภายในห้องโดยสารของรถปอร์เช่ 911 ในอดีต และในส่วนของงานดีไซน์ที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมนั้น ล้วนแต่เป็นการนำเอาความล้ำสมัยที่เพิ่มเติมเข้ามาเพื่อเน้นย้ำถึงความเชื่อมโยงของนาฬิกาที่มีต่อรถสปอร์ตปอร์เช่รุ่นพิเศษ limited-edition รุ่นนี้
ซึ่งตราสัญลักษณ์ Porsche Design ในปัจจุบันนี้ก็ยังได้เพิ่มความทันสมัยที่สังเกตได้อย่างชัดเจน เพื่อเป็นการยกระดับประสิทธิภาพให้ฟังก์ชั่น tachymeter scale ที่ใช้สำหรับการจับเวลาในการแข่งขันกีฬาความเร็ว และการปรับเปลี่ยนรูปทรงของตำแหน่งนาทีส่งผลให้การอ่านค่าง่ายดายยิ่งขึ้น
ขณะที่ตัวเรือนและสายรัดข้อมือ รวมไปถึงตัวล๊อคสายนาฬิกานั้น ถูกเลือกใช้ด้วยวัสดุ high-performance titanium ผลิตขึ้นมาด้วยกระจก sapphire บนตัวเรือนด้านหลังของนาฬิกา แสดงให้เห็นถึงการทำงานของ winding rotor สะท้อนถึงงานออกแบบที่มีแรงบันดาลใจมาจากพวงมาลัยของรถสปอร์ต พร้อมตัวเรือนนาฬิกาสีแพลทตินั่ม Platinum (silk finish) และปุ่มควบคุมแผงนาฬิกาที่ได้รับการดีไซน์มาเป็นพิเศษเช่นเดียวกับฝาปิดดุมรถที่มีตราสัญลักษณ์ปอร์เช่สะท้อนออกมา
นาฬิกาข้อมือรุ่นนี้ใช้กลไกการทำงานในรูปแบบ COSC-certified Porsche Design movement 01.240 ซึ่งประกอบด้วย flyback mechanism ทำหน้าที่หยุดเวลา ตั้งค่าเวลา และสามารถจับเวลาในรูปแบบของ single action ด้วยเข็มสีแดงอันเป็นเอกลักษณ์ของหน้าปัดนาฬิกา
Porsche 911 Targa 4 GTS Edition 50 Years Porsche Design จำนวน 750 คัน ก็จะมาคู่กับ Chronograph 1 – 911 Targa 4 GTS Edition 50 Years Porsche Design ที่ถูกผลิตขึ้นมาเพียง 750 เรือนเช่นกัน เพื่อให้ผู้ที่ได้ครอบครองรถรุ่นพิเศษนี้สามารถมีสิทธิสั่งซื้อและเป็นเจ้าของนาฬิการุ่นนี้เท่านั้น โดยแต่ละเรือนจะถูกสลักด้วยหมายเลขลำดับการผลิต Limited Edition Number ไว้ที่ด้านหลังของตัวเรือนนาฬิกา เพิ่มความพิเศษและความภาคภูมิใจซึ่งนับได้ว่าเป็นไอเท็มที่ควรค่าแห่งการได้ครอบครองทั้งตัวรถและนาฬิกา
ทางแบรนด์ Porsche Design (ปอร์เช่ ดีไซน์) มอบความพิเศษให้สำหรับบรรดาผู้ที่หลงใหลในความสปอร์ตคลาสสิคของรถปอร์เช่ จึงได้ผลิตนาฬิกาข้อมือ Chronograph 1 รุ่นปี 1972 Limited Edition ซึ่งมีจำนวนจำกัดเพียงแค่ 500 เรือน ให้กับผู้ที่สนใจครอบครองนาฬิการุ่นนี้ในวาระพิเศษนี้
มร.ปีเตอร์ โรห์เวอร์ กรรมการผู้จัดการ ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย เอเอเอส กรุ๊ป (Porsche Thailand by AAS Group) กล่าวว่า
“ตลอดระยะเวลาการเดินทางกว่าครึ่งศตวรรษของแบรนด์ปอร์เช่ดีไซน์ (Porsche Design) นั้นมีจุดเริ่มต้นจากความฝันของ Ferdinand Alexander (F.A.) Porsche ที่ต้องการส่งมอบรถสปอร์ตที่ได้รับการออกแบบจากการผสมผสานรูปลักษณ์อันโดดเด่นผนวกกับสมรรถนะที่เหนือชั้นไว้ด้วยกันมาจวบจนทุกวันนี้ได้อย่างดีเยี่ยม และในงานครั้งนี้ถือเป็นความภาคภูมิใจที่ได้นำเสนอรถสปอร์ตรุ่นครบรอบสุดพิเศษอย่าง 911 Targa 4 GTS Edition 50 Years Porsche Design ที่มีการเลือกใช้สีตัวถังรถภายนอกและห้องโดยสารภายในด้วยการตกแต่งจากวัสดุ Sport-Tex สีดำสุดคลาสสิค พร้อมความพิเศษด้วยตราสัญลักษณ์ ‘Porsche Design 50th Anniversary Edition’ บริเวณกระจังดักอากาศท้ายรถอีกด้วย ซึ่งสะท้อนนิยามความเป็นตัวตนด้านการออกแบบของแบรนด์ปอร์เช่ดีไซน์ (Porsche Design) ได้อย่างชัดเจน อีกทั้งภายในงานนี้เรายังได้จัดแสดงรถปอร์เช่ในตำนานอย่าง 911 S Targa รุ่นปี 1969 ซึ่งท่านจะได้เห็นถึงความแตกต่างด้านการออกแบบที่ถูกกาลเวลาผลัดเปลี่ยนไปถึง 50 ปี แต่ยังคงไว้ซึ่ง DNA และจิตวิญญาณการออกแบบรถโมเดล 911 ไว้อย่างชัดเจน และในฐานะปอร์เช่ ประเทศไทย เราได้รับความไว้วางใจจากทางโรงงานปอร์เช่ รับรองให้ Porsche Centre Bangkok เป็นศูนย์ Porsche Classic Partner อย่างเป็นทางการแห่งแรกของโลก ที่พร้อมดูแลรถปอร์เช่คลาสสิคคู่ใจของคุณด้วยความเชี่ยวชาญจากช่างผู้ชำนาญการ พร้อมรองรับผู้ที่เป็นเจ้าของรถยนต์และเหล่าบรรดาผู้หลงใหลในความสปอร์ตคลาสสิคของรถปอร์เช่ในประเทศไทย เพื่อตอกย้ำและการันตีการเป็นผู้นำด้านรถยนต์ คลาสสิคได้อย่างชัดเจนอีกด้วย”
คุณ ปวราภา ดุพัสกูล ผู้อำนวยการแผนกการตลาดและประชาสัมพันธ์ ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย เอเอเอส กรุ๊ป กล่าวว่า
“สำหรับนิทรรศการในครั้งนี้ ปอร์เช่ ประเทศไทย ได้นำรถรุ่นตำนานระดับโลกมาจัดแสดง เพื่อต้องการถ่ายทอดเรื่องราวต่าง ๆ ที่หาชมได้ยาก อย่างประวัติความเป็นมา ของรถรุ่น 911 ทาร์กา ให้แฟนคลับปอร์เช่ได้ยลโฉมความสวยแบบคลาสสิคซึ่งความพิเศษเช่นนี้มีเพียงที่เดียวในประเทศไทยเท่านั้น และเพื่อตอกย้ำความแข็งแรง และความสำเร็จของปอร์เช่ ประเทศไทยแบบก้าวกระโดดภายใต้การดำเนินงานของ เอเอเอส กรุ๊ป ในปี 2022 นี้ เราสร้างความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มลูกค้า พร้อมดำเนินการตามวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร ทางบริษัทฯ มีการปรับโครงสร้างองค์กรและพัฒนาบริษัทให้ก้าวต่อไปข้างหน้า โดยแบ่งส่วนการบริหารงานของ ปอร์เช่ ประเทศไทยอย่างชัดเจน โดยปัจจุบันเราแบ่งการทำงานออกเป็น 2 บริษัทคือ บริษัท เอเอเอส ออโต้ อิมพอร์ต จำกัด และบริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด เพื่อการพัฒนาไปอีกขั้นที่ต้องการจะโฟกัสองค์กรให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ตลาดรถมือสอง มีรถมากมายให้เลือกในราคาที่ถูกใจ